[รีวิว] Huawei MateBook D15 2021
อัปเดตใหม่เปลี่ยนมาใช้ Intel Gen 11 น้ำหนักเบากว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยประสิทธิภาพที่อัดแน่น
กลับมาให้เราได้เห็นกันอีกครั้งสำหรับโน้ตบุ๊ครุ่นอัปเดตจากทาง Huawei อย่าง MateBook D15 ที่ในตอนนี้ได้เปิดตัวรุ่นอัปเดตใหม่ที่เปลี่ยนมาใช้งานซีพียูของทาง Intel Generation 11 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งความสวยงามอย่างที่เคยเป็นมาโดยตลอด ว่าแต่ MateBook D15 ประจำปี 2021 จะเป็นเช่นไรเรามาดูกันเลย
Design
แน่นอนว่าครั้งแรกที่ได้เห็น Huawei MateBook D15 ยังคงให้ความรู้สึกเดิม ๆ ที่รุ่นก่อนได้สร้างเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัสดุและสีที่ใช้งานภายในตัวเครื่อง รวมไปถึงการออกแบบในแต่ละจุดที่แทบจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับการออกแบบและประกอบเครื่องด้วยวัสดุเพียงชิ้นเดียว Metal Unibody สีที่เลือกใช้งานเป็นแบบ Space Grey สุดหรูหรา พื้นผิวต่าง ๆ ของตัวเครื่องเป็นแบบเรียบเนียนสัมผัสในส่วนต่าง ๆ ไม่มีสะดุด
ขนาดของตัวเครื่องมีความบางเท่ากับรุ่นก่อนคือ 16.9 มิลลิเมตร ขณะเดียวกันในเรื่องของน้ำหนัก เบาลงกว่าเดิม 100 กรัม เนื่องจากรุ่นอัปเดตตัวนี้มีน้ำหนักเพียง 1.52 กิโลกรัมจากเดิมที่ 1.62 กิโลกรัม ซึ่งนับว่าเป็นโน้ตบุ๊คที่มีน้ำหนักค่อนข้างที่จะเบา แม้จะไม่เบาที่สุดแต่ก็สามารถพกพาไปใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา
ที่ด้านหลังของหน้าจอมีการสลักโลโก้ของ Huawei เอาไว้
ด้านล่างของตัวเครื่องจะเป็นส่วนของช่องระบายความร้อนที่เป็นแผงยาวที่ภายในมีพัดลมระบายความร้อนแบบ Shark Fin แต่เวลาใช้งานจริงเราแทบจะไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาเลย
ขณะที่ลำโพงจะอยู่ที่ขอบด้านล่างของทั้งสองฟังข้างละตัว คุณภาพเสียงที่ได้ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างน่าประทับใจ
ส่วนไมโครโฟนจะอยู่ที่บริเวณขอบด้านล่างของ Touchpad จำนวน 2 ตัวด้วยกันและเป็นแบบตัดเสียงรบกวนให้เรียบร้อยแล้ว
Display
หน้าจอของตัวเครื่องสามารถกางออกได้ประมาณ 178 องศา แม้จะไม่สามารถกางออกได้ถึง 180 องศาแต่ด้วยมุมมองที่มีให้ภายในหน้าจอ ก็สามารถที่จะเห็นการแสดงผลต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีปัญหา
นอกจากนี้จุดเด่นของหน้าจอที่เราเห็นได้ชัดเจนคือเรื่องของขอบจอ 3 มุมไม่รวมด้านล่าง ที่มีขนาดเล็กเพียงแค่ 5.3 มิลลิเมตร เพิ่มพื้นที่มุมมองที่จะได้รับมากยิ่งขึ้น พื้นที่การใช้งาน 87 เปอร์เซ็นต์พร้อมอัตราส่วนในการแสดงผลแบบ 16:9
ขนาดของหน้าจอ 15.6 นิ้ว รองรับการแสดงผลที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซล ขณะเดียวกันพาเนลหน้าจอใช้งานเป็นแบบ IPS ที่มีการเคลือบการสะท้อนแสงเอาไว้ ทำให้เวลานำไปใช้งานในพื้นที่แจ้งสามารถทำได้สะดวกยิ่งขึ้น
อีกทั้งหน้าจอยังถูกออกแบบมาเพื่อการถนอมสายตาผู้ใช้งานโดยเฉพาะด้วยการลดแสงสีฟ้าที่จะเข้ามาจากหน้าจอพร้อม ๆ กับ Flicker-Free โดยที่ได้รองรับมาตรฐาน TÜV Rheinland ส่งผลให้แม้จะใช้งานเป็นเวลานานก็ไม่เกิดอาการล้าเหมือนกับจอทั่ว ๆ ไป
Keyboard & Touchpad
ในส่วนของคีย์บอร์ดเรื่องของรูปแบบและขนาดของแป้นพิมพ์ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จากรุ่นก่อนนัก ยังคงไว้ซึ่งรูปแบบมาตรฐานที่เราสามารถพบได้ในโน้ตบุ๊คที่เน้นความเบาและง่ายต่อการพกพา
สัมผัสในการพิมพ์ค่อนข้างที่จะทำได้ดีกดลงไปแล้วตอบสนองทันที การวาง Layout ต่าง ๆ ไม่มีอะไรที่จะต้องปรับตัวเพื่อใช้งาน
แน่นอนว่าการใช้งานในตอนกลางคืนสำหรับบางคนที่ไม่ได้เปิดไฟระหว่างใช้งานอาจจะพบปัญหาในการพิมพ์ได้เนื่องจากตัวคีย์บอร์ดไม่ได้มีไฟที่ด้านใต้ของแต่ละปุ่มมาให้นั่นเอง
Touchpad ที่ติดมากับตัวเครื่องค่อนข้างที่จะตอบสนองได้ดี รองรับการทำงานร่วมกับ Gesture ต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว โดยที่ตัว Touchpad ทำออกมาเป็นชิ้นเดียวเรียบไปกับองค์ประกอบรอบข้าง
ขณะที่ด้านขวามือของ Touchpad จะเป็นสติกเกอร์ข้อมูลต่าง ๆ ที่มีการใช้งานภายในเครื่อง ก็จะเห็นได้ว่า Huawei MateBook D15 ใช้งานซีพียูของทาง Intel ที่มาพร้อมกับชิปกราฟิก Intel Iris Xe ภายในเครื่อง อีกทั้งยังรองรับการใช้งานร่วมกับ Huawei Share 3.0 ซึ่งสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาคือการที่เราสามารถเปิดแอปพลิเคชันจากสมาร์ทโฟนได้พร้อมกันถึง 3 แอป ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อแชร์ข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่ายดาย ความพิเศษของ
Huawei Share 3.0 ที่ช่วยให้เราสามารถเปิดแอปพลิเคชันได้พร้อมกันมากถึง 3 แอป ! จะฟังเพลงไปทำงานไปด้วยก็ไร้ปัญหา
ที่มุมขวาบนของคีย์บอร์ดมีปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่เป็นพื้นที่สำหรับการสแกนนิ้วภายในตัว เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน
ขณะเดียวกันความเป็นเอกลักษณ์ของทาง Huawei ที่ยังคงมีอยู่ใน Huawei MateBook D15 คือเรื่องของกล้องที่อยู่ระหว่างปุ่ม F6 และ F7 การใช้งานเพียงแค่กดลงไปกล้องก็จะเด้งขึ้นมาพร้อมใช้งาน ความละเอียด 720p
ยังมีคำสั่งลัดที่ถูกซ่อนเอาไว้ในคีย์บอร์ดอยู่ด้วยคือหากเรากดปุ่ม Fn + P จะทำให้เราสามารถเลือกไปใช้งาน Performance Mode ได้และหากกดอีกครั้งก็จะเป็นการกลับเข้าสู่ Balance Mode นั่นเอง
Ports
พอร์ตต่าง ๆ ที่ให้มากับตัวเครื่องค่อนข้างที่จะครบครันประกอบไปด้วย USB 3.2 Gen1 x 1, USB 2.0 x 2, USB-C x 1, HDMI x 1 และ 3.5 mm headset and microphone 2-in-1 jack x 1 ซึ่งโดยรวมแล้วอาจจะดูขาดบางอย่างไปบ้างเช่นข่องสำหรับใส่ SD Card แต่ก็พอจะเข้าใจได้ว่าคงเป็นเรื่องของการออกแบบที่ต้องการให้ตัวเครื่องออกมาบางที่สุด
Performance & Software
สำหรับตัวของ Huawei MateBook D15 มาพร้อมกับการใช้งานสเปคเป็นซีพียู Intel Core i5-1135G7 ความเร็ว 2.40 GHz จำนวนคอร์การทำงานเป็นแบบ 4 core 8 thread L3 Cache 8MB แรม 16GB แบบ 8GB x 2 3200 MHz ที่เก็บข้อมูลเป็นแบบ NVMe PCIe SSD 512GB ของทาง Samsung
การทดสอบด้วย Cinebench R23 พบว่าในส่วนของการประมลผลแบบ Multi-Core ทำออกมาได้ค่อนข้างที่จะดีได้คะแนนไปทั้งสิ้น 5587 คะแนน เหนือกว่าซีพียูรุ่นพี่อย่าง Intel Core i7-1165G7 ส่วนคะแนน Single-Core ได้ไป 1349 คะแนน
มาดูที่ประสิทธิภาพการทำงานของที่เก็บข้อมูลกันบ้าง โดยจากการทดสอบผ่าน CrystalDiskMark พบว่ามีอัตราความเร็วในการอ่านข้อมูลอยู่ที่ 3408.49 MB/s และความเร็วในการเขียนข้อมูลอยู่ที่ 2983.39 MB/s
ในเรื่องของการเล่นเกมต้องบอกว่าตัวของชิปกราฟิก Intel Iris Xe ที่มีมาให้ค่อนข้างที่จะสามารถนำไปใช้งานเล่นเกมได้ดี แม้ว่าในเกมระดับ AAA จะดูต้องปรับแต่งกันบ้างแต่ก็สามารถที่จะเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนการเล่นเกมออนไลน์ทั่ว ๆ ไปทำได้เป็นอย่างดี
ต้องบอกว่า Huawei MateBook D15 ไม่ได้ถูกแบบมาเพื่อตีตลาดสำหรับการเล่นเกมอยู่แล้ว อีกทั้งการที่ไม่มีการ์ดจอแยกมาให้ทำให้ดูจะเป็นปัญหาในการเล่นเกม อย่างไรก็ตามหลังจากที่ได้ทดสอบแล้วพบว่าตัวของ Intel Iris Xe ทำออกมาได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้ สามารถที่จะเล่นเกมที่ความละเอียด 1080p ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจจะต้องมีการปรับกราฟิกในแต่ละเกมให้เหมาะสมเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังมีโปรแกรม PC Manager มาให้ใช้งาน สำหรับการตรวจสอบสถานะต่าง ๆ ภายในตัวเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่พบเจอ สเปคของเครื่อง รวมไปถึงการอัปเดตไดรเ์วอร์ ที่ทำได้ครบวงจรภายในตัว
และที่ขาดไปไม่ได้คงเป็นเรื่องของระบบ ecosystem ที่ให้มาภายในอุปกรณ์ของทาง Huawei อย่าง Huawei Share ที่จะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อตัวเครื่องเข้ากับอุปกรณ์ของทาง Huawei ได้ง่าย ๆ เพียงแค่แตะนั่นเอง
การใช้งานเราแค่ทำการเปิด NFC เอาไว้แล้วนำสมาร์ทโฟนมาวางที่บริเวณสติกเกอร์ของ Huawei Share ก็จะมีการขึ้นแจ้งเตือนสำหรับการเชื่อมต่อก็เป็นอันเรียบร้อย
โดยที่ภายในเราสามารถที่จะควบคุมการทำงานของสมาร์ทโฟนได้โดยที่ไม่ต้องไปใช้งานผ่านสมาร์ทโฟน หรือจะเป็นการส่งไฟล์ข้อมูลต่าง ๆ พวกรูปที่ทำได้ง่ายและรวดเร็วไม่ต้องพึ่งพาสายใด ๆ หรือเสียเวลาเปิดแอปพลิเคชันเสริม เป็นอะไรที่เหมาะและควรใช้งานอย่างมากสำหรับใครที่มีอุปกรณ์ของทาง Huawei อยู่แล้ว
Battery
ในส่วนของแบตเตอรี่ Huawei MateBook D15 ทำออกมาได้ค่อนข้างดีหากเปิดใช้งานทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้มีการทำงานหนัก ๆ สามารถที่จะอยู่ได้ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามหากต้องการที่จะชาร์จก็สามารถทำได้รวดเร็วเพราะหัวชาร์จที่ให้มารองรับกำลังไฟถึง 65W นั่นเอง
Conclusion
สรุปแล้ว Huawei MateBook D15 เป็นโน้ตบุ๊ครุ่นอัปเดตประจำปี 2021 ที่ทำออกมาได้ค่อนข้างที่จะลงตัว ในแง่ของหน้าตาการใช้งานไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพิ่มเติมคือเรื่องของภายในที่มีการยกเครื่องสเปคให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น สามารถที่จะนำไปใช้งานด้านความบันเทิงอย่างเกมได้ดีขึ้น ด้วยราคา 23,990 บาท ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของผู้ที่หาโน้ตบุ๊คน้ำหนักไม่มากและได้หน้าจอขนาดพอเหมาะกับใช้งาน
ข้อดี
– การออกแบบที่ใช้วัสดุได้เรียบหรู
– สีที่ใช้งานแบบ Space Grey มีการเก็บงานได้เรียบร้อย ไม่มีความต่างของสีที่แปลกปลอม
– น้ำหนักเบาเพียง 1.56 กิโลกรัมแต่ได้หน้าจอใช้งาน 15.6 นิ้ว
– คีย์บอร์ดรูปแบบมาตรฐานไม่ต้องปรับตัว ตอบสนองได้ดี
– ปุ่ม Power ที่ทำหน้าที่เป็นส่วนของการสแกนลายนิ้วมือในตัว
– หน้าจอแบบ IPS ขนาด 15.6 นิ้วที่สะท้อนแสงทำให้ใช้งานได้สะดวกขึ้นในพื้นที่แจ้ง
– สเปคภายในทันสมัยใช้งานเป็น Intel Core Gen 11 ตัวใหม่
– สามารถรองรับการทำงานแบบ Multitasking ได้เป็นอย่างดี
– แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้ง
– พอร์ตการใช้งานครบครัน
– ระบบระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ค่อนข้างเงียบและเย็น
– รองรับ Wi-Fi 6
– มีระบบ ecosystem ภายในตัวที่เอื้อประโยชน์ต่อการใช้งานเช่น Huawei Share
ข้อสังเกต
– ไฟ Backlit ที่ขาดหายไปที่อาจส่งผลต่อการใช้งานในบางสถานการณ์
– ฟีเจอร์บางส่วนที่ถูกจำกัดให้ใช้งานได้แค่เฉพาะกับอุปกรณ์ของทาง Huawei เท่านั้น
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง Huawei แห่งประเทศไทยที่ได้ทำการส่ง Huawei MateBook D15 โน้ตบุ๊คที่มาพร้อมกับความคุ้มค่าสมราคามาให้เราได้ทดสอบ ใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ตามร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วไปและทางช่องทางออนไลน์
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ : คลิก