เทคโนโลยี

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

การจับคู่ของหูฟังไร้สายสำหรับเกมเมอร์และแท่นชาร์จไร้สายสุดคูล ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่

HyperX ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้ฝากผลงานมากมายในเกมมิ่งเกียร์มากมายในช่วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา โยดจุดเด่นของทางแบรนด์คือเรื่องของความคุ้มค่าของสิ่งที่ได้เมื่อนำไปเทียบกับราคา นับว่าหาตัวจับได้ยากในตลาด และกับหูฟังรุ่นใหม่ตัวล่าสุดที่ได้ทำการเปิดตัวออกมาอย่าง HyperX Cloud Flight S จะต้องทำให้บรรดาเกมเมอร์ต้องจับตามองมาอย่างแน่นอน

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

สำหรับคำจำกัดความของ HyperX Cloud Flight S คงต้องบอกว่ามันเป็นหูฟังที่ทำออกมาให้เหมาะกับการใช้งานในด้านของความบันเทิงที่อยู่กับบ้านโดยเฉพาะ ด้วยความที่เป็นหูฟังไร้สายที่สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อย่างพีซีและ PlayStation 4 ได้ทำให้เราสามารถที่จะเพลิดเพลินไปกับการเล่นได้อย่างไม่มีขอบเขตมาเกี่ยวข้อง เพียงแค่เสียบตัวรับสัญญาณเข้าไปก็สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์เสริมของทาง HyperX ก็สามารถใช้งานได้เป็นอย่างดี

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base
[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

วัสดุที่ใช้งานรอบ ๆ ตัวหูฟังจะเป็นวัสดุที่ทำมาจากพลาสติก โดยที่ภายในพลาสติกเหล่านี้จะมีโครงสร้างที่ทำมาจากโลหะโดยที่จะเห็นได้ชัดเวลาที่เราทำการปรับระดับของหูฟัง จะเห็นว่าตรงโครงภายในของ Headband จะใช้งานเป็นโลหะ และแม้ว่าจะใช้งานวัสดุเป็นพลาสติกก็ตาม แต่เราไม่รู้สึกว่ามันเป็นหูฟังที่ดูทำออกมาแบบง่าย ๆ แต่อย่างใด ยังคงได้รับประสบการณ์ที่ดูพรีเมี่ยมออกมาจาก HyperX Cloud Flight S

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base
[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

การปรับระดับของหูฟังก็สามารถทำออกมาได้ในระดับมาตรฐาน บริเวณ Headband มาพร้อมกับการใช้งานวัสดุที่เรียกว่า Memory Foam ทำให้สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนาน และเมื่อเลิกใช้แล้วก็จะมีการคืนสภาพของส่วนรองรับหัวของเราให้กลับไปอยู่ในรูปแบบเดิม อีกทั้งยังอำนวยความสะดวกยิ่งขึ้นด้วยการที่สามารถถอดไมโครโฟนได้ยิ่งทำให้สามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไร ขณะที่ Earpad ก็มีความนุ่มไม่บีบหูแต่อย่างใด

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

จุดที่น่าสนใจของตัวหูฟังอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องพูดกันคือการที่ HyperX Cloud Flight S มาพร้อมกับระบบเสียงแบบ Surround Sound 7.1 ที่มีจุดเด่นแตกต่างจากหูฟังรุ่นอื่น ๆ คือมันรองรับการใช้งานที่ตัวหูฟังได้ทันทีเพียงแค่กดปุ่ม 7.1 ที่หูฟังก็สามารถใช้งานได้ทันที แตกต่างจากหูฟังรุ่นอื่น ๆ ที่อาจจะต้องไปเปิดใช้งานในระดับซอฟต์แวร์แทน นำมาซึ่งการใช้งานบน PlayStation 4 ที่จะได้รับประสบการณ์เสียงแบบนี้ได้ในทันที

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

นอกจากนี้ที่ตัวหูฟังยังมีปุ่มสำหรับการใช้งานต่าง ๆ มากมายโดยที่มีการแบ่งพื้นที่สำหรับการใช้งานออกมาเป็นอย่างดี โดยที่บริเวณหูฟังด้านขวาจะเป็นพื้นที่สำหรับการควบคุมระดับเสียง ขณะที่ด้านซ้ายจะเป็นปุ่มสำหรับการเปิด / ปิดการใช้งาน ปุ่มการเปิดใช้งาน Surround Sound 7.1 และช่องสำหรับเสียบชาร์จแบบ Micro-USB และไมโครโฟน

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

และส่วนที่แตกต่างจากหูฟังรุ่นอื่น ๆ คือที่บริเวณนอก Earpad ด้านซ้ายจะมีปุ่มสำหรับการควบคุมสิ่งต่าง ๆ ได้ทั้งหมด 4 ปุ่มด้วยกัน โดยจะสังเกตได้จากจะมีพื้นที่เป็นเหมือนปุ่มที่มีระดับแตกต่างจากพื้นผิว ซึ่งปุ่มในส่วนนี้อาจจะต้องทำการตั้งค่าในซอฟต์แวร์ของทาง HyperX อย่าง HyperX Ngenuity สามารถกำหนดปุ่มทั้ง 4 ได้เลยว่าจะให้ทำหน้าที่อะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นปิดเสียง ปรับระดับเสียงพูดกับเสียงเกม และอื่น ๆ ซึ่งการใช้งานปุ่มพวกนี้อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสักเล็กน้อย

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

การเชื่อมต่อของ HyperX Cloud Flight S จะใช้งานการเชื่อมต่อแบบไร้สายบนคลื่นสัญญาณความถี่ 2.4GHz โดยที่การใช้งานการเชื่อมต่อแบบ Wi-Fi แทนที่จะเป็น Bluetooth ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องของสัญญาณที่จะขาดหายได้เลย และที่สำคัญไม่แพ้กันคือการที่ตัวหูฟัง HyperX Cloud Flight S มาพร้อมกับการรองรับการชาร์จไร้สายแบบ Qi Charging ได้ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับที่ชาร์จไรสายได้ และหากใครที่ไม่รู้จะหาที่ชาร์จรุ่นไหนดีเราขอแนะนำเป็น HyperX ChargePlay Base ที่ชาร์จไร้สายของทาง HyperX ที่รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ Qi แถมชาร์จได้พร้อมกันถึง 2 อุปกรณ์ด้วยกัน

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

สำหรับ HyperX ChargePlay Base จะเป็นแท่นชาร์จไร้สายที่ทำมาเพื่อรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่รองรับมาตรฐาน Qi Charge ไม่ว่าจะเป็นเกมมิ่งเกียร์ต่าง ๆ หรือสมาร์ทโฟนก็สามารถใช้งานได้ ขอเพียงแค่รองรับการใช้งานกับ Qi ก็ใช้งานชาร์จได้ทั้งหมด โดยที่ตัวแท่นชาร์จจะแบ่งส่วนให้ใช้งานชาร์จได้ทั้งหมดพร้อมกัน 2 อุปกรณ์

การออกแบบจะเป็นในรูปแบบของวงรี โดยที่วัสดุที่ใช้งานจะเป็นพลาสติกที่ดูแน่หนา จุดที่เอาไว้ใช้สำหรับชาร์จจะมีแผ่นยางรองรับทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการขีดข่วนได้เลย เช่นเดียวกับด้านล่างของ HyperX ChargePlay Base ที่มาพร้อมกับแผ่นยางสำหรับการรองรับกับพื้นผิว

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

แหล่งพลังงานที่ใช้หล่อเลี้ยงตัวอุปกรณ์จะเป็นการใช้งานผ่านพอร์ต USB-C ที่เอาไว้เชื่อมต่อกับอแดปเตอร์ที่ต่อเข้ากับไฟบ้านได้ทันที ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องที่ว่าช่องเสียบบนเมนบอร์ดไม่เพียงพอได้เลย โดยกำลังไฟที่จ่ายออกมาจะอยู่ที่ 15W ถือว่าเป็นระดับแบบมาตรฐาน

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

วิธีในการใช้งานก็แค่วางอุปกรณ์ที่รองรับลงไปบนพื้นที่บน HyperX ChargePlay Base และเมื่อวางลงไปจะมีแถบไฟ LED แสดงขึ้นมาให้เราได้รับทราบว่ากำลังชาร์จ โดยหากเป็นไฟ LED ค้างจะถือว่ากำลังชาร์จอยู่ แต่หากเป็นไฟ LED กระพริบจะหมายถึงการที่ชาร์จไม่สำเร็จ อาจจะเป็นอุปกรณ์ไม่รองรับหรือวางไว้ผิดด้านก็เป็นได้ โดยเมื่อทำการชาร์จเต็มแล้วไฟจะดับลงไป

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

ที่น่าสนใจคือมันสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลากหลายมากและตัวหูฟังอย่าง HyperX Cloud Flight S ก็คือหนึ่งในนั้นทำให้มันเป็นการจับคู่ที่ลงตัวเป็นอย่างมาก

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

มาว่ากันที่การใช้งานของ HyperX Cloud Flight S กันบ้าง การใช้งานเล่นเกมถือว่าเป็นจุดหลักสำหรับการใช้งานเป็นอย่างมาก โดยการเข้าไปเล่นเกมอย่าง Apex Legends, CS:GO, PUBG, CoD: MW, R6 และ Overwatch เมื่อเราทำการเข้าเกมตัวหูฟังจะทำการปรับโหมดการใช้งานให้เหมาะกับการเล่นทันที โดยจะเป็นการปรับให้เป็นระบบเสียง Surround Sound 7.1 ซึ่งรายละเอียดของเสียงสามารถแยกซ้าย / ขวาได้เป็นอย่างดี สามารถได้ยินเสียงที่เบาที่สุดได้อย่างถูกต้อง 

การใช้งานทั้งในส่วนของ PlayStation 4 และพีซีเมื่อทำการเปิดใช้งาน Surround Sound 7.1 แล้วไม่ได้ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันเลย เนื่องจากเป็นการเปิดใช้งานในระดับตัวหูฟัง ไม่ใช่ในระดับซอฟต์แวร์ทำให้ HyperX Cloud Flight S มีข้อได้เปรียบเหนือหูฟังรุ่นอื่น ๆ

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

ในส่วนของประสบการณ์ในการใช้งานเพื่อฟังเพลงก็คงต้องบอกว่าโทนเสียงของ HyperX Cloud Flight S จะให้ลักษณะของเสียง Bass ออกมามากกว่าเสียงอื่น ๆ การฟังโดยที่ไม่เปิดใช้งาน Surround Sound 7.1 จะค่อนข้างอึดอัดในบางครั้ง แต่เมื่อทำการปรับเป็นการเปิดใช้งานโหมด Surround Sound 7.1 จะค่อนข้างดีขึ้นได้รับรายละเอียดของเสียงที่มากกว่า Bass แต่ถ้าจะให้บอกว่ามันดีในระดับหูฟังสำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะเลยหรือไม่ คงต้องบอกว่าไม่ แต่ก็ถือว่าดีไม่น้อยหากมองว่ามันเป็นหูฟังสำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ ซึ่งเรื่องนี้ก็มักจะเป็นปัญหาที่หูฟังเล่นเกมมีกัน

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

สุดท้ายคงเป็นเรื่องของเสียงที่ได้จากไมโครโฟนของ HyperX Cloud Flight S ในภาพรวมแล้วโทนเสียงที่ได้จะค่อนข้างออกทุ้ม ๆ เสียหน่อย ระดับของเสียงที่ได้อยู่ในระดับมาตรฐาน ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานของเหล่าเกมเมอร์ทีเดียว 

[รีวิว] HyperX Cloud Flight S และ ChargePlay Base

บทสรุปของ HyperX Cloud Flight S ถือว่าเป็นหูฟังไร้สายอีกหนึ่งรุ่นที่ทาง HyperX ทำออกมาเพื่อตอบโจทย์การเล่นเกมเป็นอย่างดี สิ่งที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ที่เคยมีมาคือการที่รองรับการใช้งานการชาร์จไร้สายอย่าง Qi และยังมีปุ่มสำหรับการควบคุมได้มากถึง 4 ปุ่มด้วยกัน ช่วยทำให้มีความต่อเนื่องในการเล่นเป็นอย่าง ขณะที่แท่นชาร์จไร้สายอย่าง HyperX ChargePlay Base ก็ถือว่าเป็นอุปกรณ์เสริมที่หากใครมีอุปกรณ์ที่รองรับควรมีติดเอาไว้เป็นอย่างมาก ด้วยขนาดและการรองรับได้มากถึง 2 อุปกรณ์ในขณะเดียวกันทำให้มันช่วยเพิ่มความสะดวกในการทำสิ่งต่าง ๆ เป็นอย่างมาก สนนราคาของหูฟังอยู่ที่ 5,990 บาท

ข้อดี

– หูฟังขนาดมาตรฐานที่ใช้งานได้กับทุก ๆ คน

– วัสดุแม้จะเป็นพลาสติกแต่ทำออกมาได้อย่างพรีเมี่ยม งานประกอบแน่หนา

– Memory Foam บริเวณด้านล่าง Headband ที่ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

– Earpad นุ่มคืนสภาพหลังจากใช้งาน

– ปุ่มสำหรับการควบคุมมากถึง 4 ปุ่ม

– ไมโครโฟนสามารถถอดออกได้เมื่อไม่ใช่งาน

– เชื่อมต่อไร้สายผ่านคลื่น 2.4GHz ทำให้ไม่มีอาการหน่วงของสัญญาณ

– แบตเตอรี่อยู่ได้ยาวนานกว่า 30 ชม.

ข้อสังเกต

– แม้จะเป็นหูฟังเกมมิ่งแต่การขาดหายไปของไฟ RGB ทำให้ดูเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง

– บริเวณพื้นผิวด้านนอกของ Earpad ที่มีสัญลักษณ์ HyperX ค่อนข้างที่จะเป็นรอยได้ง่าย

วิดีโอรีวิวการทีมงาน This is Game Thailand

IFrame

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง HyperX ประเทศไทย ที่ได้ส่งอุปกรณ์ในครั้งนี้มาให้พวกเราได้ใช้งานกันหากใครที่สนใจ HyperX Cloud Flight S และ HyperX ChargePlay Base หูฟังไร้สายพร้อมแท่นชาร์จสามารถหาซื้อได้แล้วในตอนนี้ทั้งช่องทางออนไลน์และตามร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไป

สั่งซื้อและข้อมูลเพิ่มเติม : คลิก

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button