[รีวิว] Seagate FireCuda 520 ที่เก็บข้อมูลสุดแรงด้วย PCIe Gen 4

หากจะพูดถึงอุปกรณ์คู่ใจสำหรับการเล่นเกมหนึ่งในสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นอุปกรณ์ที่เก็บข้อมูล และครั้งนี้เราจะมาแนะนำที่เก็บข้อมูลรุ่นใหม่จากทาง Seagate ในชื่อรุ่นที่มีชื่อว่า FireCuda 520 มาพร้อมจุดเด่นในการรองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen 4 นั่นเอง ว่าแต่มันจะดีกว่า PCIe Gen 3 ยังไงเราไปหาคำตอบกันเลย

สำหรับการออกแบบกล่องภายนอกมาพร้อมกับการใช้รายละเอียดที่ดึงดูด และหากใครที่ชื่นชอบการเล่นเกมหากเห็นเจ้า FireCuda 520 วางอยู่ในชั้นขายของตามร้านต่าง ๆ น่าจะตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก เนื่องจากมีความโดดเด่นเนื่องรุ่นอื่น ๆ

ภายในกล่องจะมีอุปกรณ์เพียงแค่ตัว SSD และคู่มือเท่านั้น โดยที่หัวใจหลักของเราจะมีการบรรจุอยู่ในซองที่กันประจุไฟฟ้าอีกชั้นเพื่อความมั่นใจของผู้ใช้งานที่จะไม่พบปัญหาระหว่างทาง

ด้านหนึ่งของ FireCuda 520 จะเป็นการบอกรายละเอียดต่าง ๆ ของตัวอุปกรณ์ ซึ่งรุ่นที่เราได้มาทดสอบในครั้งนี้จะเป็นรุ่นที่มีขนาด 1 TB พร้อมข้อความระบุว่า FireCuda 520 SSD PCIe G4 x 4 NVMe

ขณะที่อีกด้านจะเป็นการลงรายละเอียดเรื่องของโลโก้จากทาง Seagate นั่นเอง

การติดตั้งไม่ได้มีความต้องการอะไรไปพิเศษ นอกเหนือจากว่าเมนบอร์ดที่ต้องมีช่องสำหรับติดตั้งที่เก็บข้อมูลแบบ M.2 นั่นเอง

ก่อนที่เราจะไปทดสอบประสิทธิภาพก็จำเป็นที่จะต้องกล่าวถึงสเปคที่ใช้งานร่วมกันเสียก่อน เนื่องจากว่า FireCuda 520 เป็นที่เก็บข้อมูลซึ่งมาพร้อมกับมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบใหม่ PCIe Gen 4 ฉะนั้นบอร์ดที่เราเลือกใช้งานคือ BIOSTAR B550MH พร้อมกับซีพียูที่ทำงานคู่กัน AMD Ryzen 3 3100

นอกจากนี้เราจะยังมีการนำไปทดสอบกับที่เก็บข้อมูลแบบ PCIe Gen 3 M.2 NVMe และ SSD SATA ให้ได้เห็นถึงความแตกต่างกันด้วย

เริ่มต้นกันที่การทดสอบความเร็วผ่านโปรแกรมอย่าง CrystalDiskMark กันเลยผลลัพธ์ที่ได้เป็นไปตามที่คาดเอาไว้ เนื่องจากเจ้า FireCuda 520 ที่ใช้งานการเชื่อมต่อแบบ PCIe Gen 4 สามารถที่จะทำความเร็วทั้งการอ่านและการเขียนได้ดีกว่า โดยตามที่ทาง Seagate ได้ให้ข้อมูลเอาไว้ รุ่นใหม่ตัวนี้สามารถที่จะทำความเร็วได้ดีกว่า PCIe Gen 3 ได้ถึง 45 เปอร์เซ็นต์

ถัดไปเราไปดูการทดสอบเกี่ยวกับการเล่นเกมกันบ้าง เริ่มจากเกมอย่าง Death Stranding จากสิ่งที่เราได้จะพบว่าเมื่อย้ายเข้ามาสู่หัวข้อของการเล่นเกมแล้ว ความแตกต่างในการโหลดไม่ได้มากอย่างที่คิดเอาไว้

ตามมาด้วยเกม Red Dead Redemption 2 อีกหนึ่งเกม Open World ที่มีขนาดของแผนที่ภายในเกมค่อนข้างใหญ่ แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่ได้ยังค่อนข้างที่จะไม่เห็นถึงความต่างกันมากนัก และในครั้งนี้ดูเหมือนว่า FireCuda 520 จะช้ากว่าเล็กน้อยเสียด้วย

มาดูกันที่เกมสุดฮิตของชาว FPS อย่าง Counter-Strike: Global Offensive กันบ้าง เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ความแตกต่างในการโหลดไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่เป็นไปตามที่หวังมากนัก

ในเรื่องของการถ่ายโอนข้อมูลด้วยไฟล์ขนาด 10 GB พบว่าเจ้า FireCuda 520 ทำได้ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด

สุดท้ายเรามาดูเรื่องของระยะเวลาการบูตเพื่อเข้า Windows 10 กันบ้าง ด้วยความที่การเปลี่ยนที่เก็บข้อมูลมาใช้งานแบบ SSD แทนที่ HDD แบบเก่าทำให้ความแตกต่างเมื่อเทียบกันแล้วอาจจะไม่ได้ห่างกันมากนัก แต่ก็ยังถือว่า FireCuda 520 ทำผลงานออกมาได้ดีกว่าใครเพื่อน

นอกจากนี้เรายังสามารถที่จะติดตั้งเครื่องมือที่ชื่อว่า SeaTools ที่จะบอกข้อมูลต่าง ๆ ของอุปกรณ์ที่เราใช้งานได้ไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิ การใช้งานอุปกรณ์ และที่สำคัญยังบอกอายุการใช้งานที่เหลืออยู่ได้อีกด้วย

บทสรุปของ Seagate FireCuda 520 คงต้องบอกว่าเป็นที่เก็บข้อมูลที่น่าสนใจตัวหนึ่งที่มีการนำเสนอออกมาพร้อมกับการเชื่อมต่อแบบใหม่ PCIe Gen 4 ในเรื่องของความเร็วการทำงานทั่ว ๆ ไปรวมถึงการใช้งานโปรแกรมจำพวกสร้างสรรค์ผลงานต่าง ๆ ดูจะเห็นผลอย่างมาก แต่ในเรื่องของการเล่นเกม อาจจะยังไม่ได้เห็นข้อแตกต่างที่มากนัก แต่ก็ยังคงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย กับการหามาใช้งาน เนื่องจากรองรับสิ่งใหม่ ๆ ที่จะมาถึงในอนาคตได้เป็นอย่างดี ด้วยราคา 7,890 บาท นับว่าน่าสนใจไม่น้อย

ข้อดี

– ที่เก็บข้อมูลใหม่ที่มาพร้อมกับรูปแบบการเชื่อมต่อ PCIe Gen 4

– ความต่อเนื่องในการทำงานที่ทำได้ดีกว่ารูปแบบเก่า

– มาพร้อมกับเครื่องมือ SeaTools ที่ช่วยบอกอายุการใช้งานที่เหลือ

– รับประกันยาวนาน 5 ปี

ข้อสังเกต

– เนื่องจากใช้งานการเชื่อมต่อ PCIe Gen 4 ทำให้ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับถึงจะดึงความสามารถได้เต็มที่

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Seagate แห่งประเทศไทยที่ได้ส่ง FireCuda 520 มาให้เราได้ทดสอบ ใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไปและช่องทางออนไลน์

รายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้า : [คลิก]