เทคโนโลยี

เลือกซีพียูที่มีจำนวนกี่ Core ดีสำหรับการเล่นเกมในปี 2020

คำถามที่ยังคงต้องการคำตอบในแต่ละปี ... เลือกให้ดีหากไม่อยากเสียใจภายหลัง

เลือกซีพียูที่มีจำนวนกี่ Core ดีสำหรับการเล่นเกมในปี 2020

เป็นเรื่องที่ง่ายเป็นอย่างมากสำหรับการเลือกการ์ดจอสักรุ่นมาใช้สำหรับการเล่นเกม เราสามารถที่จะเข้าไปตามเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อดูข้อมูลและผลการทดสอบ แต่สำหรับซีพียูมันเป็นอีกเรื่องเลยก็ว่าได้ จริงอยู่ที่ประสิทธิภาพของมันเราสามารถที่จะอ้างอิงจากสเปคที่เขียนกำกับเอาไว้ได้ แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องที่ยากอยู่ดีที่จะบอกว่าประสิทธิภาพของซีพียูที่เราต้องการมันเพียงพอต่อการเล่นเกมหรือไม่เมื่อนำมาจับคู่กับการ์ดจอที่เรามี และหนึ่งในสเปคที่เราไม่ควรจะมองข้ามและเชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะสงสัยว่าต้องเลือกแบบไหน คงหนีไม่พ้นสิ่งที่เรียกว่า Core และในครั้งนี้เราจะมาดูกันว่าจำนวน Core ในซีพียูมีเท่าไหร่ถึงจะเพียงพอสำหรับการเล่นเกมกัน

ก่อนที่เราจะไปดูกันก่อนอื่นเรามาอธิบายให้เข้าใจกันก่อนว่า Core ในซีพียูคืออะไร ในส่วนนี้เพื่อที่จะไม่เป็นการอธิบายในเชิงเทคนิคมากจนเกินไปก็จะขอยกตัวอย่างง่าย ๆ เพื่อให้เห็นภาพกัน สำหรับ Core ในซีพียูคือค่าที่บอกว่าซีพียูของเราสามารถที่จะทำงานหลากหลายอย่างได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งในทางทฤษฎีจริง ๆ แล้วหลักในการทำงานแต่ละครั้งของระบบจะไม่ได้มองว่าเราทำงานหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน แต่จะเป็นการทำงานทีละส่วนไปเรื่อย ๆ แต่การที่มีจำนวน Core ที่สูงทำให้เราสามารถที่จะเสร็จสิ้นกระบวนการต่าง ๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ใช่ว่าซีพียูที่เป็นแบบ Single Core จะไม่ดีเสมอไป … 

เลือกซีพียูที่มีจำนวนกี่ Core ดีสำหรับการเล่นเกมในปี 2020

หากเราย้อนกลับไปในอดีตการที่ซีพียูมีจำนวน Core สูงไม่ได้เป็นการบอกว่าเราจะสามารถเล่นเกมได้ดีกว่า เพราะเกมแต่ละเกมมักจะไม่ได้ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อที่จะใช้งานประโยชน์จากการที่มีจำนวน Core ที่สูงขนาดนั้น อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาตลอด 2 – 3 ปีเราจะเห็นได้ว่าซีพียูมีการเปิดตัวพร้อมกับจำนวน Core ที่สูงมากจนเราแทบจะนึกไม่ออกแล้วว่าจะมีไว้เพื่ออะไร ทำให้บรรดานักพัฒนาเกมจึงได้มีการเขียนเกมออกมาให้รองรับการใช้งาน Core ในซีพียูที่สูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ตอนนี้ดูเหมือนว่าการที่มีจำนวน Core ในซีพียูที่มากกว่าอาจจะหมายถึงการเล่นเกมได้ดียิ่งขึ้นไปด้วย … ก็ไม่แน่ ?

เพราะในความจริงแล้วประสิทธิภาพการทำงานแบบ Single Core ที่สูงกว่ายังคงมีความสำคัญกว่าประสิทธิภาพการทำงานแบบ Multi Core ในส่วนของกาเล่นเกม แน่นอนว่าเราไม่ได้หมายความว่าให้ทุกคนเลือกซื้อซีพียูที่มาพร้อมกับจำนวน Core ที่น้อยกว่าในปี 2020 เพราะถ้าหากเราไปดูกันที่ตลาดแล้วจะพบว่าจำนวน Core ที่มีอยู่ในตอนนี้แทบจะอยู่ที่ 4 – 6 Core เริ่มต้นกันแล้ว แต่ถ้าเกิดจะให้แนะนำซีพียูและจำนวน Core สำหรับการเล่นเกมในตอนนี้ก็ให้เลือกที่ 6 Core เสียจะดีกว่า 

แน่นอนว่าซีพียูที่มาพร้อมกับจำนวน Core 4 Core ยังสามารถที่จะใช้งานเล่นเกมได้ดีอยู่ในปัจจุบัน และสำหรับใครที่มีงบประมาณจำกัดก็ยังสามารถที่จะใช้งานซีพียูแบบนี้ไปได้ต่อไป อย่างไรก็ตามได้มีผลการทดสอบออกมาให้เราได้เห็นกันบ้างแล้วว่าซีพียูที่มาพร้อมกับจำนวน 4 Core ไม่สามารถที่จะดึงประสิทธิภาพของการ์ดจอระดับกลางค่อนไปทางสูงออกมาได้ดีเท่าไหร่นัก ฉะนั้นแล้วควรที่จะเริ่มที่ 6 Core เสียจะดีกว่า

เลือกซีพียูที่มีจำนวนกี่ Core ดีสำหรับการเล่นเกมในปี 2020

เอาล่ะ … สิ่งที่จะต้องเป็นคำถามต่อมาคือเรื่องของ Core แท้ และ Core เทียม อธิบายก่อนว่าในสเปคเราจะเรียกว่าจำนวน Core ว่า Core แท้ ส่วน Thread เรามักจะเรียกกันว่า Core เทียม ซึ่งเจ้า Thread ตัวนี้เป็นสิ่งที่เรามักจะเห็นบรรดาค่ายซีพียูไม่ว่าจะเป็น Intel หรือ AMD มักจะนำไปใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีอย่าง Hyperthreading ที่จะช่วยทำให้การทำงานของ Core บนซีพียูสามารถทำงานได้มากกว่า 1 อย่างในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าในการทำงานการที่มี Core เทียมให้ใช้งานเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก … แต่สำหรับการเล่นเกมมันดีจริงหรือไม่ ?

เราจะเห็นได้ว่าตอนนี้ซีพียูของทาง AMD ในช่วงที่ผ่านมามักจะมีจำนวน Thread ที่มากกว่าของทาง Intel อย่างมาก เรียกได้ว่าเท่าตัวเลยก็ว่าได้ อย่างไรก็ตามสำหรับการเล่นเกมจำนวน Thread ไม่ได้บอกว่าเราจะได้เฟรมเรทที่สูงกว่าหากจำนวนในส่วนนี้มากกว่า เพราะอย่างที่บอกในข้างต้นว่ามันขึ้นอยู่กับผู้พัฒนาเกมว่าได้เขียนเกมออกมาให้รองรับกับการเรียกใช้งาน Thread ในส่วนนี้ด้วยหรือไม่ สุดท้ายเราจึงมักจะไปลงเอยกับการเลือกใช้งานการ์ดจอแทนที่จะเป็นซีพียู

สุดท้ายในเรื่องของอาการคอขวดหรือในภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Bottleneck มันคืออะไร ? ใครที่กำลังศึกษาหรืออยากจะหาคอมสักเครื่องแบบประกอบเองมาใช้งานน่าจะเจอกับคำนี้ให้ได้ยินบ่อย ๆ อธิบายง่าย ๆ แบบให้เห็นภาพก็คือการที่เรามีการ์ดจอสักตัวที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง แต่ดันมีซีพียูที่ด้อยเกินไปกว่าที่จะรีดประสิทธิภาพของการ์ดจอออกมาได้ พูดง่าย ๆ เหมือนเรามีเราท์เตอร์ที่จะปล่อยสัญญาณเน็ตได้เร็วถึง 1Gbps แต่ดันมีมือถือที่รองรับแค่ 200Mbps มันก็เหมือนเราใช้งานความเร็วได้ไม่เต็มที่ ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า คอขวด

เลือกซีพียูที่มีจำนวนกี่ Core ดีสำหรับการเล่นเกมในปี 2020

พี่ครับแล้วถ้าเราสลับกันล่ะ … สมมติว่าเรามีซีพียูที่เทพเอามาก ๆ อย่างเช่น Intel Core i9 บลา ๆ แล้วนำไปจับคู่กับการ์ดจอระดับกลางอย่าง GTX 1650 แบบนี้จะเกิดอาการที่เรียกว่าคอขวดหรือไม่ คำตอบคือไม … เพราะเวลาที่มีการเรียกใช้งานร่วมกันการ์ดจอจะเป็นตัวที่ไปเรียกใช้งานซีพียูในการทำงานร่วมกัน ก็ตามชื่อของซีพียูเลย Central Processing Unit ส่วนกลาง ! ฉะนั้นการที่เรามีซีพียูที่ดีกว่าการ์ดจอไม่ได้หมายความว่ามันเป็นอาการคอขวด แต่เป็นเรื่องของความน่าเสียดายที่ตัวของซีพียูไม่ได้ทำงานเต็มประาสิทธิภาพที่มันควรจะทำได้แทน

แต่มันก็ไม่ได้มีหลักการที่ตายตัวสำหรับบอกว่าซีพียูรุ่นนี้เหมาะกับการใช้งานร่วมกับการ์ดจอรุ่นใด ซึ่งในปัจจุบันเรามักจะใช้การเทียบเคียงและประมาณเอาเสียมากกว่า ซึ่งเรื่องเหล่านี้ก็จะดูจากราคาที่วางขายกันเลยก็ได้ เช่นถ้าเรามีซีพียู AMD Ryzen 3 หรือ Intel Core i3 ก็อาจจะเลือกการ์ดจอเป็นตัวของ RX 570 หรือ GTX 1650 เพราะราคาของซีพียูกับการ์ดจออยู่ในช่วงราคาใกล้ ๆ กัน แน่นอนว่ามันไม่ได้มีหลักการตายตัว สำหรับการจับคู่ฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของเราอีกส่วนเช่นกัน

สรุปส่งท้ายเพื่อไม่ให้เป็นการหลงประเด็นของเรื่องที่เราตั้งใจจะบอกในครั้งนี้ เกี่ยวกับคำถามที่ว่าจำนวน Core เท่าไหร่ถึงจะเหมาะกับการเล่นเกม สำหรับใครที่กำลังจะเปลี่ยนซีพียูใหม่หรือกำลังประกอบคอมใหม่ แนะนำให้มองซีพียูที่มาพร้อมกับจำนวน Core 6 Core เพราะมันสามารถที่จะดึงประสิทธิภาพของการ์ดจอรุ่นต่าง ๆ ออกมาได้เป็นอย่างดีไม่มีอาการคอขวด แต่สำหรับใครที่มีงบจำกัดแน่นอนว่ายังคงสามารถเลือกซีพียูแบบ 4 Core ได้ดังเดิม แต่ก็ต้องจับคู่กับการ์ดจอให้ดีเช่นกัน เพื่อที่จะไม่ได้เสียเงินและเสียดายในภายหลังหาก ไม่สามารถรีดประสิทธิภาพของสิ่งที่นำมาจับคู่กันได้ … ใครที่มีความเห็นหรือข้อสงสัยอยากจะพูดคุยกันก็สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เลย หรือจะแนะนำเป็นแนวทางในการเลือกใช้ของตัวเองก็จะดีอย่างยิ่ง

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button