เทคโนโลยี

YouTube ปิดช่องตัวอย่างหนังปลอม Screen Culture และ KH Studio

หลังโกยวิว AI ทะลุพันล้าน

YouTube ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดด้วยการสั่งปิดช่อง Screen Culture และ KH Studio สองยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตตัวอย่างหนังปลอมที่สร้างด้วย AI อย่างเป็นทางการแล้ว หลังจากที่ทั้งสองช่องนี้สร้างความปั่นป่วนให้กับการค้นหาข้อมูลบนแพลตฟอร์มมานาน โดยมียอดผู้ติดตามรวมกันกว่า 2 ล้านบัญชี และโกยยอดวิวรวมไปได้มหาศาลกว่า 1,000 ล้านครั้งเลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ YouTube เคยพยายามใช้วิธีละมุนละม่อมด้วยการระงับการสร้างรายได้ (Demonetize) และบังคับให้ใส่คำอธิบายว่าเป็น Fan Trailer หรือวิดีโอแนวคิด (Concept) แต่เมื่อทั้งสองช่องได้รับสิทธิ์สร้างรายคืนกลับมา พวกเขากลับวนไปใช้วิธีเดิมคือการตั้งชื่อคลิปให้น่าดึงดูดและดูเหมือนเป็นตัวอย่างทางการอีกครั้งเพื่อปั่นยอดวิว จน YouTube มองว่านี่คือการละเมิดนโยบายด้านสแปมและข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด (Misleading Metadata) อย่างร้ายแรง

ความล้ำของช่องเหล่านี้คือการใช้ AI ตัดต่อภาพตัวละครดังๆ เข้ากับฟุตเทจหนังเรื่องอื่น จนดูเนียนจนคนสับสน ตัวอย่างเช่น หนัง Fantastic Four: First Steps ของ Marvel ที่ช่อง Screen Culture ทำออกมาถึง 23 เวอร์ชัน และที่น่าทึ่งคือคลิปปลอมเหล่านี้ดันติดอันดับการค้นหาสูงกว่าคลิปจริงๆ จากทาง Disney เสียอีก ทำให้สตูดิโอใหญ่ๆ เริ่มอยู่เฉยไม่ได้

youtube-takedown-ai-trailer

จุดเปลี่ยนสำคัญมาจากแรงกดดันของ Disney ที่ส่งจดหมายเตือนถึง Google เพื่อให้จัดการกับเนื้อหาที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตัวละครของพวกเขา ซึ่งก่อนหน้านี้มีรายงานว่าสตูดิโอใหญ่ๆ บางแห่งเลือกที่จะแบ่งรายได้ จากคลิปเหล่านี้แทนการสั่งลบ แต่เมื่อผลกระทบต่อภาพลักษณ์แบรนด์เริ่มรุนแรงขึ้น การกวาดล้างครั้งนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อคืนความสะอาดให้กับการค้นหาตัวอย่างหนัง

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของ Disney เองก็น่าสนใจ เพราะในขณะที่สั่งจัดการคลิป AI บน YouTube แต่พวกเขากลับประกาศดีลประวัติศาสตร์ลงทุน 1,000 ล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อใช้โมเดล Sora มาช่วยสร้างคอนเทนต์ และเตรียมนำคลิปที่สร้างจาก AI อย่างเป็นทางการไปฉายบน Disney+ แทน นั่นหมายความว่าในอนาคต เราอาจจะยังเห็นคอนเทนต์จาก AI อยู่ดี เพียงแต่ต้องเป็นสิ่งที่ค่ายหนังเป็นคนทำเองเท่านั้น

ผลลัพธ์จากการปิดช่องครั้งนี้ทำเอาชุมชนแฟนหนังทั่วโลกต่างออกมาแสดงความยินดี เพราะนอกจากจะช่วยลดความรำคาญในการหาข้อมูลแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังช่องเล็กๆ อื่นๆ ที่ยังคงใช้ AI สร้างเนื้อหาหลอกลวงเพื่อปั่นยอดวิว

ที่มา
Gizmodo

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button