เทคโนโลยี

[รีวิว] iPhone 14 Pro Max

มาพร้อมชิปเซ็ตรุ่นใหม่และ Dynamic Island ประสบการณ์ใหม่ที่หาไม่ได้จากรุ่นก่อน

iPhone 14 Pro Max นี่น่าจะเป็นคำแนะนำที่ดีไม่น้อยหากใครที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงอันเป็นที่สุดสำหรับ iPhone รุ่นใหม่ที่เปิดตัวออกมาภายในปีนี้จากทาง Apple ตัวเครื่องมาพร้อมกับความน่าสนใจในตัวเอง และที่สำคัญ Dynamic Island ลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มให้ประสบการณ์ใช้งาน iPhone ต่างไปจากเดิม ว่าแต่จะมีอะไรที่น่าสนใจซ่อนอยู่อีกบ้างเราไปดูกันเลย

Design

image 1135

แว็บแรกที่ได้เห็นตัวเครื่องต้องยอมรับว่าหากวัดกันที่ขนาดและมองผ่าน ๆ แทบจะไม่ได้แตกต่างออกไปจากเดิมเท่าไหร่นัก และสิ่งเดียวที่จะทำให้เราได้ทราบว่ามีการเปลี่ยนแปลงออกไปนั่นก็คือรอยบากที่ในรุ่นใหม่ได้ใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูแทน

image 1136

สิ่งที่สองที่พอจะบอกว่าเป็นรุ่นใหม่ได้เช่นกันคือเรื่องของกล้องหลังที่ไม่ได้คิดไปเองว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิม และนั่นทำให้อัตราส่วนของตัวเครื่องเปลี่ยไปเช่นกัน โดยที่ iPhone 14 Pro Max มาพร้อมกับอัตราส่วน 160.7 x 77.6 x 7.85 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเครื่อง 240 กรัม ขณะที่ iPhone 13 Pro Max มีอัตราส่วน 160.8 x 78.1 x 7.65 มิลลิเมตร หนัก 238 กรัม

image 1137

วัสดุที่ใช้งานรอบตัวเครื่องทาง Apple ยังคงเอาไว้ซึ่งสัมผัสที่จับแล้วรู้สึกเหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป ไม่ว่าจะเป็นสแตนเลสสตีลรอบข้างของตัวเครื่อง หน้าจอด้านหน้าใช้เป็น Ceramic Shield ช่วยป้องกันร่องรอยที่ไม่คาดคิดได้เป็นอย่างดี

image 1138
image 1139
image 1140

สำหรับการจัดวางตำแหน่งปุ่มรวมไปถึงพอร์ตการใช้งานไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ระบบเสียงที่เป็นลำโพงคู่ด้านล่างและด้านบนยังมอบประสบการณ์ฟังที่ดี แน่นอนว่าใครคาดหวังจะเห็น USB-C ยังคงต้องรอกันต่อไป

Display

ใครที่เบื่อกับการออกแบบของตัวเครื่องที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ มาสักพัก การได้พบกับ iPhone 14 Pro Max น่าจะทำให้ดึงดูดสำหรับการเปลี่ยนแปลงได้ไม่น้อย เนื่องจาก Dynamic Island บนหน้าจอซึ่งมาลบภาพจำแบบเดิมออกไปได้

image 1141

การตัดรอยบากออกไปช่วยให้เราได้มุมมองใหม่จากตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี ความละเอียดหน้าจอ 2796 x 1290 พิกเซล ด้านบนของจอยังมาพร้อมกับแผงลำโพงขนาดเล็กสำหรับการใช้งาน

image 1142
image 1143

ภายใน Dynamic Island เราจะได้พบกับกล้องความละเอียด 12MP พร้อม autofocus เช่นเดียวกับเซนเซอร์ต่าง ๆ อย่างไรก็ตามมีเซนเซอร์บางส่วนที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้หน้าจอด้วยเช่นกันอย่างเช่น proximity

image 1144

เมื่อเราพูดถึง Dynamic Island แล้วเรามาดูกันไปพร้อมกันเลยดีกว่าว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง ที่ไม่ใช่แค่มาแทนที่รอยบากแบบเดิม สำหรับฟีเจอร์ที่เจ้าสิ่งนี้สามารถทำได้ค่อนข้างที่จะครอบคลุมโดยจะเน้นหนักไปที่การแจ้งเตือนแบบพิเศษ

image 1145

ตัวอย่างการใช้งานที่ค่อนข้างเป็นประโยชน์เวลาที่เราฟังเพลงผ่านแอปพิเคชันเช่น Spotify เมื่อเราสลับเพื่อไปใช้งานแอปพลิเคชันอื่น ๆ หรือพักหน้าจอ เราสามารถที่จะควบคุมการฟังได้ผ่าน Dynamic Island โดยตรงได้ หลักการทำงานไม่ซับซ้อนหากเรากดที่ Dynamic Island หนึ่งครั้งจะเป็นการเปิดเข้าไปที่แอปพลิเคชัน แต่หากกดค้างเอาไว้จะเป็นการควบคุมหรือใช้งานฟีเจอร์บางอย่างจากตัว Dynamic Island ได้โดยตรง

image 1146

หรือจะเป็นการใช้งานกับแอปพลิเคชันนำทางอย่าง Google Maps สามารถที่จะบอกทิศทางการเดินทางได้เช่นกันแม้ไม่ได้อยู่ภายในแอปพลิเคชัน เวลามีสายโทรเข้า Dynamic Island จะแสดงการแจ้งเตือนออกมาเช่นกัน

image 1147

รายละเอียดของหน้าจอภายใน iPhone 14 Pro Max ยังคงยกยอดสิ่งที่ดีจากรุ่นก่อนอย่างหน้าจอ ProMotion ที่สามารถแสดงผลค่า Refresh Rate ได้ตั้งแต่ 1 – 120Hz ความลื่นไหลของการใช้งานเวลาเล่นเกมหรือรับชมคลิปต่าง ๆ เราสามารถที่จะสัมผัสได้ไม่ยากนัก แน่นอนว่ามีบางช่วงที่หน้าจอถูกลดค่าแสดงผลลงมาที่ 60Hz ซึ่งเป็นค่าพื้นฐานเนื่องจาก จะทำให้การใช้งานแบตเตอรี่ทำได้ยาวนานยิ่งขึ้น

image 1148

สำหรับการแสดงผลด้วย 1Hz จะเป็นการนำมาใช้งานในส่วนของฟีเจอร์ Always-on-Display และเมื่อกล่าวถึงฟีเจอร์ดังกล่าวเราสามารถที่จะแก้ไขปรับแต่งหน้าจอล็อกสำหรับการแสดงผลได้อย่างอิสระภายใน iOS 16 การมาถึงของ AOD ช่วยได้อย่างมากในการเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องปลดล็อกหน้าจออีกด้วย

Performance

หากใครที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงภายใน iPhone 14 Pro Max นับว่าเป็นรุ่นที่ไม่ควรพลาด เนื่องจากมาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นใหม่ Apple A16 Bionic ซึ่งถูกผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ 4 นาโนเมตร ในขณะที่แรมมีให้มา 6GB โดยผลการทดสอบออกมาดังนี้

image 1149
image 1150

และเพื่อทำให้ทุกคนเห็นภาพมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีกสำหรับความแรงที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากรุ่นก่อน เราจะทำการนำไปเทียบกับ iPhone 13 Pro Max และ iPhone SE 2022 ให้ได้เห็นความต่างกันไปในตัว

image 1151
image 1152
image 1153
image 1154

จากภาพเราจะเห็นได้ว่าความแรงที่เพิ่มขึ้นมาใน iPhone 14 Pro Max จะเหนือกว่าสิ่งที่ทำได้ใน iPhone 13 Pro Max อยู่ราว 5 – 10 เปอร์เซ็นต์ ถือว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นแต่จะเพียงพอต่อความรู้สึกและความคาดหวังของผู้ใช้งานหรือไม่อันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละคนแล้วว่าพึงพอใจกับตัวเลขที่เพิ่มมาหรือไม่

image 1155
image 1156

การเล่นเกมทดสอบใน Genshin Impact, Tower of Fantasy และ Asphalt 9: Legends ผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าทำได้ดีตามความสามารถของเครื่องรุ่นใหม่ ที่ใช้งานชิปเซ็ต A16 การเล่นเกมพบว่าสามารถที่จะเล่นได้ในระดับที่ดี แต่ที่น่าเสียดายคือในบางช่วงมีอาการเฟรมตกให้เราได้เห็นซึ่งเรื่องนี้ต้องมาติดตามกันต่อไปว่า การอัปเดตระบบหรือปรับจากทีมพัฒนาจะช่วยให้ดีขึ้นได้หรือไม่

image 1157
image 1158

สิ่งที่แก้ไม่ได้สำหรับตัวเครื่องรุ่นนี้และรุ่นก่อนคือความร้อนสะสมเวลาที่เล่นเกมที่ต้องใช้งานกราฟิกหนัก และตัวอย่างชั้นดีไม่ต้องมองหาที่ไหนแต่เป็น Genshin Impact ที่เมื่อเราเปิดเล่นไปสักพักจะพบว่าตัวเครื่องค่อนข้างที่จะมีความอุ่นอยู่พอสมควร หากให้เทียบเราสามารถที่จะถือเล่นได้แต่สัมผัสได้กับความอุ่นของตัวเครื่อง สิ่งดีที่ยังเห็นได้จากตัวเครื่องคือเวลาที่ปิดเกมหรือสลับไปแอปพลิเคชันอื่น ตัวเครื่องสามารถที่จะระบายความร้อนออกได้ดี

Battery

แบตเตอรี่ภายใน iPhone 14 Pro Max จะขอเล่าเป็นประสบการณ์ที่ได้ลองใช้งานในหลากหลายรูปแบบให้ฟังแทนที่จะอ้างอิงตัวเลขจากทาง Apple แทน เริ่มต้นด้วยการใช้งานตัวเครื่องตั้งแต่ช่วงเช้าเวลาตี 5 ด้วยแบตเตอรี่ 90 เปอร์เซ็นต์ ใช้งานทั่ว ๆ ไปอย่าง Facebook และ YouTube จนถึงเวลาราว 8 โมงเช้าแบตเตอรี่ลงมาเหลือ 80 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นขับรถโดยเปิด GPS นำทางจากตัวเครื่องโดยตรงระยะเวลาที่ใช้รวมกันราว 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่ลงมาเหลือ 65 เปอร์เซ็นต์ ถึงบ้านราวบ่าย 2 โมงเย็น จากนั้นใช้อะไรไปเรื่อยจนกระทั่งเวลา 2 ทุ่ม แบตเตอรี่ลงมาเหลือ 20 เปอร์เซ็นต์

image 1159

บทสรุปการใช้งานในวันวุ่น ๆ จะเห็นได้ว่า iPhone 14 Pro Max สามารถที่จะใช้งานอยู่ได้ทั้งวันก่อนที่จะนอนได้ไม่มีปัญหา ในส่วนของระยะเวลาการชาร์จ iPhone 14 Pro Max รองรับการชาร์จไว 20W หากใช้งานโดยที่มีปัจจัยรอบข้างพร้อมสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ได้ราว 40 – 45 เปอร์เซ็นต์ภายในระยะเวลา 30 นาที แน่นอนว่าหากต้องการชาร์จเต็มตั้งใช้เวลาเกิน 1 ชั่วโมงอย่างไม่ต้องมีข้อสงสัย

Camera

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปภายในส่วนของกล้อง iPhone 14 Pro Max มาพร้อมกับเลนส์ที่สามารถถ่ายภาพด้วยความละเอียด 48MP ได้เสียที อย่างไรก็ตามการที่จะถ่ายภาพให้ได้ความละเอียด 48MP เราจำเป็นที่จะต้องเข้าไปที่หน้าการตั้งค่าของตัวเครื่อง เพื่อไปเปิดใช้งานโหมด ProRAW แน่นอนว่าหากเป็นการใช้งานทั่ว ๆ ไปโดยที่ไม่มีการตั้งค่า ตัวเครื่องจะถ่ายออกมาด้วยความละเอียด 12MP เป็นหลัก ส่วนคุณภาพของการถ่ายถือว่าทำออกมาได้คมชัดเก็บทุกรายละเอียดได้ครบถ้วน

image 1160

หลังถ่ายเสร็จเราสามารถที่จะใช้งานการนำพื้นหลังออกแล้วเลือกเฉพาะส่วนเพื่อนำภาพเหล่านั้นไปส่งต่อได้อีกด้วย

image 1161
image 1162
image 1163
image 1164

Conclusion

image 1165

บทสรุปของ iPhone 14 Pro Max ถือว่าเป็นรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นก่อนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรอยบากที่ถูกทำให้หายไปและแทนที่ด้วย Dynamic Island ที่เต็มไปด้วยลูกเล่น ชิปเซ็ตที่แรงขึ้นตอบโจทย์การใช้งานรอบด้าน ด้วยราคาเริ่มต้น 44,900 บาทในรุ่นความจุ 128GB ส่วนรุ่นที่เราได้นำมาทดสอบในครั้งนี้เป็นรุ่นความจุ 1TB ด้วยราคา 66,900 บาท หากใครที่สนใจสามารถที่จะเลือกรุ่นให้เหมาะกับตัวเองได้เลย

ข้อดี

– คุณภาพของงานประกอบและวัสดุที่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา

– การออกแบบหน้าจอใหม่เปลี่ยนมาใช้ Dynamic Island

– ชิปเซ็ตภายในที่แรงขึ้นกว่าเดิมด้วย A16

– รองรับการใช้งาน Always-on-Display

– กล้องที่มาพร้อมกับความละเอียด 48MP เสียที

– แบตเตอรี่พร้อมใช้ชีวิตไปกับเราได้ตลอดเวลา

ข้อสังเกต

– ยังคงรองรับการชาร์จไวเพียง 20W

– น้ำหนักที่ขยับขึ้นมาจากรุ่นก่อนเล็กน้อย

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Apple ที่ได้ทำการส่ง iPhone 14 Pro Max มาให้เราทำการทดสอบกันใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตาม Apple Store, ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ และร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : https://www.apple.com/th/iphone-14-pro

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button