5 จุดเด่นภายในเกม The Diofield Chronicle
เล่นจอเล็กได้ , เกมเพลย์สุดล้ำลึก , ระบบสกิลที่น่าสนใจ และภารกิจที่หลากหลาย

The Diofield Chronicle เป็นกม RPG วางแผนการรบเชิงลึกแบบเรียลไทม์จาก Square Enix ที่เพิ่งเปิดให้ทดลองเล่น Demo ไปเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสทดลองเล่นเกมนี้บอกได้เลยว่าเกมนี้เป็นเกมที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากด้วยองค์ประกอบที่โดดเด่นมากมายไม่ว่าจะเป็นเกมเพลย์ตัวชูโรงอย่าง Real-Time Tactical Battle ที่ทำออกมาได้ท้าทายเป็นอย่างมาก รวมไปถึงองค์ประกอบอื่น ๆ รวมไปถึงประสิทธิภาพของเกมที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ และผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะพาผู้อ่านมาพบกับ 5 จุดเด่นภายในเกม The Diofield Chronicle ที่ผู้เล่นไม่ควรพลาด!
เล่นจอพกพาได้ สะดวกไร้กังวล

The Diofield Chronicle เป็นเกมที่ลงให้ครบทั้งพีซี และคอนโซล (PlayStation , Xbox และ Switch) ทำให้ผู้เล่นสามารถเข้าถึงเกมนี้ได้ทุกคน อย่างไรก็ตามผู้เขียนแอบมีความกังวลเล็กน้อยว่าเครื่องเล่นเกมคอนโซลพกพาอย่าง Nintendo Switch นั้นจะสามารถเล่นเกมนี้ได้ลื่นไหลมากขนาดไหน จะมีอาการกระตุก หรือกราฟิกถูกดาวน์เกรดให้ต่ำกว่าบนแพลตฟอร์มอื่น ๆ มากเพียงใด หรือแม้กระทั่งหน้าจอที่เล็กนี้จะส่งผลต่อการเล่นเกมหรือไม่ ซึ่งคำตอบของผู้เขียนก็คือ “การเล่นเกม The Diofield Chronicle บน Switch แบบพกพานั้นให้ประสบการณ์ การเล่นเกมที่น่าประทับใจแบบสุด ๆ”

เนื่องด้วยเกมนี้เป็นเกม Real-Time Tactical Battle ที่ถูกนำเสนอออกมาด้วยฉากแบบไดโอราม่าซึ่งให้ความแปลกตา และสวยงามไม่เหมือนกับเกมอื่น ๆ ที่มีในตลาด ทำให้ผู้เล่นจะต้องคอยควบคุมตัวละครจำนวนมากในฉากเพื่อต่อสู้กับศัตรูที่พร้อมจะสังหารเราตลอดเวลา หากเราไม่สังเกตพื้นที่ให้ดี ก็อาจจะทำให้เราพ่ายแพ้ในการต่อสู้ได้ แต่เกม The Diofield Chronicle บน Switch ก็ถูกทำออกมาได้ดีมาก ๆ ด้วยฉากที่มีความละเอียดในปริมาณที่เหมาะสม การออกแบบหน้าจอ UI ที่สบายตา ทำให้การมองหน้าจอภายในเกมนี้ (โดยเฉพาะในฉากต่อสู้) บนหน้าจอพกพาอย่าง Switch สามารถทำได้สบาย ๆ

นอกจากนี้ในแง่ของกราฟิก และความลื่นไหลของการเล่นเกม The Diofield Chronicle บน Switch ก็ทำออกมาได้ดีในระดับที่น่าประทับเป็นอย่างมาก แม้ว่ากราฟิกอาจจะดูไม่คมชัดเท่ากับการเล่นบนคอนโซลเครื่องอื่น ๆ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะขี้เหร่จนเล่นไม่ได้เลย แต่ในทางกลับกัน ผู้เขียนกลับรู้สึกประทับใจว่าเกมดังกล่าวทำกราฟิกออกมาได้เหมาะสมกับการเล่นแบบพกพา และในมุมมองของผู้เขียนก็มองว่าคุณภาพกราฟิกของเกมนี้บน Switch รวมไปถึงความลื่นไหลในการเล่นเกมบนจอพกพาก็ไม่ต่างไปจากคอนโซลเครื่องอื่น ๆ เลยเช่นกัน
เกมเพลย์ Real-Time Tactical Battle ที่ล้ำลึก

นอกเหนือจากกราฟิกแล้ว เกมเพลย์ Real-Time Tactical Battle ที่เรียกได้ว่าเป็นหัวใจหลักของเกมนี้ก็ทำออกมาได้ดีแบบสุด ๆ จนเรียกได้ว่าเป็นเกมที่ต้องใช้ความสามารถในการเล่นอยู่พอสมควร โดยการเล่นเกมในระดับง่ายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย และยิ่งเป็นระดับที่สูงขึ้น AI ก็จะยิ่งฉลาดขึ้น และโหดขึ้นตามไปด้วย ทำให้การเล่นเกม The Diofield Chronicle ท้าทายแฟนเกมสายวางแผนอย่างแน่นอน

ตัวอย่างระบบที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจอยู่พอสมควรก็คือ ผู้เล่นสามารถจัดทีมในการต่อสู้ได้ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน อย่างไรก็ตามผู้เล่นสามารถจัดทีมได้อีก 4 ตัวละคร แต่อีก 4 ตัวละครหลังนั้นจะไม่ได้เข้าร่วมในการต่อสู้แบบ 100% แต่จะเป็นการถูกสลับออกมาใช้สกิล และเข้าร่วมต่อสู้ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ทำให้ผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องเลือกตัวละครที่เหมาะสมกับการต่อสู้จริง ๆ มาใช้งาน เพราะบทบาทของตัวละครแต่ละตัวก็จะไม่เหมือนกันอีกต่างหาก

นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถกำหนดเส้นทางการวิ่งได้ทั้งหมด 3 จังหวะ ซึ่งจุดนี้เองจะส่งผลโดยตรงต่อระบบการโจมตีที่จะถูกแบ่งออกเป็นการโจมตีปกติ และการโจมตีจากด้านหลัง ซึ่งการโจมตี รวมไปถึงการใช้สกิลจากด้านหลังนั้นจะทำดาเมจได้มากกว่าพอสมควร ซึ่งผู้เล่นจำเป็นที่จะต้องวิ่งอ้อมไปยังด้านหลังของศัตรูเพื่อทำการโจมตีศัตรูให้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าหลาย ๆ ครั้งศัตรูก็จะหันหน้ามาเผชิญหน้ากับเราที่แอบไปตอดหลังด้วย ทำให้เราต้องคอยขยับตัวละครอยู่เรื่อย ๆ

นอกจากนี้ผู้เล่นยังมีโอกาสได้ใช้งานระบบที่ประจำค่าย Square Enix อย่างการอัญเชิญอสูรมาร่วมในการต่อสู้ด้วย โดยตัวอย่างเช่นการอัญเชิญอสูร Bahamut มาโจมตีในวงกว้างได้ ซึ่งระบบนี้ก็เรียกได้ว่าถูกนำเสนอออกมาได้อลังการสะใจผู้เล่นอย่างแน่นอน
ระบบ Skill Tree อัปเป็นคลาส ไม่ใช่อัปเป็นตัวละคร

ต่อมาระบบอัปเกรด Skill Tree ของเกมนี้ที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะผู้เขียนแอบกังวลว่าหากเราอัปเกรดตัวละครหนึ่งไปเรื่อย ๆ และเมื่อได้ตัวละครใหม่เข้ามา จะไม่ค่อยอยากสลับไปใช้ตัวละครใหม่เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าการอัปเกรดตัวละครใหม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะการอัปเกรดสกิลที่หลาย ๆ เกมจะต้องทำการอัปเกรดตัวละครใหม่ แต่ไม่ใช่กับเกม The Diofield Chronicle ที่ระบบ Skill Tree ไม่ได้ผูกกับตัวละคร แต่ผูกกับคลาสต่างหาก!
ภายในเกมนี้จะมีทั้งหมด 4 คลาสหลัก ๆ ด้วยกัน โดยแต่ละคลาสก็จะแบ่งเป็นสกิลแยกย่อยแตกต่างกันไปในบทบาทที่แตกต่างกัน เช่น คลาสนักดาบก็จะแบ่งเป็นดาบสังหาร และดาบโล่ , คลาสทหารม้าก็จะแบ่งเป็นพลม้า และพลมังกร เป็นต้น ซึ่งการอัปเกรดสกิลนี้จะส่งผลให้ตัวละครแต่ละตัวที่อยู่ในคลาสที่กำหนด มีสกิลตามที่อัปเกรดไปแล้วด้วย ทำให้การสลับตัวละครมาใช้งานภายในเกมนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้ผู้เล่นปวดหัวอีกต่อไป เพราะเราไม่ต้องกังวลในเรื่องของการอัปเกรดสกิลแล้วนั่นเอง
เพิ่มสกิลตัวละครได้ ผ่านการสวมใส่อาวุธ!

ยังคงต่อเนื่องในเรื่องของสกิลภายในเกมนี้ครับ โดยนอกเหนือจากการอัปเกรด Skill Tree ที่จะทำให้สกิลของผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ตัวละครของผู้เล่นมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตัวละครของผู้เล่นจะสามารถได้รับสกิลใหม่ ๆ ได้ ผ่านการสวมใส่อาวุธใหม่ ๆ ด้วยเช่นกัน โดยอาวุธแต่ละชิ้นก็จะมีสกิลที่ติดมากับอาวุธแตกต่างกันออกไป และด้วยองค์ประกอบนี้ทำให้การเลือกสวมใส่อาวุธให้กับตัวละครนั้นเป็นสิ่งที่ผู้เล่นจะต้องคิดให้ถี่ถ้วนอย่างมาก ซึ่งภายในเกม Demo นี้แม้จะยังไม่มีสกิลให้เลือกใช้งานมากเท่าไหร่ แต่ผู้เขียนเชื่อว่าในเกมตัวเต็มจะมีอาวุธพร้อมสกิลแปลกใหม่ให้เลือกใช้งานจำนวนมากอย่างแน่นอน
ภารกิจมาครบทั้งเควสหลัก เควสรองทำได้เพลิน

ภายในเกม Demo นี้เราจะได้ใช้งานระบบเควสภายในเกมจำนวนมาก แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเควสเนื้อเรื่อง (เควสหลัก) ที่จะทำให้ผู้เล่นได้ติดตามเนื้อเรื่องที่เข้มข้นไปเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันเราก็จะได้พบเจอกับเควสรองที่จะบอกให้เราอัปเกรดฐานทัพด้วยเงินจำนวน 15,000 ทอง ซึ่งแน่นอนว่าผู้เขียนมั่นใจว่าในเกมตัวจริงนั้นจะมีเควสรองให้ผู้เล่นได้ใช้งานกันจำนวนมาก และด้วยองค์ประกอบของเควสรองนี้ก็ทำให้การใช้เวลาภายในเกม The Diofield Chronicle นี้เพิ่มขึ้นอีกหลายชั่วโมงอย่างแน่นอน
สรุปภาพรวม

แม้ว่าจะเป็นเกมเวอร์ชั่น Demo แต่ The Diofield Chronicle ก็สร้างความประทับใจให้ผู้เขียนอยู่ไม่น้อยเลยครับ โดยเฉพาะในส่วนของประสิทธิภาพของเกม และเกมเพลย์ที่ล้ำลึกสมกับเป็นเกมที่พัฒนาโดย Square Enix ซึ่งผู้เขียนก็อดใจรอที่จะเล่นเกมเวอร์ชั่นสมบูรณ์ไม่ไหวแล้วครับ
ภาพ Screenshots เพิ่มเติม










