เปิดตัว iPad Pro รุ่นใหม่ใช้ชิปเซ็ต M1 เริ่มต้น 27,900 บาท
รองรับการเชื่อมต่อกับจอยเกมคอนโซลรุ่นใหม่ทั้ง DualSense และ Xbox Controller

เปิดตัวมาตามข่าวลือที่ออกมาก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้วสำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่จากทาง Apple พร้อม ๆ กับอุปกรณ์ตัวอื่นของพวกเขาอย่าง MacBook Air และ MacBook Pro ซึ่งการเปิดตัวในครั้งนี้ได้มีการยกเครื่องครั้งใหญ่จากภายใน ตัวเครื่องมาพร้อมกับการใช้งานชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่เคยมีอยู่แล้วอย่าง M1 ซึ่งตัวชิปเซ็ตเป็นแบบเดียวกันกับที่มีการใช้งานใน MacBook Air, MacBook Pro และ Mac mini ซึ่งทาง Apple ได้เผยว่าประสิทธิภาพในการทำงานที่ได้จะเป็นแบบก้าวกระโดด

ในแง่ของประสิทธิภาพการทำงานด้านกราฟิกจะดีกว่าเดิมถึง 1500 เท่า นอกจากนี้การเปลี่ยนมาใช้งานชิปเซ็ตรุ่นใหม่ได้ถูกเพิ่มฟีเจอร์อย่าง next-generation 16 core Apple Neural Engine อีกด้วย รวมไปถึงการปรับปรุงเรื่องของ Image Signal Processor เข้าไป รวมไปถึงคำยืนยันว่าแบตเตอรี่ของตัวเครื่องจะสามารถใช้งานได้สูงถึง 10 ชั่วโมง สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 9 ชั่วโมงสำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
iPad Pro รุ่นใหม่มาพร้อมกับการรองรับการใช้งาน Thunderbolt 3 และ USB 4 นอกจากนี้ยังมีตัวของ millimeter-wave 5G ซึ่งทาง Apple ได้เผยว่าจะรองรับการใช้งานคลื่น 5G ครอบคลุมทั่วโลก ความเร็วสูงสุดที่ 4Gbps รองรับการใช้งาน eSIM อย่างไรก็ตามทาง Apple ไม่ได้มีการกล่าวถึงชิปเซ็ต U1 อีกทั้งยังมีการปรับปรุงในเรื่องของกล้องเข้ามาด้วย ทาง Apple ได้นำเสนอตัวของ ISP และ LiDAR Scanner ที่จะช่วยเพิ่มรายละเอียดในสภาพแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น

มีระบบกล้องแบบ TrueDepth มาให้ใช้งานที่กล้องหน้า ช่วยทำให้ผู้ใช้งานสามารถปลดล็อคหน้าจอด้วยใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับกล้องหลังตัวใหม่ความละเอียด 12MP แบบ Ultrawide 120 องศา ตัวเครื่องรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์สริมอย่าง Apple Pencil และ Smart Keyboard Folio รวมไปถึง Magic Keyboard ที่รองรับการใช้งานเช่นเดียวกัน อีกทั้งยังมาพร้อมกับการรองรับการใช้งานร่วมกับจอยของเครื่องคอนโซลไม่ว่าจะเป็น DualSense ของ PS5 หรือ Xbox Controller จากเครื่องใหม่อย่าง Xbox Series X
Apple กล่าวว่าตัวเครื่องจะใช้งานอุปกรณ์ที่สามารถรีไซเคิลได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เป็นอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อโลกอย่างมาก iPad Pro มาพร้อมกับขนาดให้เลือกใช้งานทั้งหมด 2 ขนาดด้วยกันคือ 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้ว มีน้ำหนัก 470 กรัม และ 680 กรัมตามลำดับ สามารถที่จะเลือกสเปคภายในที่ต้องการได้ที่แรมสูงสุด 16GB และ 2TB ในแง่ของที่เก็บข้อมูล ภายในกล้องจะมาพร้อมกับสาย USB-C สำหรับชาร์จความยาว 1 เมตรและ USB-C Adapter รองรับกำลังไฟ 20W

สำหรับรุ่น 12.9 นิ้วมีขนาดหน้าจอแบบใหม่อย่าง mini-LED พร้อม ๆ กับหน้าจอ Liquid Retina XDR รองรับการแสดงผลหน้าจอที่ 2732 x 2048 มอบความสว่างได้ถึง 1000 nits ขณะที่รุ่น 11 นิ้วจะรองรับการแสดงผลที่ 2388 x 1688 ส่วนความสว่างหน้าจออยู่ที่ 600 nits ราคาที่ได้มีการเปิดเผยออกมาสำหรับรุ่น 11 นิ้วเริ่มต้นที่รุ่น Wi-Fi อยู่ที่ 27,900 บาท รุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้นราคา 32,900 บาท ส่วนรุ่น 12.9 นิ้วเริ่มต้นที่รุ่น Wi-Fi ราคา 37,900 บาท ส่วนรุ่น Wi-Fi + Cellular เริ่มต้น 42,900 บาท ทั้งสองรุ่นจะเริ่มเปิดให้สั่งซ์้อล่วงหน้าในวันที่ 30 เมษายนนี้และจะเริ่มขายอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม