7 เกมแนว Zombie ที่อาจทำให้คุณหัวร้อน
บางเกมหัวร้อนเพราะระบบ บางเกมหัวร้อนเพราะเพื่อน เกมซอมบี้มันไม่น่ายากขนาดนี้นะ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน เกม Zombie ซอมบี้ส่วนใหญ่มักให้เราได้ปลดปล่อยความมันในการเล่น ยิงหัวซอมบี้ระบายอารมณ์กันให้สะใจ หรือเล่นในแนวเอาชีวิตรอดในโลกที่ล่มสลายก็ได้ฟีลไปอีกแบบ แต่มีอยู่บางเกมที่ไม่ได้มาให้สนุกเฉย ๆ แต่มันมาเพื่อ “ทดสอบความอดทนของจิตใจ” ทั้งระบบสุดโหด ศัตรูสุดป่วนประสาท หรือเพื่อนร่วมทีมที่ทำให้เรากรีดร้องออกมาว่า “มันจะตายเพราะแกนี่แหละ!” บทความนี้ฉันจึงรวบรวม 7 เกมแนวซอมบี้ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหัวร้อน ที่ใครเล่นแล้วอาจต้องพักไปกินน้ำเย็นก่อนจะปาเมาส์ทิ้งก็ได้ (555) ไปชมกันครับ
1. Project Zomboid

เกมซอมบี้แนวเอาชีวิตรอดที่ขึ้นชื่อเรื่อง “ความสมจริงจนอยากร้องไห้” ผู้เล่นต้องควบคุมตัวละครให้รอดในโลกที่เต็มไปด้วยซอมบี้ พร้อมดูแลทุกอย่างตั้งแต่ความหิว ความเหนื่อย ไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บ แม้แต่เสียงเปิดประตูก็สามารถดึงซอมบี้มาหาได้! เกมไม่มีคำว่าเซฟย้อน ถ้าตายคือต้องเริ่มใหม่ทั้งหมด ทำให้ทุกการตัดสินใจคือความเครียดขั้นสุด และเราจะต้องรักตัวละครของเราเปรียบดั่งชีวิตของเราเอง เหมาะกับคนที่อยากรู้ว่าตัวเองอดทนได้แค่ไหนในโลกหลังวันสิ้นโลกจริง ๆ แถมระบบยังซับซ้อนสมจริงเต็มไปหมดด้วยครับ
2. Resident Evil 2 Remake

หนึ่งในเกมซอมบี้ที่ทั้งหลอนและหัวร้อนพร้อมกัน แม้ว่าเกมนี้จะขึ้นชื่อเรื่องซอมบี้และอาวุธชีวภาพกลายพันธุ์ แต่เกมนี้มีสิ่งที่เรียกว่า Mr. X คอยเดินตามตลอดทั้งเกม เสียงเท้าของมันคือสัญญาณแห่งความตึงเครียดสุดขีด นี่ยังไม่รวมกับระบบจัดกระเป๋า (Inventory) ที่บังคับให้ผู้เล่นคิดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าจะทิ้งสมุนไพร คีย์ไอเทมหรือกระสุนดี การตัดสินใจผิดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงความตาย ถ้าลาก Mr.X มาแล้วโดนล้อมโดยซอมบี้หลายตัวคือจุดที่เกมเมอร์หลายคนแทบจะปิดเกมไปตั้งหลักเลยทีเดียวครับ
3. Left 4 Dead 2

เกมยิงซอมบี้แบบ Co-op สุดคลาสสิกที่หลายคนอาจคิดว่าเล่นง่าย แต่ความจริงคือ “เกมหัวร้อนระดับทีม” เพราะเพื่อนพลาดทีเดียวอาจล้มทั้งปาร์ตี้เป็นโดมิโน่เลยก็ได้ ศัตรูพิเศษอย่าง Hunter, Smoker หรือ Witch พร้อมจะซัดเราให้จอดได้ตลอดเวลา แค่เดินตามหลังเพื่อนแป๊บเดียวคุณก็อาจจะเป็นคนที่โดนลากไปฆ่าในพุ่มไม้ก็ได้ ยิ่งเล่นในระดับ Hard หรือ Expert ความหัวร้อนจะพุ่งทะลุเพดาน เพราะซอมบี้ที่มีจำนวนมหาศาลจะโจมตีแรงขึ้นแบบไม่น่าให้อภัย โดยเฉพาะเมื่อเจอเพื่อนที่ชอบยิงโดนกันเองหรือวิ่งนำไปตายก่อนทุกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นเกมที่วัดทั้งสกิลและมิตรภาพไปพร้อมกัน
4. Hunt: Showdown

เกมซอมบี้ผสม Battle Royale ที่เน้นการล่าผู้เล่นคนอื่นพร้อมต่อสู้กับปีศาจในฉาก เสียงปืนเพียงนัดเดียวสามารถดึงดูดทั้งซอมบี้และศัตรูมาได้ทันที ทำให้ทุกก้าวต้องคิดก่อนเดิน แต่นั่นยังไม่เท่ากับความหัวร้อนที่เริ่มขึ้นเมื่อถูกซุ่มยิงโดยทีมอื่นทั้งที่ล่าบอสมาแทบตาย เพราะผู้เล่นจำนวนไม่น้อยในเกมนี้เลือกใช้วิธีซุ่มเงียบ ๆ รอดักคนที่ฆ่าบอสได้แล้วแย่งของรางวัลไปดื้อ ๆ มันจึงเป็นเกมที่กดดันพอสมควรครับ ต้องใช้สติสุด ๆ เพราะความพลาดเพียงวินาทีเดียวอาจทำให้ทุกอย่างที่สะสมมาหายวับไปในพริบตา
5. GTFO

แค่ชื่อเกมก็บอกเป็นนัยแล้วว่า “Get The F*** Out!” เกมนี้คือประสบการณ์เอาชีวิตรอดสุดโหดในโลกมืดที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตติดเชื้อ ต้องทำงานเป็นทีมแบบวางแผนเป๊ะ ๆ ผิดแผนนิดเดียวคือจบ เพราะศัตรูในเกมนี้ทั้งอึด ทั้งเยอะ และเสียงดังนิดเดียวพวกมันก็รุมเข้ามา หัวร้อนสุดคือการพยายามประสานงานกับเพื่อนที่ไม่สื่อสารกันดีพอจนภารกิจพังทั้งทีม เรียกได้ว่าเป็นเกมที่ทดสอบความเป็น “เพื่อนแท้” ได้ดีที่สุดเกมหนึ่ง เพราะทีมเวิร์คคือเส้นทางแห่งชัยชนะจริง ๆ
6. No More Room in Hell

เกมซอมบี้ฟรีที่โหดเกินคาด แม้กราฟิกจะดูเก่า แต่ความกดดันไม่แพ้เกมใหม่ ๆ ผู้เล่นต้องเอาชีวิตรอดร่วมกันโดยมีกระสุนจำกัด แถมยังมีระบบติดเชื้อ ถ้าโดนกัดก็จะค่อย ๆ กลายเป็นซอมบี้เอง สิ่งที่ทำให้หัวร้อนคือจังหวะที่พยายามช่วยเพื่อน แต่เพื่อนดันติดเชื้อและกลายเป็นซอมบี้มากัดเรากลับ เป็นเกมที่ผสมทั้งความสยอง ความสิ้นหวัง และการวางแผนร่วมกันอย่างรอบคอบ ใครเล่นแบบชิล ๆ รับรองว่าอยู่ไม่รอด
7. Infestation (WarZ)

ตำนานเกมซอมบี้ออนไลน์ที่หลายคนจำได้ขึ้นใจ…ในทางไม่ดีเท่าไหร่ เกมนี้เคยถูกพูดถึงทั้งเพราะความยาก ความไม่สมดุล และบั๊กสุดปั่นหัว ผู้เล่นมักโดนฆ่าโดยผู้เล่นคนอื่นมากกว่าซอมบี้หรือบอสด้วยซ้ำ แถมของดี ๆ ก็ถูกยึดไปจนหมด หัวร้อนสุดคือการฟาร์มของหลายชั่วโมงแล้วโดนยิงตายจากคนที่แอบอยู่ไกล ๆ ภายในไม่กี่วินาที แถมเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันดักซุ่มอยู่ตรงไหน เล่นเอาหัวร้อนไปหมด ไม่นับผู้เล่นในเกมเซิร์ฟไทยที่เกรียนก็ไม่ใช่น้อย ๆ แม้เกมจะถูกรีบูตหลายรอบ แต่ความปวดหัวที่มอบให้ผู้เล่นยังคงฝังใจไม่เปลี่ยนแปลง
ตัวตนของซอมบี้อาจไม่ได้น่ากลัวเท่ากับ “ระบบเกม” หรือ “ผู้เล่นคนอื่น” ที่ทำให้เราต้องหัวร้อนจนอยากเลิกเล่น บางเกมก็โหดเพราะความสมจริง บางเกมก็เพราะเพื่อน แต่ไม่ว่าจะหัวร้อนแค่ไหน เหล่าเกมแนวซอมบี้เหล่านี้ก็ยังมีเสน่ห์ที่ทำให้เรากลับไปเล่นซ้ำทุกครั้ง เพราะสุดท้าย…เกมซอมบี้มันก็สนุกเกินกว่าจะเลิกนั่นแหละครับ







