
HTC เปิดตัวแว่นตาอัจฉริยะ Vive Eagle ซึ่งเป็นคู่แข่งโดยตรงกับแว่นตา Ray-Ban Meta โดยมาพร้อมกับผู้ช่วย AI ที่รองรับทั้ง Google Gemini และ ChatGPT (อยู่ในช่วงทดสอบเบต้า) แว่นตานี้มีน้ำหนักเพียง 49 กรัม ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon AR1 Gen 1 และมีกล้อง 12MP มุมกว้างพิเศษสำหรับถ่ายภาพและวิดีโอความละเอียด 1512×2016 ที่ 30fps ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียง เช่น Hey VIVE, take a photo เพื่อจับภาพได้ทันที
Vive Eagle มีฟีเจอร์เด่น เช่น การแปลภาพเป็นข้อความแบบเรียลไทม์ใน 13 ภาษา รวมถึงอังกฤษ ญี่ปุ่น และไทย ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านป้ายหรือเมนูได้สะดวก นอกจากนี้ยังมีลำโพง Bose ในขาแว่นทั้งสองข้าง พร้อมเทคโนโลยี open-ear audio และ virtual bass enhancement เพื่อประสบการณ์เสียงที่คมชัดโดยไม่รบกวนผู้อื่น แว่นตายังมีไมโครโฟนสี่ตัวสำหรับการโทรและบันทึกเสียง
ในด้านแบตเตอรี่ Vive Eagle มีความจุ 235mAh ซึ่งมากกว่า Ray-Ban Meta ถึง 50% โดย HTC อ้างว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 4.5 ชั่วโมงเมื่อเล่นเพลง และสแตนด์บายได้นานถึง 36 ชั่วโมง รองรับการชาร์จเร็วผ่านพอร์ตแม่เหล็ก โดยชาร์จ 10 นาทีได้แบตเตอรี่ 50% นอกจากนี้ยังมีหน่วยความจำ 64GB และกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP54 ซึ่งดีกว่าแว่นของ Meta
ด้านความเป็นส่วนตัว HTC เน้นย้ำว่า Vive Eagle ใช้สถาปัตยกรรม privacy-first โดยข้อมูลทั้งหมด เช่น วิดีโอและภาพ จะถูกเก็บในอุปกรณ์ด้วยการเข้ารหัส AES 256 บิต และไม่ใช้ในการฝึก AI การออกแบบแว่นมีสไตล์โปร่งแสง สีแดง เทา ดำ และน้ำตาล พร้อมเลนส์ Zeiss ที่ป้องกันรังสียูวี ทำให้ดูทันสมัยและใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ
อย่างไรก็ตาม Vive Eagle มีข้อจำกัดด้านการวางจำหน่าย โดยในขณะนี้เปิดให้สั่งจองล่วงหน้าเฉพาะในไต้หวันเท่านั้น ผ่าน Taiwan Mobile ในราคา 15,600 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 16,800 บาท) ซึ่งสูงกว่า Ray-Ban Meta ที่ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์สหรัฐ HTC ยังไม่ยืนยันว่าจะวางจำหน่ายในสหรัฐฯ หรือยุโรปหรือไม่ ทำให้ผู้ที่สนใจนอกไต้หวันอาจต้องรอนาน
Vive Eagle ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากสื่อเทคโนโลยี โดยถูกยกย่องว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจด้วยสเปกที่เหนือกว่า Ray-Ban Meta ในหลายด้าน เช่น แบตเตอรี่และการเลือกใช้ AI ที่หลากหลาย อย่างไรก็ตาม ราคาที่สูงและการจำกัดพื้นที่วางจำหน่ายอาจเป็นอุปสรรคต่อความนิยมเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีแบรนด์แว่นตาอย่าง Ray-Ban