คอนโซล / พีซีสกู๊ปพิเศษเกม

7 สิ่งที่ทำให้ DOKAPON! Sword of Fury ใน Steam แตกต่างจากเวอร์ชั่น PS1

เกมแห่งการทรยศหักหลังเพื่อนแห่งยุค PS1 วางจำหน่ายใน STEAM แล้ววันนี้!

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาว DOKAPON ทุกท่าน หลายท่านอาจจะเคยเล่นเกมภาค Playstation 1 อย่างภาค DOKAPON! Sword of Fury กันมาบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ยุคนึงมันคือเกมที่ใช้เล่นกับเพื่อนแล้วมีสีสันมาก ตอนนี้เกมได้วางจำหน่ายลง Steam เรียบร้อย ทำให้เราสามารถมีเกมเก่าชวนคิดถึงนี้บน PC แล้วครับ แล้วภาคบน PC มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจาก PS1 บ้างล่ะ เพราะมันก็เป็นเกมเก่าตั้งแต่ยุค 90 แล้วปัจจุบันก็ 2025 แล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ไปชมกันครับ

1. Upscale เรื่องภาพให้มีความสวยงามและคมชัดยิ่งขึ้น

dkp01


แน่นอนว่าภาพกราฟิกของ Playstation 1 มันก็จะเป็นภาพกราฟิกแบบโพลีกอน ที่มีความเหลี่ยม ๆ เป็นบล็อก ๆ ซึ่งถือว่าไม่สวยงามแล้วในยุคนี้ โดยภาคใน PC นี้ได้ทำการเปลี่ยนกราฟิกจากโพลีกอนเป็น Cel Shade มันทำให้เหลี่ยมของโมเดลหายไปและกลายเป็นตัวละครที่น่ารักสดใสขึ้นได้ดีมาก นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการปรับ Resolution ที่สมัยนั้นจะอยู่ที่ 480p ตอนนี้กลายเป็น Full HD เรียบร้อย และมันทำให้เกมที่เคยมีภาพเก่า ๆ Old School กลายเป็นเกมยุคใหม่ที่ดูน่าเล่นขึ้นมากครับ

2. มีภาษาอังกฤษแล้ว หลังจากต้องเล่นภาษาญี่ปุ่นมานาน

dkp02


หลายคนที่เคยเล่นเกมนี้มาตั้งแค่ยุค Playstation 1 ก็คงจะเข้าใจดีว่า การเล่นเกมนี้ต้องใช้การคาดเดาเท่านั้น เพราะถ้าไม่ใช่คนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออกก็ไม่รู้จะเข้าใจเนื้อเรื่องได้ยังไงแล้ว บางครั้งก็เดาเอามั่ว ๆ จากภาพที่เห็น หรือกดมั่ว ๆ ดูว่าฟังชั่นไหนใช้ทำอะไรบ้างแล้วจำเอาล้วน ๆ แต่พอมันกลายมาเป็นเวอร์ชั่น Steam และมีภาษาอังกฤษให้เล่น ผมคิดว่ามันกลายเป็นเกมที่ย่อยง่าย และเล่นสนุกขึ้นกว่าเมื่อก่อนซะอีกครับ เพราะความ Nostalgia ที่ชวนคิดถึงจะทำให้เราจำได้ว่าแต่ละอย่างคืออะไร แต่เราไม่เคยเข้าใจเนื้อเรื่องหรืออีเวนท์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเลย

3. เพิ่มเสียงนักพากย์ให้มีเสียงพากย์ภาษาอังกฤษ

dkp03


DOKAPON! Sword of Fury นั้นเป็นเกมที่มีเสียงพากย์อันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครของเรา บอส หรือ NPC เด็กหนวดยุค 90 หลายคนที่เล่นเกมนี้มาจนติดใจ เชื่อว่าต้องจำเสียงพากย์ภาษาญี่ปุ่นในแต่ละซีนได้อย่างแม่นยำ แต่เวอร์ชั่น PC นี้จะเป็นเสียงพากย์ภาษาอังกฤษโดยนักพากย์ท่านใหม่ ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ทำให้เข้าใจอารมณ์ตัวละครมากขึ้น สื่อสารกับคนเข้าใจอังกฤษมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าใครที่ยังชอบเสียงพากย์ญี่ปุ่นแบบเดิม ก็สามารถเปลี่ยนกลับมาใช้เสียงญี่ปุ่นได้เช่นกัน

4. มีระบบเร่ง Speed x3 ถึง x5 ได้ เพื่อความสะดวกในการเล่น

dkp04


ก่อนที่เราจะมีเวอร์ชั่น PC แบบ Official มาแบบนี้ ผู้พัฒนาเองก็รู้ว่า แฟนเกมส่วนใหญ่ที่เล่นเกมนี้ก็คงเล่นใน Emu กันนั่นแหละ และใน Emu ก็มีปุ่ม Boost Speed เกมได้ ในกรณีที่เราเล่นเสร็จแล้วไม่อยากรอบอทเล่น คือเกมมันผลัดกันเล่นเป็นเทิร์น ๆ เราก็อยากเล่นเทิร์นตัวเอง ส่วนบอทก็จะทำอะไรก็เรื่องของมัน ใส่มาไว้เป็นสีสันเฉย ๆ และถ้าเล่นแบบเก่าต้องรอบอทเล่นนั้นเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ผู้พัฒนาเลยใส่ปุ่ม Speed x3 และปรับใน Option ได้ถึง x5 เพื่อ Skip เทิร์นมาให้ถึงเทิร์นเราได้เร็วที่สุดครับ เพียงกดปุ่มเดียว เร่งปรี๊ดเลยล่ะ

5. ปราบบอส Wallace 2 ตัวแล้วบอสเข้าดันเจี้ยนเลย

dkp05


ปกติแล้ว DOKAPON! Sword of Fury ภาคต้นฉบับนั้น เวลาเราอยู่ใน World Map ก็จะถูกแบ่งด่านต่าง ๆ ออกเป็นเกาะ ซึ่งแต่ละเกาะจะมีดันเจี้ยนประจำเกาะอยู่ เช่น เกาะแรกจะเป็นถ้ำ เกาะสองจะเป็นป่า เกาะสามเป็นปิรามิด เป็นต้น ซึ่งตามจริงเราต้องจัดการบอส Wallace ถึงประมาณ 3-4 ครั้ง กว่าจะเข้าไปในดันเจี้ยนได้ แต่ดูเหมือนว่าพฤติกรรมการเล่นเกมยุคใหม่จะรอนานขนาดนั้นไม่ได้ เขาเลยตัดให้เหลือเพียงแค่เกาะละ 2 ครั้งครับ ถ้าเอาชนะ Wallace ได้ 2 ครั้งใน World Map บอสก็จะเข้าไปในดันเจี้ยนเลย

6. รู้สึกเหมือนบอทที่เล่นกับเราจะฉลาดขึ้น

dkp06


ตอนที่ผมได้ทดลองเล่นไปประมาณ 3 เกาะในระดับความยาก Intermediate ผมสร้างบอทไว้ 1 ตัว มีการกลั่นแกล้งบอทไปก็ค่อนข้างเยอะ แต่มันก็ยังสามารถพลิกล็อกกลับมาเป็นผู้เล่นอันดับ 1 ได้ และมันเต็มไปด้วยกลยุทธ์ เช่น เข้าไปสู้บอสที่เก่งกว่ามันมาก ๆ ฟัน 1 ครั้งแล้วยอมแพ้ รอบหน้าเข้าไปสู้ใหม่ ทำจนกว่าบอสจะตาย หรือเวลาที่เราแปลงร่างเป็นปีศาจไปไล่ฆ่ามัน มันจะไม่ยอมเหยียบพื้นที่ให้เราโจมตีมันได้เลย หรือรอบไหนเงินหมดก็คือวนปั้มเงินกับหมู่บ้านจนกว่าเงินจะครบแล้วไปซื้อของ คือกลยุทธ์ของบอทจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์จริง ๆ อาจจะไม่ซับซ้อนเท่าคนเล่น แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะกลับมาเกิดแน่นอน

7. มีระบบ Online ใช้เล่นกับเพื่อนได้

dkp07


ปกติแล้วการเล่น DOKAPON! Sword of Fury ใน PS1 นั้นการจะเล่นด้วยกันได้จะต้องให้เพื่อนมานั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วนั่งเล่นบนจอทีวีเดียวกันเท่านั้น แต่สำหรับยุคนี้มันมีโหมด Online มาให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสร้างห้องเองหรือแจมห้องคนอื่นก็ตาม จะเป็นการชวนเพื่อนมาให้ครบจำนวน 4 คน หรือจะใส่บอทเข้าไปช่วย หรือจะไปหาห้องเล่นกับผู้เล่นท่านอื่นในออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นระบบที่ทำให้เล่นกับผู้เล่นอื่นได้ง่ายขึ้น ถ้าใครมีเพื่อนในกลุ่มอยู่แล้วก็ชวนกันมาเล่นได้สะดวกขึ้นโดยที่ไม่ต้องมาหาถึงบ้านครับ

ก็ประมาณนี้ครับกับ “7 สิ่งที่ DOKAPON! Sword of Fury ใน Steam แตกต่างจาก PS1” หวังว่าเพื่อน ๆ จะได้ประโยชน์กลับไป หรือช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้นนะครับว่า จะซื้อเกมเก่ายุค 90 จากเครื่อง PS1 นี้ มาเล่นด้วยกันกับเพื่อนของคุณหรือเปล่า สุดท้ายนี้ก็ขอให้สนุกกับเกมนี้นะครับ 🙂

Jou Thunder

Content Creator สายเกมที่อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ โปรดติดตามช่อง youtube.com/@JouThunder
Back to top button