[รีวิว] Huawei nova 7 SE สมาร์ทโฟน 5G ที่ถูกที่สุดในไทย ณ ตอนนี้

ยุคนี้มองไปทางไหนก็เริ่มที่จะเห็นแบรนด์สมาร์ทโฟนเริ่มที่จะหันมาให้ความสนใจในเทคโนโลยี 5G กันไปทั่ว ด้วยความที่บ้านเราในตอนนี้ก็เริ่มที่จะมีสัญญาณดี ๆ ที่ออกมาจากหลาย ๆ ฝ่ายแล้วว่า 5G มาแน่แต่ติดอยู่ที่ว่าสมาร์ทโฟนที่รองรับ 5G ในบ้านเราตอนนี้มีแต่รุ่นแพง ๆ ในระดับเรือธงทั้งสิ้น แต่วันนี้เราจะมาแนะนำสมาร์ทโฟนที่มีงบแค่หมื่นต้น ๆ ก็สามารถเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟน 5G ได้กับ Huawei nova 7 SE สมาร์ทโฟนระดับกลางจากทาง Huawei ที่ชูจุดเด่นเรื่องของการเป็นสมาร์ทโฟน 5G ในบ้านเราที่ถูกที่สุดในตอนนี้

Specification

– หน้าจอ LTPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียด FHD+ 2400 x 1080 พิกเซล อัตราส่วน 20:9

– ชิปประมวลผล Hisilicon Kirin 820 5G CPU Octa-core (1×2.36 GHz Cortex-A76 & 3×2.22 GHz Cortex-A76 & 4×1.84 GHz Cortex-A55) ชิปกราฟฟิก Mali-G57

– RAM 8GB

– ความจุภายใน 128GB เพิ่ม NM SD Card ได้สูงสุด 256GB

– กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียด 64MP f/1.8 (Wide) + 8MP f/2.4 (Ultra Wide Angle) + 2MP f/2.4 (Macro) + 2MP f/2.4 (Bokeh) พร้อมไฟแฟลช LED และโหมดการทำงานต่างๆ

– กล้องหน้าความละเอียด 16MP f/2.0

– รองรับ Hybrid Dual SIM แบบ Dual Standby ที่เป็นแบบนาโนซิม

– พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C

– แบตเตอรี่ความจุ 4000mAh ถอดไม่ได้ รองรับ HUAWEI SuperCharge 40W

– ระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบด้วย EMUI 10.1 (Huawei Mobile Services)

– น้ำหนัก 189 กรัม

– ราคา 11,990 บาท

[Design] – การออกแบบสไตล์เรือธงที่ถูกนำมาใช้ใน Huawei nova 7SE

สิ่งที่เราต้องพูดถึงกันเป็นอย่างแรกในเรื่องของดีไซน์ของ Huawei nova 7 SE คงจะหนีไม่พ้นการออกแบบที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของทาง Huawei ซึ่งขนาดของตัวเครื่องที่มีหน้าจอ 6.5 นิ้วถือว่าอยู่ในช่วงที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เหมาะกับการถือใช้งานสำหรับคนทุกกลุ่ม

การออกแบบรอบ ๆ ตัวเครื่องขอบทั้ง 4 ด้านมาในลักษณะโค้งหม่น วัสดุที่ใช้งานเป็นในส่วนของกระจกและ Metal Frame ที่ไม่ต้องกังวลเรื่องของความบอบบางจากการใช้งาน

แม้ว่าหน้าจอของตัวเครื่องจะมีขนาด 6.5 นิ้วแต่ก็สามารถทำความบางของตัวเครื่องออกมาได้ไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ โดยมีความบางเพียง 8.58 มิลลิเมตร ขณะที่น้ำหนักจะอยู่ที่ 189 กรัม แต่ด้วยการเลือกใช้งานวัสดุที่ไม่ได้มีน้ำหนักมากจนเกินไป ทำให้การถือใช้งานต่อเนื่องไม่รู้สึกล้าแต่อย่างใด

ปุ่มต่าง ๆ สำหรับการใช้งานจะอยู่ที่ด้านขวาของตัวเครื่อง โดยที่ปุ่ม Power จะใช้เป็นพื้นที่สำหรับการสแกนลายนิ้วมือด้วย ด้านซ้ายของตัวเครื่องเป็นส่วนสำหรับการใส่ซิมที่รองรับการใช้งาน 5G แล้ว ด้านล่างเป็นพอร์ตสำหรับการใช้งานต่าง ๆไม่ว่าจะเป็นหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร USB-C และลำโพง

มาดูที่ด้านหลังกันบ้างสีที่เราได้มาในครั้งนี้เป็นสีเทา Space Silver ขณะที่อีกสีจะเป็นสีเขียว Crush Green ซึ่งมีความสวยงาม หากดูจากมุมมองต่าง ๆ ก็จะได้สีที่แตกต่างกันไปด้วย

[Display] – จอ LTPS สวยสดไม่แพ้จอแบบ OLED

อย่างที่ได้บอกไปในข้างต้นว่าหน้าจอของ Huawei nova 7 SE จะใช้งานพาเนลจอแบบ IPS LCD ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอะไร ด้วยความที่ยังคงเป็นประเภทหน้าจอที่ใช้งานกันในปัจจุบัน สีและความสว่างที่ทำออกมาได้อยู่ในระดับที่ดีเลยทีเดียว

หน้าจอมีความละเอียดใระดัย Full-HD ทำให้สามารถที่จะรับชมสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคมชัด ประกอบกับหน้าจอที่มีขนาด 6.5 นิ้วทำให้การใช้งานทำสิ่งต่าง ๆ เป็นไปได้ในทุก ๆ ด้าน ความพิเศษอีกอย่างคือหน้าจอที่ให้มารองรับมาตรฐาน HDR10 อีกด้วย

[Camera] – จะใกล้หรือไกลก็ได้ครบ

ภายใน Huawei nova 7 SE มาพร้อมกับความครบถ้วนในเรื่องของการถ่ายภาพ เนื่องจากมีเลนส์ให้ใช้งานได้ครบทั้งระยะใกล้แบบ Marcro หรือจะระยะไกลจัด ๆ ก็สามารถซุมได้ถึง 10 เท่าแถมรายละเอียดที่ได้มาก็ถือว่าค่อนข้างเก็บได้ครบ หรือใครที่มีข้อจำกัดในเรื่องของพื้นที่ในการถ่ายก็มีเลนส์ Ultra Wide ที่จะช่วยทำให้การถ่ายภาพง่ายยิ่งขึ้น

โหมดการถ่ายภาพที่ให้มาถือว่าค่อนข้างครบไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนเรือธง ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ AI ที่สามารถวิเคราะห์ภาพถ่ายให้เหมาะสมได้ นอกจากนี้ยังมีโหมด Slow-Mo, Panorama, Super Macro, Timelapse หรือใครที่อยากใช้งานการถ่ายภาพทั้งสองเลนส์ก็สามารถใช้งานได้อีกด้วย ครบมาก ๆ

กล้องหน้า 16MP สามารถถ่ายทอดภาพออกมาได้น่าพอใจ มีโหมดแต่งสวยให้เราได้ใช้งานเนียน ๆ กันไป ส่วนการถ่ายวิดีโอรองรับความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30FPS มากเกินพอสำหรับการใช้งานแล้วในปัจจุบัน 

[Software] – ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้พบเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน

จริง ๆ แล้วระบบที่ใช้งานบนสมาร์ทโฟน Huawei nova 7 SE ก็คือระบบ Android ที่พวกเราคุ้นเคยกันมาโดยตลอดนั่นเอง แต่สิ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปคือบริการเบื้องหลังที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเสียหน่อย ด้วยการใช้งาน Huawei Mobile Services ที่พัฒนาโดยทาง Huawei เอง ข้อดีที่สัมผัสได้มาโดยตลอดหลังจากที่มีการเปลี่ยนมาใช้งานคือความลื่นไหลของตัวระบบนั่นเอง

ในส่วนของฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่มีมาให้ใช้งานภายในระบบที่ครอบด้วย EMUI 10.1 มีมาให้ครบในการปรับแต่งสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัยที่มีมาให้ภายในเครื่องอย่างการปลดล็อคด้วยนิ้วมือและใบหน้า ซึ่งการปลดล็อคด้วยการสแกนลายนิ้วมือจะอยู่ที่ปุ่ม Power ของตัวเครื่อง ซึ่งอาจจะไม่ค่อยได้เห็นกัน แต่ก็ทำออกมาได้ดีและไวอย่างมาก

ร้านค้าที่ใช้งานในการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและเกมมาใช้งานจะเป็นตัวของ AppGallery โดยหลัก ๆ แล้วสิ่งที่เราใช้งานกันจะมีให้พร้อมแล้ว อย่างไรก็ตามแอปพลิเคชันบางตัวเราอาจจะไม่ได้สามารถดาวน์โหลดจากร้านค้าได้โดยตรง แต่ภายใน AppGallery จะมีการอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานด้วยการส่งต่อเราไปสู่หน้าสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ APK ของทางแอปพลิเคชันอีกที 

[Performance] – ตอบโจทย์ทุกการใช้งานโดยเฉพาะเรื่องเกม

ด้วยความที่เป็นรุ่นใหม่ระดับกลางที่สามารถใช้งาน 5G ได้ฉะนั้นชิปเซ็ตที่ถูกนำมาใช้งานจึงเป็นรุ่นใหม่ด้วยเช่นกันอย่าง Kirin 820 5G ที่พึ่งจะทำการเปิดตัวไปในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เอง และต้องบอกว่าประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าชิปเซ็ตตัวนี้ก็อยู่ในระดับที่ดีไม่เบาเลย

มาดูกันที่การวัดผลด้วยคะแนนด้วย AnTuTu กันก่อนตัวของ Huawei nova 7 SE สามารถทำคะแนนไปได้ทั้งหมด 381192 คะแนนซึ่งถือว่าเป็นคะแนนที่สูงใช้ได้ โดยหากนำไปเทียบกับรุ่นอื่น ๆ ในค่ายตัวเองแล้วมีความแรงที่ใกล้เคียงกับ Huawei Mate 20 Pro และ Huawei nova 5T ที่ใช้งานชิปเซ็ตระดับสูงอย่าง Kirin 980 ได้เลย

ในส่วนของเซ็นเซอร์การใช้งานต่าง ๆ ที่มีมาให้ภายในเครื่องก็ถือว่าครบครันไม่ว่าจะเป็น Accelerometer, Proximity, Magnetic หรือตัวของ Gyroscope ก็มีมาให้ได้ใช้งาน

การเล่นเกมถือว่าเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้กับสมาร์ทโฟนในปัจจุบัน และต้องบอกว่าเจ้าตัวนี้สามารถเล่นเกมหลัก ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา ที่เฟรมเรท 60FPS ได้อย่างลื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น PUBG Mobile หรือ RoV ก็เล่นได้ไม่มีสะดุด หรือจะเป็นเกมกราฟิกสวย ๆ อย่าง Blade & Soul Revolution หรือ Black Desert Mobile ก็ได้อย่างต่อเนื่อง โดยรวมแล้วถือว่า Huawei nova 7 SE ตอบโจทย์คนเล่นเกมได้อย่างลงตัว

ส่วนเรื่องของการใช้งานทั่ว ๆ ไปเราคงไม่ต้องมาพูดถึงกันมากนัก เพราะสามารถใช้งานได้ครบถ้วนทุกแอปพลิเคชัน จะเปิดกี่แอปค้างไว้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องการโหลดใหม่เพราะแรมที่ให้มามากถึง 8GB

รองรับการใช้งาน 5G ในไทยใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟน 5G ในตอนนี้เพื่อใช้งานคงต้องบอกว่า Huawei nova 7 SE เป็นรุ่นที่รองรับและถูกที่สุดในบ้านเราแล้ว ซื้อมาพร้อมใช้งานทันทีไม่ต้องรออัปเดตใด ๆ ให้เสียเวลา

[Battery] – อึด ทน แถมยังเร็วแรงในตัว

สำหรับเรื่องแบตเตอรี่ที่ให้มาใน Huawei nova 7 SE อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจคือ 4000mAh สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ใช้งานหนัก ๆ ดูคลิปต่าง ๆ เล่นเกมเกือบตลอดวัน ก็สามารถที่จะอยู่ได้จนถึงช่วงเวลาที่จะนอน ทำให้มันตอบโจทย์อย่างมากสำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบชาร์จแบตบ่อย ๆ 

แต่ใช่ว่าเวลาที่ชาร์จแล้วจะรู้สึกช้า เนื่องจากว่ามาพร้อมกับระบบการชาร์จอย่าง HUAWEI SuperCharge 40W ที่ช่วยทำให้เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ด้วยระยะเวลาอันแสนรวดเร็ว เรียกได้ว่าไม่กี่นาทีแบตเตอรี่ก็กลับมาเกือบจะเต็มครบพร้อมใช้งานได้ต่อเนื่อง หรือแบตเตอรี่ใครจะหมดแล้วต้องไปธุระต่อ ก็สามารถชาร์จสัก 10 นาทีก็มีแบตเตอรี่เพียงพอสำหรับการใช้งานต่อแล้ว

[Twins] – Huawei nova 7 Series ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัว

แน่นอนว่าตระกูล nova ของทาง Huawei มาพร้อมกับการการันตีความคุ้มค่าที่น่าใช้งานเป็นอย่างมาก โดยที่ตอนนี้หากนับกันที่มีขายในบ้านเราในตอนนี้จะมีทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ Huawei nova 7i, Huawei nova 7 SE และ Huawei nova 7 โดยที่ 2 รุ่นหลังเปิดตัวพร้อมกันโดยเน้นทำโจทย์ในเรื่องของสมาร์ทโฟน 5G

อย่างไรก็ตามหากดูกันให้ดี ๆ แล้วอาจจะเรียกว่า Huawei nova 7 SE เป็นการนำข้อดีต่าง ๆ ที่มีให้ใช้งานใน Huawei nova 7i มาเพิ่มตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อยให้กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่ลงตัวมากยิ่งขึ้น สิ่งดี ๆ ที่มีติดมาให้อย่างหน้าจอ LTPS แรม 8GB กล้องหลัง 4 ตัว พื้นที่สแกนลายนิ้วมือที่อยู่ด้านข้าง และที่สำคัญคือระบบชาร์จไวอย่าง HUAWEI SuperCharge 40W ที่มีใน Huawei nova 7i ก็ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างต่อเนื่อง

โดยราคาที่แตกต่างกันจะอยู่ที่ 3,000 บาท เพราะตัวของ Huawei nova 7i มีราคาอยู่ที่ 8,990 บาทนั่นเอง ส่วนต่าง 3,000 บาทที่เพิ่มขึ้นมาแลกกับการได้ชิปเซ็ตใหม่ การรองรับ 5G การรองรับการแสดงผลที่ดีขึ้น กล้องที่มีความละเอียดขึ้น ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย แต่สำหรับใครที่ไม่ได้อยากจะใช้งาน 5G แต่มองหาสมาร์ทโฟนแรมเยอะตัวของ Huawei nova 7i ก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

[Conclusion] – สมาร์ทโฟน 5G ที่คุ้มที่สุดในเวลานี้

หากจะบอกว่ามัน Perfect มากอาจจะเป็นการกล่าวที่เกินจริงไป แต่ต้องยอมรับว่า Huawei nova 7 SE สามารถที่จะรองรับการใช้งานในอนาคตด้วยการมาถึงขอการเชื่อมต่อแบบใหม่อย่าง 5G ที่ช่วยทำให้เราเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ ได้เร็วขึ้นด้วยงบที่ไม่มากจนเกินไป อีกทั้งยังสามารถทำงานในส่วนอื่น ๆ ได้รอบด้านจะเล่นเกมหรือโซเขียลก็ได้ไม่มีเคอะเขิน

ข้อดี

– หน้าจอแบบ LTPS ที่สามารถแสดงผลได้ในทุก ๆ สถานการณ์

– ขนาดของตัวเครื่องที่สามารถใช้งานมือเดียวได้กำลังดี

– ชิปเซ็ตตัวใหม่ Kirin 820 รองรับการใช้งานในทุก ๆ ด้าน

– สมาร์ทโฟนที่ถูกที่สุดที่รองรับ 5G ในไทย

– แรมที่ให้มามากถึง 8GB สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง

– กล้องที่ให้มาครบในทุก ๆ สถานการณ์

– แบตเตอรี่อึดใช้งานได้ตลอดทั้งวัน

– ชาร์จไวใช้เวลาครึ่งชม.จาก 0 ได้แบตถึง 70 เปอร์เซ็นต์

ข้อสังเกต

– เสียงของลำโพงเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีมากนัก

– ข้อจำกัดของ AppGallery ที่แอปพลิเคชันแม้จะมากขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงขาดบางส่วนไปโดยเฉพาะเรื่องเกม

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Huawei แห่งประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง Huawei nova 7 SE มาให้เราได้ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ หากใครอยากจะได้สมาร์ทโฟน 5G ที่ถูกที่สุดในไทยตอนนี้สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้านค้าชั้นนำไอทีทั่วประเทศ หรือสามารถหาซื้อได้ตามช่องทางออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน

สั่งซื้อและรายละเอียดเพิ่มเติม : คลิก