[สัมภาษณ์พิเศษ] โปรดิวเซอร์ Dragon Quest I & II HD-2D Remake

หากยังจำกันได้ ในปี 2024 ที่ผ่านมาเกมเมอร์หลายคนน่าจะได้ฟินและประทับใจกันกับ Dragon Quest III HD-2D Remake กันไปแล้ว แต่ที่ยิ่งทำให้ทุกคนต้องตื่นเต้นขึ้นไปอีกก็คือการประกาศรีเมคของเกมต้นฉบับที่มาเป็นแพคคู่จนครบไตรภาคของตำนานโรโตะนั่นเอง ซึ่งไม่นานมานี้ ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Bandai Namco Entertainment Asia เช่นเดียวกับ Square Enix Asia ในการสัมภาษณ์คุณ Masaaki Hayasaka โปรดิวเซอร์ของโปรเจ็กต์ถึงรายละเอียดเบื้องหลังของเกมด้วย

ความสดใหม่ที่เกิดขึ้นในเกมภาคนี้

Q. สิ่งที่ทีมงานพยายามรักษาให้ดีมากที่สุดเพื่อแฟนเกมทั้งเก่าและใหม่เมื่อพัฒนาเกมนี้คืออะไรครับ?

A: คอนเซปต์หลักคือเราจะต้องเปลี่ยนแปลงเกม ‘โดยที่ไม่ทำให้มันแตกต่าง’ ซึ่งในภาคต้นฉบับนั้นสองเกมนี้เป็นเกมที่มีขนาดบีบอัดค่อนข้างมาก ดังนั้นจึงต้องทำอะไรให้มันมีความทันสมัยมากขึ้น และหนึ่งในวิธีสำคัญคือคงของเดิมเอาไว้ แต่เพิ่มความแปลกใหม่ คอนเทนต์ใหม่ๆ ต่างๆ เข้ามา ดังนั้นมันก็จะไม่ใช่ความเปลี่ยนแปลงแต่งแต้มกันเสียทีเดียวครับ

Q. อย่างที่ทราบกันดีว่าเกมสองภาคแรกนั้นเป็น JRPG ที่มีความเป็นเส้นตรงจ๋ามาก และความยาวก็ไม่ได้เทียบเท่ากับภาคหลังๆ ดังนั้นทีมงานทำอย่างไรถึงตัดสินใจมาเป็นเกมบันเดิ้ลชุดเดียวครับ?

A: พวกเราตั้งเป้าที่จะทำเกม ‘ไตรภาคโรโตะ’ ที่ต้องมีไทม์ไลน์เชื่อมต่อกันอยู่แล้วครับ ดังนั้นก็จะเหมาะสมมากๆ ถ้าเล่นจากภาคสาม มาภาคหนึ่ง และจบที่ภาคสอง ซึ่งก็วางกรอบไว้เรียบร้อย พร้อมกับองค์ประกอบต่างๆ ที่จะทำให้การเล่นเกมนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นครับ

Q. แล้วแบบนี้ได้ปรับสโคปของเนื้อหาอย่างไรบ้างไหมครับ?

A: ก็เพิ่มคอนเทนต์เนื้อเรื่องเข้าไปด้วย ซึ่งก่อนหน้านี้เรารีเมคเกมภาคสามที่เป็นเกมที่คอนเทนต์แน่นๆ ไปแล้ว และเมื่อภาค I & II จะวางจำหน่ายต่อ หากมีเนื้อหาน้อยลงผู้เล่นก็คงไม่โอเคใช่ไหมครับ ดังนั้นเรื่องราวในเกมก็จะมากขึ้น ผู้เล่นสามารถรอคอยและคาดหวังได้เลยครับ

Q. เมื่อเนื้อเรื่องของเกมมีมากขึ้นทีมงานทำอย่างไรเพื่อที่จะให้คงของเดิมเอาไว้โดยที่ไม่เสียรสชาติครับ?

A: การทำงานในเกมภาคนี้เราได้รับคำแนะนำจากคุณ Yuji Horii อย่างใกล้ชิดครับ โดยคอนเทนต์ที่เป็นเนื้อเรื่องใหม่จะได้รับการตรวจสอบและพูดคุยจากเขา รวมไปถึงยังมีการทำเดโมไปให้เขาลองเล่นจริงด้วย ผมคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้เนื้อเรื่องต่างๆ มันตรงกับวิสัยทัศน์ที่ควรจะเป็นมากที่สุดครับ

Q. จะว่าไปแล้ว Dragon Quest I นั้นก็เป็นเกมที่ท้าทายมากๆ และ… อาศัยการฟาร์มค่อนข้างหนักเลยครับ ทีมงานมี QoL อะไรที่อัปเดตเพิ่มเข้ามาเพื่อให้ประสบการณ์การเล่นเป็นไปอย่างราบรื่น?

A: ในส่วนของ QoL ก็จะเป็นความเร็วในการเล่น รูปแบบเวทมนตร์ และไอเทมที่สามารถเลือกใช้ได้ และเราได้ปรับบาลานซ์ของระบบแบทเทิลใหม่ด้วย ซึ่งสำหรับภาคแรกก็เป็นภาคที่ยากจริงๆ แต่ก็พยายามปรับแต่งให้ทุกคนสามารถเอ็นจอยได้ โดยฟีเจอร์หลายๆ อย่างได้ถูกเพิ่มเข้ามา เช่นมินิแมป การโชว์จุดอ่อนศัตรู หรือตำแหน่งของสมบัติ ทุกคนสามารถเข้าถึงเกมได้ง่ายและสะดวกกว่าเดิมแน่นอนครับ

Q. สำหรับภาคสองเองเราก็น่าจะเห็นได้ว่ามีตัวละครเพิ่มเข้ามาอีกหนึ่งคนด้วยในทีม อยากทราบว่าทำไมถึงเลือกให้เจ้าหญิงแห่ง Cannock มาเป็นปาร์ตี้นี้ครับ?

A: ตัวละครนี้มีความเกี่ยวข้องกับสายเลือดของผู้กล้าโรโตะโดยตรงครับ

องค์ความรู้ที่นำมาปรับใช้กับเกมภาคใหม่

Q. จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของ Dragon Quest III HD-2D Remake ได้มีการพัฒนาอย่างไรบ้างครับ?

A: ในส่วนเทคนิคก็คือเรื่องบาลานซ์และระบบการเล่นของเกมที่สำคัญอย่างปาร์ตี้ตัวละครที่เราต่อยอดจากโครงสร้างเดิมของภาคที่แล้วครับ และเรายังเพิ่มเสียงพากย์เข้ามาด้วย ซึ่งทำให้ผู้เล่นมีอารมณ์ร่วมมากขึ้น

Q. องค์ความรู้ในแง่กราฟิกถูกปรับใช้กับภาคนี้อย่างไรบ้างครับ? และมีการอัปเดตอะไรไหม?

A: อย่างแรกที่ผู้เล่นจะพบก็คือเราสามารถเดินแนวเฉียงได้ครับ และในเรื่องกราฟิกผมคิดว่ามีการพัฒนามากขึ้น เช่นพื้นของปราสาทที่จะมีความเงากว่าเดิม การสะท้อนกระจก มีหลายอย่างที่เรียนรู้จากการพัฒนาเกมภาคสามมาเพื่อนำมาปรับใช้ในเกมภาคนี้ และทำให้ดีขึ้นครับ

Q. หลังจากพัฒนาเกมภาคสามเสร็จแล้ว ประสบการณ์ต่างๆ ก็ต้องนำมาใส่ในชุดนี้ด้วยใช่ไหมครับ?

A: ตอนเราทำเกมภาคสามเวอร์ชันรีเมค เราก็พยายามคิดครับว่าผู้เล่นจะชอบอะไรในเกมภาคต้นฉบับบ้างและนำมาพูดคุยกันในกลุ่มผู้พัฒนา ซึ่งทีมของพวกเราก็เป็นคนที่เติบโตมากับ Dragon Quest อยู่แล้วด้วย อย่างไรก็ตามมันก็มีการรีเควสต์บางอย่างที่ไม่สามารถทำได้ด้วยเงื่อนไขของเวลาและข้อจำกัดอื่นๆ ครับ ทว่าก็พยายามที่จะทำให้ออกมาดีที่สุด และให้การเล่นไตรภาคโรโตะเป็นอย่างราบรื่น

Q. ถ้าให้เทียบกันแล้วทีมงานว่าภาคไหนพัฒนายากกว่าครับ ระหว่างภาคสาม กับเกมชุด I & II นี้

A: ผมคิดว่ายากพอๆ กันครับ ภาคสามเป็นการพัฒนาเกม HD-2D ครั้งแรกของซีรีส์ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการจัดแจง ปรับแต่งให้เข้ากับภาพลักษณ์ของเกม แต่สำหรับภาคนี้ที่เป็นชุดรวมสองภาคในเกมเดียว แม้เรามีการเดินตามรูปแบบภาคสามแต่ก็จะเป็นความหนักหนาในส่วนของการเพิ่มคอนเทนต์มามากกว่าครับ

ทิศทางในอนาคต และทิ้งท้าย

Q. สังเกตได้ว่า Dragon Quest VII Reimagined เองก็เพิ่งประกาศเปิดตัวไป และเป็นการรีเมคโดยใช้กราฟิกรูปแบบที่ต่างกันด้วย ในขณะที่ไตรภาคโรโตะเป็นแบบ HD-2D แล้วแบบนี้ ในอนาคตทีมงานคิดว่าจะใช้วิธีหรือรูปแบบรีเมคอย่างไรครับ?

A: ก่อนหน้านี้เราได้ประกาศเปิดตัวเกม The Adventures of Elliot ที่เป็นเกมแอ็กชันไปใช่ไหมครับ ซึ่งเกมนั้นก็ใช้ HD-2D ในการออกแบบ ดังนั้นผมไม่คิดว่ามันจำเป็นจะต้องจำกัดอยู่แค่เพียงเกมนี้หรือเกม RPG อย่างไรก็ต้องรอดูการตอบรับกันต่อไปว่าแฟนเกมชอบแบบไหน สำหรับส่วนตัวผมว่า Dragon Quest เหมาะกับ HD-2D ครับ

Q. ในอนาคตคุณ Masaaki อยากเห็นเกมไหนได้ลองพัฒนาแบบ HD-2D Remake บ้าง?

A: อา… ยากจังคำถามนี้ แต่ถ้าต้องเป็นรูปแบบ HD-2D นะครับ ผมคิดว่าอยากให้เป็นเกม Final Fantasy VI ครับ น่าจะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ แต่การพัฒนาใหม่ก็คงยากครับ รอเป็นผู้ชมมากกว่า อยากเห็นครับ (ยิ้ม)

Q. ท้ายที่สุด เนื่องจากปีหน้าจะเป็นการครบรอบ 40 ปีของ Dragon Quest ถ้าอย่างนั้นแล้วทีมงานคิดว่าเกมภาคนี้คือของขวัญการฉลองโอกาสหรือเปล่าครับ?

A: เป็นคำถามที่ดีมากครับ และถ้าคนมองว่ามันคือของขวัญจริงๆ พวกเราก็รู้สึกดีใจครับ ซึ่งเกมภาคนี้เป็นเหมือนไมล์สโตนที่ยิ่งใหญ่ และเราก็ยังคงเฝ้ามองอนาคตต่อไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นขึ้นไปอีกครับ

Q. ก่อนจากกัน ฝากความเห็นอะไรสักเล็กน้อยให้กับผู้เล่นเอเชียหน่อยนะครับ

A: ก่อนอื่นเลยขอขอบคุณที่ทุกคนเข้ามาพูดคุยกันในวันนี้นะครับและการพัฒนาเกม รวมไปถึงการแปลเกมในภาษาต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่พวกเราพยายาม และใช้ทั้งเวลารวมไปถึงทุนการผลิตที่สูงมาก ทีมงานทุกคนมีความตั้งใจที่จะสนับสนุนผู้เล่นในภูมิภาคนี้ต่อไปครับ ก็หวังว่า Dragon Quest I & II HD-2D Remake จะส่งมอบความสนุกถึงมือผู้เล่นต่อไปเรื่อๆ อีกนานๆ และ เอ่อ… (หัวเราะ) อาจฟังดูเหมือนการโปรโมตหน่อย แต่ตอนนี้ Dragon Quest III กำลังลดราคาอยู่นะครับ ใครยังไม่ได้เล่น ก็เป็นโอกาสดีแล้วก่อนที่เกมภาคใหม่จะขายปีหน้าครับ ฮ่าๆ

เกี่ยวกับเกม Dragon Quest I & II HD-2D Remake

ตัวเกมจะได้รับการวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ทั้งบนเครื่องเล่น PlayStation 5, Xbox Series X|S, Nintendo Switch 1&2 และ PC บน Steam โดยได้นำขึ้นหน้าร้านค้าเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อให้เตรียมสั่งจองล่วงหน้า ซึ่งเป็นการพัฒนาเกมยุค Famicom ขึ้นมาใหม่ด้วยกราฟิก HD-2D เหมือน Octopath Travelers ซึ่งกราฟิกโดยรวมเองก็จะอ้างอิงในแบบ 16-bit แทนแบบ 8-bit ของต้นฉบับ

สำหรับเนื้อเรื่องเกมภาคแรก ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นผู้กล้าของอาณาจักร Alefgrad ที่ได้รับภารกิจในการช่วยเหลือบ้านเมืองจากการรุกรานของปีศาจและตามหาเจ้าหญิงที่ถูกจ้าวแห่งมังกร Dragonlord จับตัวไป ขณะเดียวกันภาคสองได้รับการบอกเล่าเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภาคแรกเป็นเวลาหนึ่งร้อยปี พูดถึงเจ้าชายแห่ง Midenhall ที่ต้องออกไล่ล่าพ่อมด Hargon ที่เข้ามาทำลายเมืองนั่นเองครับ สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย

© ARMOR PROJECT/BIRD STUDIO/SPIKE CHUNSOFT/SQUARE ENIX
*SCREENSHOTS TAKEN FROM AN IN-DEVELOPMENT PS5 GAME BUILD