เปิดตัว iPhone SE รุ่นใหม่จาก Apple ราคาเริ่มต้นเพียง 14,900 บาท

เปิดตัวออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPhone SE รุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นสุดคุ้มค่าเพียงแค่ 14,900 บาท ในรุ่นความจุ 64GB โดยที่ตัวเครื่องการออกแบบต่าง ๆ ยังคงไว้ซึ่งความเป็น iPhone 8 อยู่ มาพร้อมกับหน้าจอขนาด 4.7 นิ้ว ขอบบนและขอบล่างที่ยังคงเห็นได้ชัด มาพร้อมกับปุ่ม Home ที่รองรับการใช้งาน Touch ID และด้วยการออกแบบที่ยังคงใช้งานมาตั้งแต่ iPhone 6 ทำให้ iPhone SE รุ่นใหม่เป็นรุ่นที่ 6 แล้วที่ยังคงยึดติดกับการภาพลักษณ์ภายนอกแบบเดิม

iPhone SE หากจะให้บอกกันตามตรงก็คงต้องบอกว่ามันคือ iPhone 8 ที่มาพร้อมกับกล้องและชิปเซ็ตภายในที่ดีกว่า เช่นเดียวกันกับราคาที่ถูกกว่าด้วย โดยที่ชิปเซ็ตภายในใช้งานเป็นตัวของ Apple A13 Bionic ที่มีอยู่ใน iPhone 11 Series โดยซึ่งการเปลี่ยนมาใช้งานชิปเซ็ตรุ่นใหม่ล่าสุดน่าจะทำให้อายุการใช้งานของ iPhone SE ยาวนานยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมในเรื่องของระบบและการอัปเดทในภายหน้า

สำหรับการเปลี่ยนมาใช้งานชิปเซ็ตรุ่นใหม่ทำให้ตัวของ iPhone SE ได้ฟีเจอร์สำหรับการใช้งานภายในกล้องที่ดีขึ้นตามไปด้วย กล้องหลังมาพร้อมกับความละเอียด 12MP ที่จะมาพร้อมกับการปรับปรุงให้การถ่ายภาพด้วยโหมด Smart HDR ทำได้ดียิ่งขึ้น โดยที่โหมดนี้จะทำการนำภาพ ๆ เดียวกันหลากหลายภาพมารวมกันให้เป็นภาพเดียว เพื่อที่จะปรับปรุงในเรื่องของแสงและรายละเอียดให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีโหมด Portrait ที่ทาง Apple ได้บอกว่าได้มีการใช้งาน Machine Learning เข้ามาเพื่อตรวจจับใบหน้าของคน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถแก้ไขและจับภาพได้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K 60fps ขณะที่กล้องหน้ามีความละเอียด 7MP รองรับโหมด Portrait เช่นกัน

ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ใช้งานอยู่ภายใน iPhone SE น่าจะเป็นส่วนเดียวกันกับที่ใช้งานอยู่บน iPhone 8 โดยที่ทาง Apple ได้บอกว่าเคสที่ออกแบบมาให้ใช้งานกับ iPhone 8 สามารถที่จะนำมาใช้งานกับ iPhone SE รุ่นใหม่นี้ได้เช่นเดียวกัน โดยที่หน้าจอขนาด 4.7 นิ้วใช้งานหน้าจอแบบ IPS LCD Retina Display ที่รองรับการแสดงผลสีแบบ True Tone ซึ่งดูแล้วเป็นจอแบบเดียวกันกับที่อยู่ใน iPhone 8

ภายในกล่องจะมาพร้อมกับตัวชาร์จ 5W อย่างไรก็ตามตัวเครื่องสามารถที่จะรองรับการใช้งานชาร์จไวได้ที่ 18W โดยใช้งานผ่านพอร์ต Lightning รองรับการใช้งานไร้สายแบบ Qi ข่าวร้ายสำหรับใครที่ชอบฟังเพลงคือตัวเครื่องไม่มีรูหูฟัง 3.5 มิลลิเมตรอีกต่อไป อย่างไรก็ตามภายในกล่องได้แถมตัวใช้งานร่วมกับพอร์ต Lightning มาให้เรียบร้อยแล้ว ในส่วนอื่น ๆ ตัวเครื่องรองรับการใช้งาน Wi-Fi 6, Gigabit LTE และรองรับการใช้งาน 2 ซิม (eSIM) รองรับการใช้งานระบบ Haptic Touch ที่เข้ามาแทนที่ 3D Touch 

สำหรับวันวางขายอย่างเป็นทางการภายในประเทศไทยยังไม่มีกำหนดออกมาแต่มีราคาออกมาให้เราได้เห็นกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเริ่มจากรุ่น 64GB ขายที่ราคา 14,900 บาท รุ่น 128GB ราคา 16,900 บาท และรุ่น 256GB ราคา 20,900 บาท โดยที่การวางขายในต่างประเทศจะเริ่มเปิดให้ทำการสั่งซื้อในวันที่ 17 เมษายนนี้ ส่วนจะขายจริงวันที่ 24 เมษายนเป็นต้นไป