
การมาถึงของอินเทอร์เน็ตเปิดโอกาสให้เราสามารถทำสิ่งมหัศจรรย์ได้หลายอย่าง และวิดีโอเกมก็เป็นอีกสื่อบันเทิงที่ในปัจจุบันก็ได้รับอิทธิพลจากความนิยมของอินเตอร์เน็ตอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้เราสามารถเข้าไปเล่นเกมร่วมกับคนแปลกหน้าอีกนับร้อยนับพัน หรือการก่อตัวของคอมมูนิตี้ผู้เล่นที่มีความชื่นชอบในเกมเดียวกัน
แต่ถึงกระนั้น เหรียญมักมีอสองด้านเสมอ มีด้านดี ก็ต้องมีด้านมืดอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเกมมีการนำระบบออนไลน์มาใช้ให้ผู้คนสามารถเล่นเกมด้วยกันได้ มันจะมีผู้เล่นอยู่ประเภทหนึ่งที่เห็นความปวดร้าวของคนอื่นเป็นเรื่องสนุก หรือบางจำพวกที่ต้องทำตามใจพวกเขา ไม่เช่นนั้นจะเกิดอาการงอแงใส่คนอื่นจนเล่นเกมไม่สนุกไปเลย
โดยในวันนี้ผมได้ทำการรวบรวม 10 คอมมูนิตี้เกมสุด Toxic มาให้เพื่อนๆ ได้เห็นถึงปัญหาของคอมมูนิตี้ในเกมที่บางครั้งมันก็ทำให้เกมดีๆ กลายเป็นเกมที่มีความน่าเล่นลดน้อยลงไป
*หมายเหตุ – บทความนี้ไม่ใช่การจัดอันดับ และจัดทำขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
1. League of Legends

มาเริ่มกันที่เกม MOBA ยอดนิยมอย่าง League of Legends หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อของ LoL ที่ ณ ในตอนนี้ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งเกมออนไลน์ที่มียอดผู้เล่นสูงติดอันดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย แต่อย่างไร ตามด้วยธรรมชาติของเกมดังที่มียอดผู้เล่นสูงๆ แถมเป็นเกมเล่นฟรีและเป็นเกมที่เน้นการ PVP พฤติกรรมการ Toxic จึงกลายเป็นสิ่งที่ตามอย่างขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นสายปากไม่ดี คอยต่อว่าเพื่อนร่วมทีม, ผู้เล่นสายโยนเกมที่เมื่อมีอะไรไม่พอใจก็จะโยนทันที, ผู้เล่นสาย Elitism ที่ไม่ต้อนรับผู้เล่นหน้าใหม่ๆ หรือแม้กระทั่งสายเหยียดเชื้อชาติก็มีให้เราเห็น (คล้ายๆ กับ Dota 2)
สำหรับเกมเมอร์ท่านไหนที่เป็นผู้เล่นขาประจำคงจะทราบถึงปัญหาเหล่านี้เป็นอย่างดี (และอาจจะทำให้บางคนเลิกเล่นไป) แต่ถึงแม้ปัญหาเหล่านี้ก็ได้รับการแก้ไขอยู่ตลอด การจะกำจัดผู้เล่น Toxic ออกไปจนหมดก็เป็นเรื่องยากมากๆ จนแทบเป็นไปไม่ได้เลย
2. Counter-Strike: Global Offensive

มาต่อกับอีกหนึ่งเกมยิงยอดนิยมที่มียอดผู้เล่นไม่แพ้กันอย่าง Counter-Strike: Global Offensive ที่ในตอนนี้ได้มีการเปิดให้เราเล่นแบบฟรีๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สังเกตความคล้ายๆ กันระหว่างเกมนี้กับ LoL ได้ใช่ไหมครับ ก็คือตัวเกมมันเล่นได้ฟรีผลที่ตามมาก็คือผู้เล่นใหม่ๆ ก็จะมีจำนวนมากขึ้น และที่สำคัญ Hacker ก็เยอะขึ้นด้วยอีกต่างหาก เนื่องจากตัวเกมมันปล่อยให้เล่นฟรี ถ้า Hacker คนไหนโดนแบน ก็แค่สมัคร ID ใหม่ก็กลับเข้ามาป่วนเกมได้ต่อรวมไปถึงปัญหาการ Smurfing หรือการที่ผู้เล่นเก่าสมัคร ID ใหม่เพื่อลงมาเล่นกับผู้เล่นระดับรองลงมา
นอกจากปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น คอมมูนิตี้ของตัวเกมก็ยังไม่เป็นมิตรกัผู้เล่นใหม่สักเท่าไหร่ หากเกิดเล่นพลาดหรือทำอะไรที่ผิดขึ้นมาอาจจะเป็นที่ก่นด่าของคนในทีมได้โดยไม่ตั้งใจ ทำให้การเล่นเกมอาจจะไม่สนุกเท่าที่ควรหากคุณไม่ได้เล่นพร้อมกับเพื่อนๆ
3. Dota 2

ตามมาติดๆ กับเกม Dota 2 เกมจากทาง Valve อีกเช่นกัน แถมตัวเกมก็ยังเปิดให้เล่นฟรี ไม่ต่างจาก 3 เกมแรกที่กล่าวไว้ข้างต้น ซึ่งผมมั่นใจว่าเกมนี้จะต้องติดอันดับเกมสุด Toxic ในใจใครหลายคนอย่างแน่นอน ถ้าใคร Dota 2 เป็นประจำแล้วล่ะก็ คงจะรู้รู้สภาพของผู้เล่นในเซิร์ฟ SEA เป็นอย่างดี เพราะเซิร์ฟดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งเซิร์ฟที่เมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ตั้งแต่ กลุ่มผู้เล่นเพื่อนบ้านเรา (รวมถึงบ้านเราด้วย) ที่คุณจะต้องเจออย่างแน่นอน หากกดเล่นไม่ครบ 5 คน และผู้เล่นเหล่านี้ก็จะมาในหลายรูปแบบ ตั้งแต่ผู้เล่นสายด่าพร้อมกับวลีเด็ด Tang Ina Mo หรือ Bobo ที่เรามักจะเห็นกันจนเบื่อ, ผู้เล่นสายโยนที่เราอาจจะเห็นบ้างเป็นครั้งคราว หรือจะเป็นผู้เล่นสายเลนกลางที่มักมาพร้อมประโยคเด็ด “ Me mid 2 Tango Ty “ หากเราขัดใจผู้ประเภทนี้แล้วเนี่ย พวกเขาอาจจะงอนและเดินแจกฝั่งตรงข้ามจนเกิดเลยก็ว่าได้ ความจริงมันยังมีผู้เล่นชวนปวดหัวอีกหลายประเภทมากกว่าที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นเสียอีกนะครับ
4. Overwatch

อีกหนึ่งเกมจากค่ายพ่อมดน้ำแข็ง Blizzard Entertainment ที่เคยโด่งดังสุดๆ ในปี 2016 อย่าง Overwatch เกมยิงสไตล์ FPS ที่ผสมกับความเป็น MOBA จนทำให้ Overwatch กลายเป็นเหมือนผู้นำเทรนด์เกมแนวใหม่อย่าง Hero Shooter ณ เวลานั้นเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ในตอนนี้ ยอดผู้เล่นจะลดลงอย่างมากในปี 2019 แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่น้อยลงไปเลยก็คือความ Toxic ของกลุ่มผู้เล่นที่ยังคอยตามหลอกหลอนเกมนี้อยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่ผู้เล่นสายด่าที่เอะอะก็หาเรื่องชวนตีกับเพื่อนร่วมทีมอย่างไม่มีสาเหตุ ไปจนถึงผู้เล่นสาย Elitism ที่ก็มีให้เราเห็นในเกมนี้ไม่ต่างจาก CSGO ทำให้บรรยากาศในการเล่นบางเกมดูจะตึงเครียดมากกว่าสนุก และด้วยความ Toxic ของกลุ่มผู้เล่นนี้เองก็อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Overwatch ยอดผู้เล่นก็ลดลงเรื่อยๆ อย่างน่าเสียดาย
5. World of Tanks

มาต่อกันที่ World of Tanks เกมยิงรถถังออนไลน์สุดมันส์จาก Wargaming ที่มาพร้อมกับระบบการเล่นสุดสมจริงและมีความล้ำลึกในตัวเกมที่ถือว่าสูงใช้ได้ แต่ตัวเกมก็เป็น Free-to-Play เพราะฉะนั้นโมเดลธุรกิจก็ไม่พ้นการ “เติมเงิน” เพื่อให้ตัวเองเก่งเร็วขึ้น
แต่นอกจากโมเดลการเติมเงินที่ชวนให้เราเสียเงินแล้วเนี่ย คอมมูนิตี้ในตัวเกมยังไม่ค่อยเป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าใหม่เอามากๆ เพราะด้วยธรรมชาติของตัวเกมที่เน้นความเป็นทีมเวิร์คสูง หากพลาดอะไรตรงไหนระหว่างเล่น ผู้เล่นคนอื่นๆ ก็พร้อมที่จะร่วมใจกันต่อว่าข้อบกพร่องของผู้เล่นคนอื่นๆ อย่างพร้อมเพรียง และจากคำร่ำลือ ทั้งทางเว็บไซต์ต่างๆ รวมไปถึงเว็บบอร์ดของเกม World Of Tank เอง ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคอมมูนิตี้ของเกมมันช่าง Toxic เกินจนจะรับไหวซะจริงๆ
6. Payday 2

เกมแนวปล้นธนาคารสุดเดือดที่ความมันส์ไม่แพ้โหมด Heist ในเกม GTA V เลยแม้แต่น้อยกับเกม Payday 2 ซึ่งสาเหตุที่เกมนี้มีความ Toxic สูงมาก นั่นเป็นเพราะส่วนใหญ่จะมาจากเป็นผู้เล่นเก่าๆ ที่มีประสบการณ์ในการเล่นมาเป็นเวลานาน บอกได้เลยว่าถ้าคุณเป็นผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งได้เข้ามาลองเล่นไม่นาน ไม่มีความรู้ในการเล่นเกม Payday 2 มาก่อนเลย และตัดสินใจกดเข้าเกมแบบรวมปาร์ตี้กับคนแปลกหน้า หรือเผลอทำอะไรทำให้คนเหล่านี้ไม่พอใจ ตั้งแต่ ไม่เล่นตามแบบแผนที่พวกเขาวางไว้, ไม่มีไอเทมที่พวกเขาต้องการ หรือในตานั้นเราเล่นได้ไม่ดีพอ อาจจะทำให้ผู้เล่นจำพวกนี้เตะคุณออกจากห้องอย่างไม่ลังเลเลยก็ได้
หากคุณอยากเล่น Payday 2 แบบเป็นทีมจริงๆ ผมแนะนำว่าให้ไปหาเพื่อนร่วมปาร์ตี้ที่เป็นเพื่อนของเราเองน่าจะดีที่สุดครับ
7. World Of Warcraft

ในฐานะเกม MMO ที่โด่งดังที่สุดตลอดกาล ไม่แปลกเลยที่จะมีผู้เล่นหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมหาศาลอยู่ตลอดเวลา แต่ก็อย่างว่าครับ ยิ่งผู้เล่นเยอะเท่าไร คนที่มีพฤติกรรมเป็นพิษหรือ Toxic ก็เยอะตามด้วยเช่นกัน ทำให้ถึงแม้จะไม่ใช่เกมเล่นฟรีแบบบางเกม แต่ก็ถือได้ว่า World Of Warcraft เป็นจุดศูนย์รวมผู้เล่นพฤติกรรมยอดแย่อีกหนึ่งเกมเลยก็ว่าได้
และไม่ว่าเราจะเล่นโหมดไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น PVP ที่ผู้เล่นเก๋าประสบการณ์มักจะย่ำยีผู้เล่นใหม่อย่างไม่ปรานี ไปจนถึงโหมด Raid หรือการลงดันที่ผู้เล่นบางกลุ่มมักจะรีบเล่นฝ่าดันเจี้ยนไปจนถึงช่วงท้ายเพื่อที่บอมช่องแชทด้วยข้อความดูถูกต่างๆ แก่ผู้เล่นที่ตามมาช้ากว่าพวกเขา ซึ่งปัญหาเหล่านี้ชวนให้ทั้งผู้เล่นหน้าใหม่และเก่ารู้สึกเบื่อกันไปตามๆ กัน
8. Undertale

อาจจะแปลกไปสักหน่อย เพราะ Undertale เป็นเกมแบบเล่นคนเดียวที่เราไม่มีโอกาสไปปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นคนอื่นๆ เลยแม้แต่น้อย ซึ่งต้นกำเนิดความ Toxic ของเกมนี้มันเริ่มมาจากการที่ผู้เล่นสามารถเล่นจบเกมได้โดยไม่ต้องฆ่าศัตรูเลยแม้แต่ตัวเดียว (ตั้งแต่ลูกกะจ๊อกไปจนถึงตัวบอส)
แต่ในทางกลับกัน ตัวเกมก็ยังมีอีกหนึ่งทางเลือกสุดโหดที่สามารถให้ตัวละครของเราฆ่าทุกคนภายในเกมได้ และถ้าใครเล่นจบแบบนี้จะทำให้เซฟเกมของคุณแปดเปื้อน (ลบเซฟเพื่อเล่นแก้ใหม่ไม่ได้แล้ว) อีกทั้ง ธีมเกม Undertale จะถูกเปลี่ยนให้มีความมืดหม่นยิ่งขึ้น ทำให้ผู้เล่นใหม่บางคนที่คิดว่าเกมนี้เป็นเกมแนว RPG ธรรมดาอาจจะเผลอฆ่าตัวละครทุกตัวลงไปอย่างไม่ตั้งใจ จนถูกเพ่งเล็งและถูกมองในแง่ลบจากกลุ่มแฟนเกมนี้เลยก็ได้
นอกจากนี้ แฟนเกมนี้ก็ยังได้กระจายออกไปตามกลุ่มต่างๆ เพื่อโฆษณาว่าเกม Undertale นั้นยอดเยี่ยมแค่ไหน แต่ในทางกลับกันหากใครไม่ชอบ Undertale กลุ่มแฟนๆ เดนตายบวกนี้ก็พร้อมที่รุมส่งข้อความไปต่อว่าแบบไร้เหตุผลได้เลย
9. Grand Theft Auto Online

หลังจาก GTA V เปิดตัวโหมดออนไลน์ได้ไม่นาน สิ่งที่ผู้เล่นหลายคนจะต้องเจอ (หรือเจอบ่อยมาก) ก็คือผู้เล่นสาย Troll หรือที่เราเรียกในภาษาบ้านๆ ว่าผู้เล่นสายเกรียนนั่นเอง ซึ่งคนเหล่านี้จะคอยป่วนผู้เล่นทุกคนในเซิร์ฟอย่างไม่มีเหตุผล นอกจากความบันเทิงส่วนตัวของตัวเอง
นอกจากนี้ยังมี ผู้เล่นสาย Griefer ที่เป็นเหมือนขั้นกว่าของผู้เล่นสาย Troll อีกต่างหาก พวกเขาจะทำให้การเล่นเกมของคนร่วมเซิร์ฟแทบจะหาความสนุกลงไปเลย อีกทั้งทางผู้พัฒนาอย่าง Rockstar ก็ไม่สามารถออกมาตรการป้องกันอย่างเด็ดขาดกับคนเหล่านี้ได้ เนื่องจากระบบของเกมที่ส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งห้องเล่นเอง ทำให้การตั้งกฎ หรือการลงโทษผู้เล่นนิสัยเสียเหล่านี้ทำได้ยาก เป็นผลให้ผู้เล่นพวกนี้ยังคงเดินป้วนเปี้ยนให้เราเห็นอยู่เรื่อยๆ ไม่หายไปไหน
10. ซีรีส์ Call Of Duty

ถ้าพูดถึงเกมยิงที่เต็มไปด้วยความ Toxic นอกเหนือจาก CSGO แล้ว ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านคงจะนึกถึง Call Of Duty อย่างแน่นอน แต่น้อยคนนักที่จะได้สัมผัสกับความ Toxic แบบเต็มตัว เพราะเกมตระกูลนี้เป็นที่นิยมในหมู่คนเล่น Xbox ทางฝั่งอเมริกาเสียมากกว่า ซึ่งพฤติกรรม Toxic จะมาจากฐานผู้เล่นที่ส่วนใหญ่เป็นเด็กอีกต่างหาก เพราะด้วยความเข้าถึงง่าย บวกกับตัว COD เองเป็นเกมแนวยิงที่น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของเด็กๆ ทั่วไปอีก และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ผมรู้สึกหวั่นๆ กับสภาพคอมมูนิตี้ในเกม Call Of Duty ที่กำลังจะออกวางจำหน่ายในเร็วๆ นี้ว่ามันไปในทิศทางไหน
*แถม – Arena Of Valour (ROV)
ไหนๆ ก็พูดถึงเกมที่มีความ Toxic สูงแล้ว คงจะไม่พูดถึงเกมยอดนิยมของชาวไทยอย่าง ROV ไปไม่ได้ ผมเชื่อว่ามีเกมเมอร์หลายท่านที่ต้องเจอกับความ Toxic จากช่องแชทในเกมอย่างแน่นอน อาจจะเจอตั้งแต่ข้อความท้า 1:1 ไปจนถึงคำด่าที่เราเห็นได้ทั่วไป (….เล่นกากจัง) จนทำให้ผู้เล่นบางคนรู้สึกรำคาญจนเลิกเล่นไปก็มี
เป็นยังไงกันบ้างครับ มีเกมไหนที่คุณเคยสัมผัสกับความ Toxic มากับตัวเองบ้างรึเปล่า ส่วนตัวผมยอมรับเลยว่านอกเหนือจาก 10 ข้างต้นยังมีเกมมากมายหลายเกมที่เต็มไปด้วยความ Toxic ขอแค่เกมๆ นั้นเล่นแบบออนไลน์ได้ เรามักจะพบคนเหล่านี้อยู่ทุกที่ แต่ผมเชื่อว่ทุกคนก็ต้องเคยรู้สึกหัวเสียกับความ Toxic ในเกมอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่วิธีรับมือที่ดีที่สุดคงไม่พ้นการปล่อยวางพร้อมกับการกด Report คนที่มีพฤติกรรมเป็นพิษเหล่านี้นี้ให้ได้รับบทลงโทษ และที่สำคัญเราก็อย่ากลายเป็นผู้เล่น Toxic ไปเสียเองล่ะครับ