คอนโซล / พีซีสกู๊ปพิเศษ

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น

เกมมีให้เลือกเล่นเป็นพัน ๆ เกม แต่เรายังบอก "ไม่มีเกมเล่น" ทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ ในยุคที่มีเกมให้เลือกเล่นมากกว่าพันกว่าหมื่นเกม ทั้งในมือถือ พีซี คอนโซล หรือแม้แต่บนเว็บเบราว์เซอร์ ผู้เล่นหลายคนกลับพูดประโยคเดียวกันว่า “ไม่มีเกมจะเล่น” ประโยคนี้ฟังดูย้อนแย้ง แต่ก็เกิดขึ้นจริงกับใครหลายคน ความรู้สึกเบื่อ รู้สึกว่างเปล่า หรือรู้สึกว่า “เกมเยอะก็จริง แต่ไม่มีเกมที่อยากเล่นเลย” กลายเป็นปัญหาที่แพร่หลายมากขึ้นในหมู่เกมเมอร์ยุคใหม่ บทความนี้จะพาไปสำรวจว่า ทำไมการมีตัวเลือกมากมายกลับกลายเป็นภาระทางจิตใจ และอะไรคือสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้การ “หาเกมเล่น” กลายเป็นเรื่องยากกว่าที่คิดครับ

1. ภาวะ “เลือกไม่ถูก” (Choice Overload)

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


เมื่อเรามีตัวเลือกมากเกินไป สมองจะเข้าสู่ภาวะที่เรียกว่า Choice Overload หรือ “ภาวะเลือกไม่ถูก” ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์รู้สึกลังเล สับสน และไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างชัดเจน เพราะไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีเกมให้เลือกเล่นนับพัน ๆ เกม ทั้งแนวแอ็กชัน ผจญภัย อินดี้ หรือเกมมือถือใช้เวลาสั้น ๆ พอเราเปิดหน้าร้านค้าเกมหรือสไลด์หน้าจอมือถือก็รู้สึก “ล้า” แทนที่จะรู้สึกตื่นเต้นเหมือนเมื่อก่อน สุดท้ายเลยปิดหน้าร้านทิ้งไปโดยไม่ได้กดโหลดหรือซื้ออะไรเลย การมีตัวเลือกมากจึงไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป หากไม่มีเกณฑ์หรือแรงจูงใจชัดเจนในการเลือก เกมที่มีให้เล่นก็จะกลายเป็น “ภาระในการตัดสินใจ” มากกว่าจะเป็นความสนุกอย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง

2. กลัวพลาดสิ่งที่ดีกว่าหากตัดสินใจเลือกไปแล้ว

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราเลือกเกมเล่นไม่ได้สักที ก็คือความรู้สึก “กลัวพลาดของดี” หรือที่เรียกว่า Fear of Missing Out (FOMO) เรากลัวว่าเกมที่เราเลือกตอนนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด กลัวว่าระหว่างเล่นจะมีเกมอื่นที่สนุกกว่า เข้ากับเรามากกว่า หรือซื้อมาแล้วจะไม่คุ้มเงินที่เสียไป พอคิดแบบนี้ ความสุขในการเล่นเกมที่อยู่ตรงหน้าก็ลดลงทันที เพราะสมองมัวแต่คิดถึงสิ่งที่ยังไม่ได้ลอง สุดท้ายก็กลายเป็นเล่นแบบขอไปที หรือไม่ก็เปลี่ยนเกมไปเรื่อย ๆ โดยไม่จบสักเกม ความรู้สึกแบบนี้จะยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเราเห็นเพื่อนในโซเชียลแชร์เกมใหม่ที่กำลังเล่นอยู่ หรือมีคลิปแนะนำเกมมาแรงโผล่ขึ้นเต็มหน้า YouTube ครับ

3. ความผูกพันที่มีต่อเกมลดน้อยลง

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


ในอดีต การได้เกมใหม่มาสักเกมหนึ่งเป็นเรื่องใหญ่ เรามักใช้เวลากับมันนานหลายเดือน ศึกษาเนื้อเรื่อง ฝึกฝนระบบการเล่น จนรู้สึกผูกพันเหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่ง แต่ในยุคที่เกมมีให้เลือกมากมาย และเข้าถึงได้ง่ายแค่ปลายนิ้ว ความรู้สึกผูกพันแบบนั้นกลับลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เกมกลายเป็นเหมือน “ของตาย” ที่ถ้าเล่นไม่สนุกใน 10 นาทีแรก ก็สามารถกดลบแล้วเปลี่ยนไปหาเกมใหม่ได้ทันที ผู้เล่นหลายคนไม่ให้เวลากับเกมมากพอที่จะเข้าใจหรือหลงรักมันจริง ๆ เพราะรู้สึกว่า “ยังมีอีกหลายเกมที่อาจสนุกกว่า” รออยู่ข้างหน้า ผลลัพธ์คือเราเล่นเกมแบบผิวเผิน จับนู่นนิด จับนี่หน่อย แต่ไม่อินกับอะไรเลย สุดท้ายจึงรู้สึกว่า “ไม่มีเกมไหนสนุกอีกแล้ว” ทั้งที่ความจริงอาจเป็นเพราะเราไม่ได้เปิดใจให้มันเลยต่างหาก

4. การตลาด, รีวิว, คลิปแนะนำ มีอิทธิพลเกินพอดี

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


ในยุคที่สื่อออนไลน์มีบทบาทอย่างมาก การตลาด รีวิว และคลิปแนะนำเกมจากยูทูบเบอร์หรือสตรีมเมอร์กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดว่า “เราควรเล่นเกมไหน” มากกว่าความชอบส่วนตัวของเราเอง บางครั้งเกมที่เราเล่นอยู่ก็อาจจะสนุกดีอยู่แล้ว แต่พอเห็นคลิปรีวิวเกมใหม่ที่ภาพสวย เนื้อเรื่องดี หรือเกมที่เพิ่งเป็นกระแสแรงขึ้นมา ก็เริ่มรู้สึกว่าเกมในมือเราไม่เท่หรือตกยุคไปในทันที หรือบางเกมยังไม่ทันซื้อมาเล่นด้วยซ้ำแต่อ่านรีวิวจนไม่กล้าเล่น ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสเกมจริง ๆ ด้วยซ้ำ แรงกระตุ้นจากภายนอกที่มากเกินไปทำให้เรากลายเป็นคนเล่นเกมที่ไม่มีจุดยืน เปลี่ยนไปตามกระแสโดยไม่รู้ตัว สุดท้ายก็พาตัวเองกลับไปสู่วงจรเดิมคือ “เปิดร้านค้าเกม–ดูรีวิว–แต่ไม่รู้จะเล่นอะไรอยู่ดี”

5. รู้สึกเหนื่อยกับการเริ่มใหม่

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


เกมใหม่แต่ละเกมมักมาพร้อมกับระบบที่เรายังไม่คุ้นเคย ต้องเรียนรู้ตั้งแต่ศูนย์ ไม่ว่าจะเป็นระบบต่อสู้ เมนู อินเตอร์เฟซ หรือแม้แต่การอ่าน Tutorial ซึ่งบางครั้งกินเวลาหลายสิบนาที ผู้เล่นหลายคนจึงรู้สึก “เหนื่อย” ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มสนุก ความรู้สึกนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อเราเพิ่งเลิกจากเกมเดิมที่ใช้เวลาไปนานหลายชั่วโมง หรือเพิ่งผิดหวังกับเกมก่อนหน้า ทำให้ไม่อยากลงทุนพลังงานทางใจซ้ำอีก การเริ่มใหม่จึงกลายเป็นเรื่องที่ฝืนใจ แม้จะมีเกมใหม่ ๆ ให้เลือกเล่นมากมาย แต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายเมื่อต้อง “ทำความรู้จักกับอะไรใหม่อีกแล้ว” ก็กลายเป็นกำแพงสำคัญที่ทำให้เราไม่อยากเริ่มต้นกับเกมไหนเลย และสุดท้ายก็กลับไปวนลูปไม่มีเกมจะเล่นอยู่ดีครับ

6. แนวเกมเริ่มคล้ายกัน ทำให้รู้สึกไม่ตื่นเต้น

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


แม้จะมีเกมใหม่ออกมาแทบทุกวัน แต่หลายเกมกลับให้ความรู้สึกซ้ำซาก เพราะใช้สูตรสำเร็จแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นเกมแนว Open World ที่ต้องฟาร์มของ ทำเควสต์ ตีบอส หรือเกม RPG มือถือที่วนเวียนอยู่กับระบบ Gacha อัปเลเวล เปิดของซ้ำ ๆ รูปแบบการเล่นที่คล้ายกันเหล่านี้ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกว่า “เปลี่ยนแค่ชื่อเกม แต่ไม่ได้เปลี่ยนประสบการณ์จริง ๆ” ความตื่นเต้นและความแปลกใหม่จึงหายไป เพราะเรารู้ว่าเกมนี้จะพาไปเจออะไรบ้างโดยไม่ต้องลองเล่นด้วยซ้ำ ผลก็คือ เราเริ่มหมดแรงจูงใจที่จะลองของใหม่ เพราะรู้สึกว่าเล่นไปก็เหมือนเดิม ไม่ว้าว ไม่เซอร์ไพรส์ ไม่รู้สึกว่า “นี่แหละคือสิ่งที่ตามหา” ทั้งที่จริง ๆ แล้วเราอาจจะยังรักการเล่นเกมอยู่เหมือนเดิม แค่รู้สึกว่าทุกเกมเริ่มเป็นพิมพ์เดียวกันมากเกินไปเท่านั้นเอง

7. สมาธิสั้นลงและการเสพติดความเร็วมากขึ้น

ทำไมการมีเกมให้เลือกเยอะถึงทำให้หาเกมเล่นยากขึ้น


ในยุคที่ทุกอย่างรวดเร็วและเข้าถึงง่าย ผู้คนเริ่มเคยชินกับการเสพสื่อที่ใช้เวลาสั้น ๆ เช่น คลิป TikTok หรือ Shorts ที่ยาวไม่ถึงนาที ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้เล่นเกมเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว เรากลายเป็นคนที่ต้องการ “ความสนุกทันที” และ “ผลลัพธ์ไว” พอเจอเกมที่มีการเล่าเรื่องช้า หรือระบบซับซ้อนต้องใช้เวลาทำความเข้าใจ ก็มักจะรู้สึกเบื่อและเลิกเล่นก่อนที่เกมจะเริ่มเข้มข้นจริง ๆ ผู้เล่นบางคนถึงขั้นรู้สึกผิดหวังถ้าเกมไม่สนุกภายใน 5 นาทีแรก ทั้งที่ในอดีต เกมหลายเกมใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะพีค ปัญหานี้ยิ่งหนักขึ้นเมื่อเราเปรียบเทียบกับเกมอื่นที่ให้รางวัลไวกว่า ทำให้เรากลายเป็นคนที่มีสมาธิสั้นกับเกมมากขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นเองที่ทำให้เรา “เล่นอะไรก็ไม่สนุก” เพราะเราไม่ได้ให้เวลาเกมได้พิสูจน์ตัวเองเลยครับ

แม้ว่าเกมในยุคนี้จะมีให้เลือกมากมายกว่าในอดีต แต่สิ่งที่ตามมาคือความรู้สึกเบื่อ ลังเล และไร้แรงจูงใจที่จะเริ่มต้นกับเกมใดเกมหนึ่งอย่างจริงจัง การมีตัวเลือกมากไม่ใช่เรื่องผิด แต่อาจต้องกลับมาทบทวนว่าเรา “เล่นเกมเพื่ออะไร” ถ้าเรารู้จักตัวเองมากพอ เลือกเกมจากหัวใจไม่ใช่แค่ตามกระแส บางทีเราอาจไม่ต้องการเกมใหม่เลย แค่ต้องการ “ความผูกพันเดิม ๆ” ที่เคยรู้สึกกับเกมดี ๆ สักเกมก็พอครับ

ที่มา
gamixlabs

Jou Thunder

Content Creator สายเกมที่อยากทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ โปรดติดตามช่อง youtube.com/@JouThunder
Back to top button