[รีวิว] Razer Naga Pro เมาส์สำหรับผู้พิชิตที่ตอบโจทย์การเล่นเกมทุกแนว

ปัจจุบันต้องบอกว่าเมาส์สำหรับการเล่นเกมมีพัฒนาการที่สูงขึ้นมาโดยตลอด และกับเมาส์รุ่นใหม่จากทาง Razer จะเป็นนิยามใหม่สำหรับเมาส์เล่นเกมที่ตอบโจทย์ในการเล่นเกมได้ทุกแนว กับรุ่นที่มีชื่อว่า Razer Naga Pro ว่าแต่รุ่นนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจเราไปดูกันเลย

สำหรับจุดเด่นของ Razer Naga Pro คือการที่มาพร้อมกับพาเนลด้านข้างที่สามารถเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน โดยมีพาเนลสำหรับการเปลี่ยนมาให้ใช้งานด้วยกัน 3 แบบคือแบบมาตรฐานที่มีปุ่มสำหรับการใช้งาน 2 ปุ่ม แบบที่มาพร้อมกับปุ่มใช้งาน 6 ปุ่มสำหรับการเล่นเกมแนว MMO และสุดท้ายคือแบบที่มาพร้อมกับปุ่มใช้งาน 12 ปุ่มที่เหมาะอย่างมากกับขา MOBA ที่ต้องอาศัยการควบคุมสิ่งต่าง ๆ จำนวนมากภายในเกม

ตัวเมาส์มาพร้อมกับอิสระในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแบบมีสายหรือแบบไร้สาย โดยการใช้งานแบบไร้สายจะมีเทคโนโลยีอย่าง HyperSpeed ของทาง Razer ที่จะช่วยทำให้ไม่มีอาการหน่วงใด ๆ เมื่อใช้งานแบบไร้สายเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่น ๆ ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมีการให้ตัว Dongle สำหรับการเพิ่มระยะการใช้งานให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก

สวิตช์ที่ใช้งานภายใน Razer Naga Pro จะเป็นการใช้งานสวิตช์แบบออปติคัลที่เป็นของทาง Razer เองมาพร้อมกับเซ็นเซอร์แบบออปติคัลที่มีความละเอียดสูงถึง 20,000 DPI ทำให้ตอบสนองต่อการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี

ที่น่าสนใจอีกอย่างของเมาส์รุ่นนี้คือการที่ scroll wheel มาพร้อมกับความสามารถในการเลื่อนไปด้านซ้ายและขวาได้ เพื่อใช้งานคำสั่งที่ต้องการได้ แตกต่างจากเมาส์รุ่นอื่น ๆ นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ที่รองรับการใช้งานได้นานถึง 100 ชั่วโมงผ่านโหมดไร้สาย 2.4GHz

การออกแบบของ Razer Naga Pro ถือว่ามีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยความเป็น Razer ทีเดียว (หากใครคุ้นกับรุ่น Naga Trinity จะพบว่าคล้ายกันมาก) มาพร้อมกับขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ โดยที่จะมีพื้นที่ด้านขวาสำหรับการวางนิ้วที่ทำให้เวลาเราจับเมาส์จะรู้สึกว่ามันเข้ากับมือได้ทันที

นอกจากนี้ด้วยความที่เป็นเกมมิ่งเมาส์เลยมาพร้อมกับไฟ RGB ที่สามารถปรับแต่งได้ โดยที่ตำแหน่งการแสดงผลของไฟจะมีด้วยกัน 2 จุดด้วยกันคือบริเวณโลโก้ของ Razer และตรงส่วนของ scroll wheel (แต่จะมีไฟเพิ่มบริเวณพาเนลด้านซ้ายหากใช้แบบ 12 ปุ่ม)

เรื่องของการจัดวางตำแหน่งปุ่มต่าง ๆ ก็เป็นไปตามมาตรฐานของเกมมิ่งเมาส์ แต่อาจจะมีแตกต่างกันในส่วนของแผงพาเนลเสริมที่ไม่ใช่แบบมาตรฐาน ที่ผู้ใช้งานอาจจะต้องอาศัยเวลาและการทำความคุ้นเคยกับ Razer Naga Pro เสียหน่อย แต่หากชินแล้วจะรู้เลยว่ามันเป็นประโยชน์ต่อการเล่นเกมอย่างมาก

วัสดุที่ใช้งานภายในเมาส์รุ่นนี้จะเป็นพลาสติกที่มีเกรดสูงกว่ารุ่นอื่น ๆ มาพร้อมกับ texture เวลาสัมผัสที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็นเมาส์พรีเมียม ที่น่าสนใจคือผิวสัมผัสของ Razer Naga Pro ไม่เก็บเหงื่อของมือเลยทำให้ใช้งานได้ต่อเนื่องและไม่ทิ้งร่องรอยคราบใด ๆ เอาไว้

จุดอื่น ๆ ที่น่าพูดถึงคือปุ่มสำหรับการเปิดใช้งานต่าง ๆ จะอยู่ที่ด้านใต้ของเมาส์ โดยที่จะมีปุ่มสำหรับเลือกใช้งานผ่านโหมดไร้สาย Wireless 2.4 และ Bluetooth 5.0 

หรือหากใครที่ต้องการใช้งานผ่านแบบมีสายก็สามารถเชื่อมสาย Micros-USB ที่ให้มาได้เลย

พาเนลสำหรับการเปลี่ยนด้านข้างถอดออกได้ง่ายเป็นการเชื่อมต่อที่มีแผงแม่เหล็กในการดึงดูดตัวพาเนล

ความรู้สึกหลังจากที่ได้ลองใช้งานตัวของ Razer Naga Pro ทั้งในแง่ของการเล่นเกมและการใช้งานทั่ว ๆ ไปต้องขอบอกเลยว่ามันเป็นเมาส์ที่ทำได้มากกว่าการเล่นเกม ประสิทธิภาพการทำงานของมันเหนือกว่าเมาส์ไร้สายรุ่นอื่น ๆ ในตลาด ด้วยความที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดี แสงไฟ RGB ที่มีความละเอียดในการเล่นแสงได้ค่อยข้างคมชัด ไม่ฟุ้งเหมือนกับเมาส์เกมมิ่งรุ่นอื่น

แน่นอนว่าด้วยความที่มีแผงพาเนลให้เปลี่ยนมากถึง 3 แบบซึ่งแบบมาตรฐานเราคงไม่ต้องทำการใช้เวลาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรานัก อย่างไรก็ตามสำหรับพาเนลที่มาพร้อมกับปุ่มแบบ 6 และ 12 ปุ่มค่อนข้างที่จะต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อย และอย่างที่บอกว่ามันไม่ได้ใช้สำหรับการเล่นเกมยังสามารถนำมาใช้เพื่อใช้งานคำสั่งต่าง ๆ ของการทำงานได้เช่นเดียวกัน จะตั้งค่ามาโครใด ๆ ก็ทำได้ง่ายไม่ต้องพึ่งคีย์บอร์ด

แต่หากพูดถึงในแง่ของการเล่นเกมก็ยิ่งเหมาะเข้าไปใหญ่สามารถนำไปใช้งานกับการเล่นเกมได้ทุกแนว ไม่ว่าจะเป็น FPS, MMO, MOBA ล้วนแล้วแต่ตอบโจทย์ทั้งหมด โดยการตั้งค่าก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย สามารถตั้งค่าเพิ่มเติมผ่านซอฟต์แวร์ของทาง Razer อย่าง Razer Synapse ที่นอกจากจะใช้สำหรับการตั้งค่าปุ่มแล้ว ยังตั้งค่าโปรไฟล์สำหรับการใช้งานได้อีกด้วย โดยการตั้งค่าปุ่มพื้นฐานภายในเกมทาง Razer จะมีโปรไฟล์เกมต่าง ๆ ที่รองรับมาให้ทันทีไม่ว่าจะเป็น CS:GO, COD: Warzone, Valorant, Fortnite, Apex Legends, DotA 2, LoL, FF XIV และ WoW

ความรู้สึกในการใช้งานผ่านสายและไร้สายแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย การลากเมาส์ สะบัดเมาส์ภายในเกมถือว่าให้ความรู้สึกเดียวกันคือทันทีทันใด ไม่มีอาการหน่วงให้ได้เห็น ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ก็คงต้องบอกว่าอึดจากที่ลองใช้งานแล้วพบว่าอยู่ได้ 3 – 4 วันโดยที่ไม่ต้องชาร์จเลย

บทสรุปของ Razer Naga Pro ต้องบอกว่าเป็นเมาส์ที่ครอบคลุมการใช้งานในทุก ๆ ด้านและไม่ได้อยู่ในแค่ระดับมาตรฐานแต่เป็นระดับสูงเลยทีเดียว เหมาะกับการเล่นเกมและการใช้งานเป็นที่สุด มาพร้อมกับแผงพาเนลและเทคโนโลยีที่เอื้อต่อผู้ใช้งานอย่างเรา หากใครที่กำลังตามหาเมาส์ไร้สายที่จบในตัวไม่ต้องมองหารุ่นอื่นด้วยราคา 4,990 บาทถือว่าเป็นราคาที่สมกับสิ่งที่เราจะได้อย่างมาก

จุดเด่น

– การออกแบบเมาส์ที่เข้ากับมือของผู้ใช้งานเป็นอย่างดี

– ประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยม

– พาเนลสำหรับเปลี่ยนตอบโจทย์ในการใช้งานทุกรูปแบบ

– รองรับ DPI สูงถึง 20,000 DPI

– มาพร้อมไฟ RGB ที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของเมาส์เกมมิ่ง

– ประสิทธิภาพการใช้งานในโหมดมีสายและไร้สายที่แทบไม่ต่างกัน

– แบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานโดยไม่ต้องชาร์จ

จุดสังเกต

– อาจต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับพาเนลอื่น ๆ เล็กน้อย

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Razer ประเทศไทยสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้ถือว่าเป็นเมาส์ที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับ Razer Naga Pro สำหรับใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำหรือจะเป็นการสั่งผ่านช่องทางออนไลน์ก็มีจำหน่ายแล้วเช่นกัน