เทคโนโลยี

[รีวิว] Razer Viper V2 Pro

เมาส์เกมมิ่งน้ำหนักสุดเบาเพียง 58 กรัมแต่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพ

วางจำหน่ายเรียบร้อยแล้วสำหรับ Razer Viper V2 Pro เมาส์เล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุดจากทางแบรนด์ มาพร้อมกับจุดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบาเพียงแค่ 58 กรัม แถมยังอัดแน่นไปด้วยความสามารถภายในมากมาย ว่าแต่เมาส์รุ่นนี้จะมีอะไรที่มากกว่าน้ำหนักที่มาเหนือกว่าใครบ้างเราไปหาคำตอบพร้อมกันเลย

image 1259
image 1260

Razer Viper V2 Pro มาพร้อมกับหน้าตาที่ไม่ได้แตกต่างจากตระกูล Viper นัก ผิวสัมผัสเป็นแบบสีดำด้านช่วยในเรื่องของการจับที่กระชับมากยิ่งขึ้น พร้อมกับลดรอยนิ้วมือที่อาจเกิดขึ้นได้เวลาที่ใช้งาน

image 1261

สิ่งที่ขาดหายไปคือเรื่องของแสงไฟ RGB ที่ถูกนำออกไปด้วยเหตุผลเรื่องของน้ำหนักเมาส์ที่ทาง Razer ต้องการที่จะทำให้เมาส์รุ่นนี้มาพร้อมกับน้ำหนักที่เบาที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งผลลัพธ์จากการนำสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปทำให้เราได้น้ำหนักของเมาส์รุ่นนี้อยู่ที่ 58 กรัมเท่านั้น

image 1263

ด้านบนมาพร้อมกับปุ่มกดตามมาตรฐาน สิ่งที่ดูขาดหายไปสำหรับใครที่ไม่คุ้นชินอาจเป็นเรื่องของปุ่มปรับระดับ DPI ที่ถูกย้ายไปไว้ที่ด้านใต้ของเมาส์แทน

image 1264

จุดกลมตรงด้านท้ายของ scroll wheel คือตัวแสดงสถานะไฟ LED ที่จะกระพริบเวลาที่เราเสียบชาร์จและจะแตกต่างกันไปตามแต่สถานะที่ใช้งาน หากเป็นการกระพริบสีแดงหมายถึงแบตเตอรี่ที่เหลือน้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์แล้ว เช่นเดียวกันกับการบอกสถานะไฟที่สอดคล้องกับค่า DPI ที่ปรับเอาไว้

image 1265

ด้านซ้ายมีปุ่มสำหรับกดตามหน้าที่พื้นฐานคือย้อนกลับและไปข้างหน้า แต่สามารถที่จะปรับคำสั่งการทำงานของปุ่มได้หากต้องการใช้งานอย่างอื่นแทน

image 1266

พอร์ตการใช้งานที่ตัวเมาส์เป็นแบบ USB-C ซึ่งการให้พอร์ตมาเช่นนี้จึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าสามารถใช้งานได้ทั้งแบบไร้สายและมีสาย การเชื่อมต่อแบบไร้สายเป็นแบบ 2.4GHz ซึ่งทาง Razer จะใช้งานชื่อเรียกว่า HyperSpeed ไว้ใจได้เรื่องการใช้งานแบบไม่มีอาการสัญญาณขาดหายหรือสะดุดในจังหวะสำคัญ

image 1267

ด้านล่างมาเป็นส่วนของปุ่มเปิด/ปิดการใช้งาน เช่นเดียวกับการปรับระดับ DPI ซึ่งสามารถใช้งานได้สูงสุดที่ 30,000 DPI ในแง่ของการลดน้ำหนักอาจจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่การใช้งานอาจจะไม่ได้สะดวกนักกับการที่ต้องยกเมาส์ขึ้นมากดเพื่อที่จะเปลี่ยนค่า DPI

image 1268

Razer Viper V2 Pro มาพร้อมกับการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างอิสระเราสามารถที่จะเสียบตัวรับสัญญาณเข้ากับอุปกรณ์ที่ต้องการใช้งานได้โดยตรงเพื่อรับสัญญาณ หรือจะใช้การเชื่อมต่อผ่านตัวกลางที่ให้มาอย่าง dongle เพื่อเสียบตัวรับสัญญาณเข้าไปแทนได้

image 1269

นอกจากนี้ทาง Razer ยังได้นำเสนออีกหนึ่งความสามารถที่น่าสนใจกับเมาส์รุ่นนี้อย่างความสามารถที่จะใช้งานเมาส์บนพื้นผิวที่เป็นแบบกระจกได้อย่างแม่นยำ โดยที่มี Focus Pro 30K Optical Sensor เป็นตัวขับเคลื่อนความแม่นยำในการลากบนพื้นผิวพร้อมฟีเจอร์ Smart Tracking 

image 1270

ปุ่มกดที่ใช้งานคือ Optical Mouse Switches Gen-3 ที่ทาง Razer บอกว่าสามารถที่จะใช้งานได้มากถึง 90 ล้านครั้งในการใช้งานแบบปกติ การตอบสนองถือว่าทำได้ดีปุ่มกดมีความแน่นในตัว ไม่ต้องกลัวว่าจะกดพลาดเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน

image 1271

โดยรวมแล้วประสิทธิภาพการใช้งานที่ทาง Razer ใส่มาใน Razer Viper V2 Pro การชูจุดเด่นในเรื่องของน้ำหนักที่เบาจะช่วยได้อย่างมาในเกมที่ต้องมีการลากหรือสะบัดเมาส์ค่อนข้างบ่อย เนื่องจากเราไม่จำเป็นที่จะต้องออกแรงมาก ผนวกกับค่า DPI ที่ค่อนข้างสูงพร้อมฟีเจอร์ที่ให้มา ทำให้การลากมีความแม่นยำอย่างสูง สามารถใช้ในการแข่งระดับ eSports ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย

image 1272

ซอฟต์แวร์การจัดการที่อยู่เบื้องหลัง Razer Viper V2 Pro เป็นแบบเดียวกับอุปกรณ์อื่น ๆ ของทาง Razer นั่นคือ Synapse 3 เมื่อเราเชื่อมต่อเมาส์ครั้งแรกจะมีการดาวน์โหลดและติดตั้งให้เองไม่ต้องไปที่หน้าเว็บ สามารถที่จะจัดการค่า DPI คำสั่งของปุ่มกดที่ต้องการให้ใช้งาน รวมไปถึงการเปิดฟีเจอร์อย่าง Asymmetric Cut-off ที่ช่วยปรับระดับการทำงานบนพื้นผิวต่าง ๆ ได้เอง หรือการปรับแต่งการใช้พลังงานของเมาส์

image 1273
image 1274
image 1276
image 1277

แบตเตอรี่ทาง Razer เผยว่าใช้งานได้สูงสุด 80 ชั่วโมง จากการทดสอบถือว่าทำงานได้จริงการใช้งาน 1 สัปดาห์แบบไม่ต้องชาร์จเป็นสิ่งที่ทำได้ และหากต้องการชาร์จก็ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอะไรเพียงแค่เสียบสายที่ต่อกับ dongle หรือต่อตรงก็ชาร์จได้ทันที

image 1278

บทสรุปของ Razer Viper V2 Pro คงต้องบอกว่าหากใครที่กำลังมองหาเมาส์สำหรับการเล่นเกมที่มีน้ำหนักเบา และต้องพกพาไปใช้งานในที่ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำเมาส์รุ่นนี้จะเป็นคำตอบให้ได้อย่างแน่นอน ด้วยราคา 5,490 บาท นับว่าเป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อทีเดียว

ข้อดี

– การออกแบบที่ยังคงความเป็นตระกูล Viper ไว้

– น้ำหนักเบาเพียงแค่ 58 กรัม

– ผิวสัมผัสแบบด้านแม้ไม่มียางก็ช่วยให้จับได้ถนัด

– มาพร้อมกับฟีเจอร์สำหรับการใช้งานครบครัน

– แบตเตอรี่รองรับการใช้งานมากถึง 80 ชั่วโมง

ข้อสังเกต

– ไม่มีไฟ RGB

– ตำแหน่งของปุ่มปรับ DPI ที่อยู่ด้านล่างอาจทำให้ไม่สะดวกเวลาที่ต้องการเปลี่ยน

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Razer ประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง Razer Viper V2 Pro มาให้เราทำการทดสอบกันใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป

รายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : [คลิก]

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button