Epic Games มองดราม่า Unreal Engine 5 ว่าผู้พัฒนาควรเป็นคนดูแลเกมให้ดี
หลังมีประเด็นว่าเกมอะไรที่ใช้ UE5 ก็เจอเพอร์ฟอร์แมนซ์ตกกันยับเยิน
แม้ว่า Unreal Engine 4 จะเป็นเอนจิ้นเกมยอดนิยมที่ไม่ว่าใครก็ใช้กันและยังมีเสถียรภาพเช่นเดียวกับความยืดหยุ่นที่สูงมาก แต่หลังจากเวอร์ชันใหม่อย่างรุ่นที่ห้าได้เปิดให้ใช้งานกัน พร้อมนำเสนอเทคโนโลยีกราฟิกที่ก้าวหน้าสมจริงยิ่งกว่าเดิม ช่วงหลังที่ผ่านมาเราจะพบว่ามีหลายเกมที่เจอปัญหาด้านเพอร์ฟอร์แมนซ์ ไม่ว่าจะเป็น Final Fantasy VII Rebirth หรือเคสล่าสุดอย่าง Metal Gear Solid Delta บน PC ที่เฟรมร่วงและการแสดงผลย่ำแย่
ล่าสุดเว็บไซต์ Clawsome Gamer ก็ได้เปิดเผยเรื่องราวน่าสนใจจาก Tim Sweeney ผู้บริหารของ Epic Games ผู้พัฒนาเอนจิ้นนี้ให้ทุกคนใช้งานกันด้วย โดยคุณ Tim ก็มีความเห็นที่ฉีกไปไม่น้อยเลยครับ นั่นคือเขามองว่าสาเหตุหลักนั้นเป็นเพราะขั้นตอนการพัฒนาของทางค่ายเกมต่างๆ เอง ซึ่งหลายค่ายอาจจะใช้ UE5 ในการสร้างเกมเพื่อคอนโซลหรือ PC ที่มีสเปคสูงก่อน จากนั้นจึงปรับลดหลั่นกันไป ทว่าในความเป็นจริงเขาคิดว่าผู้พัฒนาควรที่จะสร้างเกมโดยมีสโคปที่ครอบคลุมทุกสเปคตั้งแต่แรกไปเลย
เขายอมรับว่าปัจจุบันขั้นตอนการพัฒนาเกมซับซ้อนกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการที่จะใช้วิธี Optimize และเริ่มพัฒนาเกมด้วยสเปคสูงจากนั้นจึงลดลงๆ มาเรื่อยๆ จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่าเมื่อจัดเต็มในช่วงแรก มันก็อาจมีโอกาสที่การตั้งค่าเทคโนโลยีต่างๆ ยังคงค้างอยู่ เช่นระบบแสง Lumen และ Nanite ที่ใช้การประมวลผลสูง ทำให้การทำงานของเครื่องเกมมันตีกันและกินทรัพยากรมากขึ้นอย่างไม่จำเป็นต่อให้ลดสเปคในภายหลังก็ตาม
แม้แต่ Black Myth: Wukong ช่วงแพตช์แรกบน PC ก็มีปัญหาด้วย
ท้ายที่สุดแล้วเขากล่าวว่าหน้าที่ของ Epic Games นั้นคือการมอบเครื่องมือ ซึ่งในที่นี้คือ Unreal Engine 5 ให้ผู้พัฒนาได้ใช้งานหรือศึกษากัน จากนั้นมันคือความรับผิดชอบของคนทำเกม ทั้งนี้แน่นอนว่าพวกเขาเองก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนหากค่ายเกมต้องการช่วยเหลือเวลาเจอกับปัญหา ซึ่งเอาเข้าจริงในตลาดมีหลายเกมทีเดียวที่ใช้ UE5 และไม่ได้มีปัญหาในการรันเกม อาทิ Marvel Rivals, Hell Is Us และ Split Fiction บางทีสิ่งที่ Tim สื่อ อาจเป็นเรื่องจริงก็ได้!
Unreal Engine 5 เปิดให้ใช้งานครั้งแรกในปี 2022 โดยเป็นเอนจิ้นสำหรับการพัฒนาเกมจากค่าย Epic Games ที่เปิดตัวในปี 2020 พร้อมใช้งานในประสบการณ์เน็กซ์เจ็นควบคู่กับแพลตฟอร์มที่ใช้งาน UE4 ได้ทุกรุ่น จุดเด่นคือ Nanite ระบบการปรับดีเทลของโมเดล และระบบแสง Lumen ที่มีการสะท้อนและมีจุดกำเนิดแสงที่ใช้งานง่ายและสมจริง ปัจจุบัน UE5 ยังเป็นพื้นฐานให้ Fortnite เช่นกัน
