[เปิดกรุเกมเก่า] Pokémon Colosseum และ Pokémon XD: Gale of Darkness

กว่าโปเกมอนจะมาถึงจุดที่วางจำหน่ายภาคหลักบนคอนโซล ก็ต้องรอจนถึงยุค Nintendo Switch ที่เป็นการรวบรวมจิตวิญญาณของประสบการณ์เกมโทรทัศน์และเกมพกพาไว้ด้วยกัน ก่อนหน้านั้นทุกภาคล้วนเป็นเกมพกพาสมกับชื่อ Pocket Monster ในญี่ปุ่นเลย ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็มีความพยายามในการทำเกมรูปแบบ RPG เต็มตัวบนคอนโซลใน GameCube ด้วย นั่นคือ Pokémon Colosseum และ Pokémon XD: Gale of Darkness ที่พวกเราจะนำมาพูดคุยกันวันนี้

จุดเริ่มต้นคือความต้องการที่จะมีเกมโปเกมอนขนานแท้บนคอนโซล

การเกิดขึ้นของเกม Pokémon Colosseum นั้นมาจากความต้องการของโปรดิวเซอร์อย่างคุณ Junichi Matsuda ที่อยากจะเปลี่ยนให้เกมโปเกมอนบนคอนโซลที่จากเดิมเป็นเพียงแพลตฟอร์มสำหรับการแบทเทิลสามมิติและภาคสปินออฟเล็กๆ ได้มีประสบการณ์แบบโปเกมอนขนานแท้ตามสไตล์ RPG อย่างเดียวกับเครื่องเล่นเกมบอยนั่นเอง ซึ่งในยุคที่ตลาดเกมพกพายังเฟื่องฟู การที่จะเปลี่ยนเกมหลักมาอยู่ในคอนโซลก็ย่อมเป็นเรื่องยาก

และแล้วเกม Pokémon Colosseum ที่เป็นภาคแรกในชุดของ GameCube ก็ได้วางจำหน่ายกันในปี 2003 โดยได้ทีมงาน Genius Sonority มาพัฒนาให้ ซึ่งภายหลังพวกเขาก็ทำเกมภาค XD: Gale of Darkness และเกมอื่นๆ ในซีรีส์รูปแบบพัสเซิลขนาดเล็กจนถึงปัจจุบัน ทั้ง Trozei และ Café Remix ที่อาจจะอยู่ในสมาร์ทโฟนของใครหลายคนในตอนนี้ เรียกได้ว่ากลายมาเป็นผู้ร่วมทีมที่แข็งแกร่งมากๆ ครับ

เรื่องราวในโทนที่ดาร์กและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เมื่อมาเป็นเกมคอนโซลครั้งแรกแบบนี้ หากจะเสี่ยงเปลี่ยนเจ็นเนอเรชันนับเป็นภาคหลักขณะที่ GameBoy ยังคงเป็นเครื่องเล่นกระแสหลักย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง เรื่องราวของ Pokémon Colosseum และ Pokémon XD: Gale of Darkness จึงถูกนำเสนอใหม่ในรูปแบบที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และแม้จะไม่ใช่ภาคตามเส้นเนื้อเรื่องหลัก ทว่าก็ยังคงมีความเป็นเกม RPG ดังนั้นสิ่งที่ผู้เล่นได้พบก็คือเซ็ตติ้งฉากหลังใหม่แกะกล่อง ภูมิภาค Orre ตัวละครใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวพันกับการเดินทางของตัวเอกเทรนเนอร์วัยใส

เริ่มจากภาคแรก Colosseum เราจะได้รับบทเป็น Wes เจ้าหน้าที่องค์กรระดับสูงผู้มาพร้อมกับความสามารถในการ ‘Snag’ หรือขโมยโปเกมอน ที่จะกลายมาเป็นฟีเจอร์หลักของเกมซึ่งจะพูดถึงในหัวข้อถัดไป พร้อมการนำเสนอฉากแอ็กชันแบบระเบิดเถิดเทิง บ้านเมืองในแบบแห้งแล้ง ซึ่งภารกิจของเราคือการที่จะต้องตามหาโปเกมอนที่ตกอยู่ใต้อำนาจมืดจนเป็น ‘Shadow Pokémon’ และคืนชีวิตเดิมของพวกมันกลับมาให้ได้ ขณะเดียวกันภาค XD: Gale of Darkness จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องกันเป็นเวลา 5 ปี พร้อมโปเกมอนสุดเท่อย่าง ลูเกียร่างมารสีดำ ‘Shadow Lugia’

โปเกมอนเริ่มต้นของเรานั้นจะเป็นโปเกมอนที่มีเลเวลสูงมากอยู่แล้ว และไม่ได้เป็นไทป์หลักอีกด้วย ซึ่ง Wes ตัวเอกภาคหลักจะมี เอฟี่ กับ แบล็คกี้ (Espeon และ Umbreon) เลเวล 25 – 26 มาร่วมผจญภัยตั้งแต่แรกเลย ส่วนภาค XD: Gale of Darkness จะเป็น Michael ผู้มีอีวุย เลเวล 10 และยังมีการปรับส่วนต่างๆ ให้เหมาะกับการเล่นมากขึ้น เช่นเดียวกับโปเกมอนที่ปรากฏตัวให้เราสามารถเป็นเจ้าของหรือพบได้ในเกม ที่ผสมผสานทั้ง Gen 1-3 ไว้ด้วยกัน

กิมมิคพิเศษที่ทำให้ทั้ง Pokémon Colosseum และ Pokémon XD: Gale of Darkness แตกต่าง

มาถึงความพิเศษของสองภาคนี้แล้ว นอกจากความดุเดือดก็คือระบบเกมเพลย์ที่แตกต่างจากเกมภาคหลักอย่างชัดเจน เริ่มต้นจากการที่ภาค Colosseum จะไม่มีระบบโปเกมอนป่าแต่อย่างใดครับ เราจะไม่ได้วิ่งไปสุ่มเจอโปเกมอนตามทางแต่อย่างใด ส่วนภาค XD: Gale of Darkness ก็จะมีโซนที่เราสามารถเจอโปเกมอนป่าได้แค่พื้นที่เดียว (แถมมีไม่ถึง 10 ตัวเท่านั้นที่จะได้เจอ!) เท่านั้น นอกจากนี้ระบบการต่อสู้ก็จะเป็นรูปแบบ Double Battle เพียงอย่างเดียวเท่านั้นครับ

หลายคนคงสงสัยว่าเกมเพลย์สำคัญอย่างระบบ Snag นั้นคืออะไร คำตอบก็คือภารกิจของทั้ง Wes และ Michael ควรจะเป็นคำว่า ‘Gotta Save ’em All’ มากกว่า เราจะต้องเจอกับเทรนเนอร์ในการเล่นระหว่างทาง และโปเกมอนส่วนมากจากกลุ่มองค์ร้ายฝ่ายตรงข้ามมักเป็น Shadow Pokémon ที่เป็นโปเกมอนที่อยู่ใต้อำนาจเงามืด เราจึงสามารถใช้เครื่องมือ Snag Machine ดึงโปเกมอนพวกนั้นกลับมาเป็นปกติ ปลดปล่อยให้เป็นอิสระนั่นเองครับ ส่วนภาค XD: Gale of Darkness จะมีระบบพิเศษเพิ่มเข้ามาคือการตรวจออร่าโปเกมอนว่ามันเครียดขนาดไหน เพิ่มความยากในการเผชิญหน้า

แล้วแบบนี้การจับโปเกมอน กับการขโมยด้วย Snag Machine มันต่างกันไหม? คำตอบคือต่างครับ เพราะโดยรวมแล้วเมื่อ Snag แล้วก็ยังต้องนำพวกมันไปชำระล้างก่อนจากนั้นจึงจะมาใช้ได้ ซึ่งใช้ในที่นี้คือนำมาสู้ในฐานะสมาชิกในทีมของเรา หรือว่านำไปถ่ายโอนสู่ภาค Ruby, Sapphire, Emerald, Fire Red และ Leaf Green บนเกมบอยได้ ไม่ได้เหมือนกับปาโปเกบอลธรรมดา (ซึ่งก็มีในเกมด้วยแต่น้อยมากกก…) ซึ่งจะว่าไปแล้วเมื่อภาค Colosseum มีโปเกมอนสตาร์ทเตอร์ของ Gen 2 ให้เราได้จิ๊กจากฝ่ายตรงข้าม มันก็เหมือนเป็นอีกหนึ่งวิธีตามหาโปเกมอนไว้ใช้ในภาคหลักครับ

ท้ายที่สุด! Pokémon Colosseum และ XD: Gale of Darkness จะมาพร้อมกับโหมดแบทเทิลที่ใช้เชื่อมต่อกับเครื่องเล่นเกมบอยข้างต้นเพื่อถ่ายโอนโปเกมอนมาต่อสู้กันแบบสามมิติ ซึ่งถือเป็นระบบให้เราได้ใช้ทดแทนภาค Stadium ได้เห็นโปเกมอนแบบสามมิติเท่ๆ นั่นแหละ หรือว่าจะโอนมาฝากในกรณีที่ Box ของเกมภาคหลักเต็มก็ไม่ได้ผิดหรือมีข้อจำกัดอะไร

ในอนาคตเราจะเล่นเกมนี้ได้ง่ายขึ้น

Pokémon Colosseum และ Pokémon XD: Gale of Darkness ได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเปิดให้บริการบน Nintendo Classics: GameCube ที่จะเป็นแอปพลิเคชันเกมเรโทร ส่วนหนึ่งของ Nintendo Switch Online Expansion Pack บนเครื่อง Switch 2 ซึ่งแน่นอนว่าย่อมทำให้โปเกมอนเทรนเนอร์ยุคใหม่ รวมไปถึงผู้ที่อาจจะเคยเห็นสองเกมนี้ผ่านตาทางหนังสืออย่างเช่นผม แต่ไม่มีโอกาสได้ลองเล่นจริงจัง สามารถมาเล่นเกมนี้กันได้ง่ายขึ้นมากนั่นเองครับ

สำหรับทั้งภาค Colosseum และ XD: Gale of Darkness ที่จะเปิดให้เล่นผ่าน Nintendo Classics นั้น แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้มีคุณสมบัติเทียบเท่าภาคต้นฉบับ เช่นไม่มีการเชื่อมต่อกับเกมบอยหรือการรับโปเกมอนพิเศษ อย่างไรก็ตาม Nintendo ก็จะปรับแต่งภาพความละเอียดให้สูงขึ้น เช่นเดียวกับระบบเซฟแบบ Save State ที่ช่วยให้การเล่นเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น ว่าแล้วก็รอดูกันเลยครับ

เป็นอย่างไรกันบ้างกับเปิดกรุเกมเก่าของ Pokémon Colosseum และ Pokémon XD: Gale of Darkness ที่มากันแบบแพคคู่ในครั้งนี้ และต้องยอมรับเลยว่าการมาถึงบนเครื่องเล่น Switch 2 น่าจะทำให้ผู้เล่นโดยเฉพาะในไทยได้มีโอกาสลองเล่นกันเป็นครั้งแรกเสียที เพราะแม้เครื่องเกมจะหาง่าย แต่แผ่นเกมต้นฉบับก็ซื้อขายกันในราคาที่สูงมากๆ ด้วย สำหรับโอกาสหน้า ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย