5 สิ่งที่ผู้เล่นคาดหวังกับ Cyberpunk 2077 ภาค 2

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน แม้จะผ่านไปหลายปีจากวันที่ Cyberpunk 2077 เปิดตัวพร้อมทั้งเสียงชื่นชมและเสียงบ่นปะปนกัน แต่ดูเหมือนว่าไฟความหวังของผู้เล่นจะยังไม่มอด ล่าสุด CD Projekt RED ได้ประกาศว่า Cyberpunk 2 ได้เข้าสู่ขั้นตอน Pre-Production แล้ว ซึ่งหมายความว่าเราอาจได้เห็นเกมเต็มรูปแบบในช่วงปลายทศวรรษนี้ ซึ่งทีมได้บอกว่าเร็วสุดน่าจะปี 2030 ท่ามกลางเสียงรอคอยอันยาวนาน แฟนเกมจำนวนไม่น้อยก็เริ่มแสดงความคาดหวังต่อภาคต่อที่กำลังจะมา และนี่คือ “5 สิ่งที่ผู้เล่นอยากเห็นใน Cyberpunk 2077 ภาค 2” ที่ผมเก็บรวบรวมข้อมูลมาครับ

1. อยากได้เควสหลักที่ยาวกว่าของเดิม

หนึ่งในเสียงสะท้อนหลักจากผู้เล่นหลายคนคือความรู้สึกว่าเควสหลักใน Cyberpunk 2077 ค่อนข้างสั้นเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเกมอื่น ๆ ของ CD Projekt RED อย่าง The Witcher 3 ที่มีเนื้อเรื่องหลักยาวและเข้มข้น ผู้เล่นบางคนสามารถจบเควสหลักของ Cyberpunk ได้ภายในเวลาประมาณ 6-8 ชั่วโมง หรือถ้า Speedrun คือ 3 ชั่วโมงก็จบแล้ว ซึ่งสำหรับเกมแนว RPG โลกเปิดที่มีฉากหลังอันซับซ้อนแบบนี้ มันดูไม่เต็มอิ่มเท่าที่ควร หลายคนจึงอยากเห็นภาคต่อมีเควสหลักที่ยาวขึ้น แฝงทางเลือกมากขึ้น และเชื่อมโยงกับตัวละครได้ลึกขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การผจญภัยใน Night City รอบใหม่ มีน้ำหนัก มีมิติ และสร้างความผูกพันกับโลกของเกมได้มากกว่าเดิมครับ

2. หลายคนต้องการมุมมองแบบ Third Person

Cyberpunk 2077 จะยึดแนวทาง First-Person Shooter (FPS) เป็นหลักเพื่อความสมจริงและการดื่มด่ำกับโลกของเกม แต่ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยกลับเรียกร้องให้มีตัวเลือกมุมมองแบบ Third Person (TPS) เข้ามาด้วย หนึ่งในเหตุผลสำคัญคืออาการ Motion Sickness หรืออาการเวียนหัวคลื่นไส้ที่เกิดจากการเล่นเกมมุมมองบุคคลที่หนึ่งนาน ๆ ซึ่งส่งผลให้บางคนเล่นเกมนี้ได้น้อยลงกว่าที่อยากจะเล่น นอกจากนี้ การมองเห็นตัวละครของตัวเองในมุมมอง TPS ยังช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกเชื่อมโยงกับคาแรคเตอร์ที่สร้างขึ้นได้มากขึ้น เห็นเสื้อผ้า ท่าทาง และการเคลื่อนไหวอย่างเต็มตา ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสนุกและความรู้สึกเป็น “ตัวตน” ในโลกไซเบอร์พังก์ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้นครับ

3. หวังให้มีฉากจบที่ Happy Ending บ้าง

หนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นหลายคนรู้สึกขาดหายไปจาก Cyberpunk 2077 คือฉากจบแบบ Happy Ending แม้เกมจะมีหลายฉากจบให้เลือก แต่ไม่ว่าจะเป็นการให้ V เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วย Johnny, การฝากตัวเองไว้กับองค์กร Arasaka, หรือแม้กระทั่งฉากจบสุดพิเศษกับ Panam ที่ดูเหมือนจะดีที่สุด ก็ยังคงทิ้งความขมขื่นไว้ในใจผู้เล่น เพราะสุดท้ายแล้ว V ก็ยังต้องเผชิญชะตากรรมที่ไม่แน่นอนและไม่อาจรักษาชีวิตได้แบบยั่งยืน ผู้เล่นหลายคนจึงหวังว่าในภาคต่อจะมีฉากจบที่ดีจริง ๆ ให้ได้ลิ้มรสบ้าง ไม่ใช่แค่ความกล้าหาญหรือการเสียสละ แต่เป็นการได้เห็นตัวละครหลักมีอนาคตที่สดใส สมหวัง และไม่ต้องทิ้งใครไว้ข้างหลังอีก

4. อย่าให้แฟนอนิเมะ Edgerunners ผิดหวัง

Cyberpunk: Edgerunners ไม่ได้เป็นแค่อนิเมะเสริมของเกมเท่านั้น แต่ถือเป็นเครื่องช่วยหายใจให้ Cyberpunk 2077 ด้วย หลังเกมเปิดตัวด้วยปัญหามากมายจนชื่อเสียงย่ำแย่ ความนิยมกลับพุ่งขึ้นอีกครั้งเมื่อ Edgerunners ออกฉายในปี 2022 ด้วยเนื้อเรื่องเข้มข้น ตัวละครน่าจดจำ และบรรยากาศโลกไซเบอร์พังก์ที่จับใจ ทำให้แฟนอนิเมะจำนวนมากหันกลับมาเปิดใจให้เกมในช่วงที่ได้รับการแก้ไขแล้ว ความคาดหวังจึงสูงมากสำหรับภาคต่อ หาก Cyberpunk 2 ไม่สามารถรักษาคุณภาพหรือจิตวิญญาณที่ Edgerunners สร้างไว้ได้ ก็อาจทำให้แฟนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในจักรวาลนี้รู้สึกผิดหวัง และนั่นอาจหมายถึงการสูญเสียกลุ่มผู้เล่นรุ่นใหม่ที่สำคัญที่สุดไปอย่างน่าเสียดาย

5. รอนานได้ แต่ออกมาต้องคุณภาพดี

Cyberpunk 2077 จะกลายเป็นเกมที่ดีขึ้นในภายหลัง แต่ไม่มีใครลืมช่วงเปิดตัวอันย่ำแย่ได้เต็มไปด้วยบัค, ประสิทธิภาพต่ำบนคอนโซล, และฟีเจอร์ที่ถูกตัดออกจากที่เคยสัญญาไว้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้เล่นจำนวนมากรู้สึกผิดหวังและหมดศรัทธาในแบรนด์ CD Projekt RED ไปช่วงหนึ่ง ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่า Cyberpunk 2 เข้าสู่กระบวนการ Pre-Production หลายคนจึงพร้อมรออย่างไม่มีปัญหา แม้จะนานถึงปี 2030 ตราบใดที่เกมออกมาดีจริง มีคุณภาพที่มั่นคงตั้งแต่วันแรกที่วางจำหน่าย ผู้เล่นไม่ได้ต้องการเกมเร็ว แต่ต้องการเกมที่เสร็จสมบูรณ์ เคารพเวลา และความคาดหวังของพวกเขา นี่คือโอกาสครั้งที่สองที่ไม่มีใครอยากให้พลาดซ้ำอีก

แม้เส้นทางของ Cyberpunk 2077 จะเต็มไปด้วยบทเรียนราคาแพง แต่แฟน ๆ ก็ยังเลือกจะหวังและเฝ้ารอภาคต่อด้วยใจที่เปิดกว้าง เพราะในโลกอนาคตที่เต็มไปด้วยฝันร้าย ทุกคนยังอยากเห็นแสงสว่างอยู่เสมอ ขอแค่ครั้งนี้ CD Projekt RED อย่าทำให้คำว่าความหวังกลายเป็นแค่คำปลอบใจอีกครั้งก็พอครับ