เทคโนโลยี

Google ยืดเวลาเลื่อนแผนแทนที่ Google Assistant

กำหนดการเปลี่ยนผ่านสู่ Gemini ในปี 2026

Google ออกมายอมรับความท้าทายในการย้ายระบบผู้ช่วยอัจฉริยะ โดยประกาศปรับไทม์ไลน์การเปลี่ยนผ่านจาก Google Assistant ไปสู่ Gemini บนสมาร์ตโฟน Android ออกไปจนถึงปี 2026 จากเดิมที่เคยตั้งเป้าว่าจะทำให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปี 2025 นี้ ทั้งนี้เพื่อรักษาความเสถียรของระบบและมั่นใจว่าผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่ต่อเนื่องโดยไม่สะดุด

สาเหตุที่ต้องเลื่อนออกไปเป็นเพราะการโยกย้ายฐานผู้ใช้จำนวนมหาศาลจาก Assistant ที่อยู่คู่ Android มานานเกือบ 10 ปีไปสู่ AI รุ่นใหม่อย่าง Gemini นั้นมีความซับซ้อนสูงมาก โดยเฉพาะการทำให้ Gemini สามารถทำงานพื้นฐานที่ Assistant เคยทำได้แบบ Feature Parity เช่น การควบคุมบ้านอัจฉริยะ การตั้งค่ากิจวัตร (Routines) หรือการสั่งงานในรถยนต์ผ่าน Android Auto

เมื่อการเปลี่ยนผ่านนี้เสร็จสมบูรณ์ในปี 2026 Google Assistant จะยุติบทบาทลงอย่างเป็นทางการบนโทรศัพท์และแท็บเล็ต Android รวมถึงแอป Google Assistant บน iOS ก็จะถูกถอดออกจาก App Store ด้วยเช่นกัน ซึ่งถือเป็นการสิ้นสุดยุคสมัยของผู้ช่วยที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2016 และก้าวเข้าสู่ยุค AI เต็มตัวที่เน้นการสนทนาที่เป็นธรรมชาติและการทำความเข้าใจบริบทที่ลึกซึ้งขึ้น

google-gemini-replace-assistant-2026

ในช่วงระหว่างนี้ Google จะใช้วิธีเปลี่ยนผ่านแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยปัจจุบันผู้ใช้ส่วนใหญ่ยังสามารถเลือกสลับไปมาระหว่าง Gemini และ Assistant ได้ตามความถนัด รวมถึงในสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่อย่าง Pixel 10 ก็ยังคงเปิดช่องว่างให้ผู้ใช้เลือก Assistant ได้อยู่ เพื่อไม่ให้เป็นการบังคับจนเกินไปในช่วงที่ Gemini ยังอยู่ระหว่างการขัดเกลา

นอกจากบนมือถือแล้ว Gemini ยังเริ่มขยายอาณาจักรไปยังอุปกรณ์อื่นๆ ทั้ง Wear OS, Google TV และ Android Auto โดยมีรายงานว่าบน Android Auto นั้น Google Assistant อาจจะใช้ได้ถึงแค่เดือนมีนาคม 2026 ก่อนจะถูกแทนที่โดย Gemini ซึ่งจะช่วยให้การโต้ตอบด้วยเสียงขณะขับรถดูเป็นธรรมชาติและฉลาดขึ้นกว่าเดิมมาก

สรุปได้ว่าปี 2026 จะเป็นปีที่ Google ปิดฉาก Assistant อย่างสมบูรณ์ เพื่อหลีกทางให้ Gemini กลายเป็นผู้ช่วยเพียงหนึ่งเดียว การเลื่อนกำหนดการในครั้งนี้จึงมองได้ว่าเป็นสัญญาณดีที่ Google ให้ความสำคัญกับคุณภาพการใช้งานมากกว่าการเร่งรีบทำตามกำหนดเวลา เพื่อให้ผู้ใช้อย่างเราไม่ต้องเจอกับปัญหาบั๊กหรือฟีเจอร์ที่หายไปนั่นเอง

ที่มา
9to5google

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button