ทำไม PES ถึงได้สิทธิ์ทีมต่างๆน้อยกว่า FIFA

หากให้พูดว่าเกมฟุตบอลที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันเป็นเกมอะไรส่วนมากแล้วคงต้องตอบกันว่าต้อง FIFA สิ แต่หากเราย้อนมองไปในอดีตเราจะพบอดีตราชาเกมลูกหนังอย่าง Pro Evolution Soccer หรือเรียกสั้นๆว่า PES ยังสามารถประคองตัวและแข่งขันกับ FIFA ได้อยู่บ้างแต่หลังจากการมาของปัญหาลิขสิทธิ์ที่สูญเสียไปในภาค PES 2019 อย่างโหมดการเล่น UEFA Champions League ทำให้แทบจะหมดหนทางแล้ว

วันนี้เราจะมาดูกันว่าเพราะอะไรจึงทำให้ทาง EA สามารถถือครองลิขสิทธิ์สโมสรต่างๆในการแข่งขันจริงๆรวมไปถึง ลิขสิทธิ์ในการจัดทำโหมดการแข่งขันต่างๆได้ตามที่มีอยู่จริง ซึ่งทาง Gamespot เว็บไซต์เกมชื่อดังได้ทำการสัมภาษณ์คุณ Lennart Bobzien ผู้จัดการของแบรนด์ PES ในโซนยุโรปเกี่ยวกับเรื่องนี้กัน

“สาเหตุอะไรกันที่ทำให้ PES มีลิขสิทธ์ของทีมอย่าง Arsenal และ Liverpool แต่กับทีมอื่นๆในพรีเมียร์ลีคดันไม่มี?”

Bobzien: ต้องบอกก่อนว่าพวกเราไม่ได้อยากที่จะไม่ใช้ชื่อและตราสโมสรของจริงมาใช้กับเกมเรา แต่เนื่องจากว่าพรีเมียร์ลีกอังกฤษเป็นลิขสิทธิ์ที่ทาง EA ถือครองและได้ทำข้อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้เราไม่สามารถใช้งานได้กับทุกๆทีม โดยสองทีมที่เราได้สิทธิ์มานั้นก็ไม่ได้มาจากการเลือกของเราแต่เป็นทางพรีเมียร์ลีกที่กำหนดมาให้ เฉกเช่นเดียวกับบุนเดสลีก้าเยอรมันที่เราได้มาเพียงสามทีมเช่นเดียวกัน

“แล้วทาง Konami จัดการเรื่องนี้ยังไง? การที่พรีเมียร์ลีกมีข้อตกลงกับ EA ทำให้ Konami ไม่สามารถใช้ลิขสิทธิ์ทีมอื่นๆใช่หรือไม่?”

Bobzien: ด้วยความสัจจริง ตอนนี้พรีเมียร์ลีกไม่ได้เป็นของเฉพาะของฝ่ายใดเลย หากให้ผมพูดหากผมเป็นสโมสรก็คงอยากที่จะให้ตัวสโมสรได้ออกมาทั้งสองเกม แต่ก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมถึงไม่เป็นแบบนั้น

“นี้เป็นสถานการณ์เดียวกันที่เกิดกับลาลีก้าสเปนหรือไม่?”

Bobzien: ถูกต้อง ลาลีก้าก็เหมือนกับพรีเมียร์ลีคตอนนี้ที่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานชื่อจริงทำให้เราต้องใช้ชื่ออื่นๆเข้ามาแทน

“แบบนี้หมายความว่าทาง EA ได้ทำข้อตกลงกับทางลาลีก้าใช่ไหม? แต่ทางพวกคุณก็ได้รับอนุญาตให้ใช้งานจำนวนทีมที่เท่ากันภายใต้ชื่ออื่น?”

Bobzien: ถูกต้องตามที่กล่าวมานั้นแหละครับ

“แล้วลีกฝรั่งเศสละ คุณได้รับลิขสิทธิ์แบบเต็มตัวไหม?”

Bobzien: ใช่แล้วไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส ฮอลแลนด์ เบลเยี่ยม สวิตเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก สก็อตแลนด์ ตุรกี และ รัสเซีย ล้วนแล้วแต่ได้ลิขสิทธิ์ให้ใช้งานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซียที่ทางเราได้รับลิขสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวที่ทาง EA ไม่สามารถมีได้ ตัวอย่างอื่นๆเช่นลีคอิตาลีที่เราไม่ได้ใช้ชื่อเซเรียอา แต่ใช้ชื่ออิตาเลียนลีกแทน แต่สโมสรลีกยกเว้นยูเวนตุส เราได้รับและใช้ชื่อจริงทั้งหมด

“ยูเวนตุสเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทาง EA หรือ?”

Bobzien: เรามีทีมๆนี้ในเกมแต่เป็นชื่ออื่น

“มันเป็นกรณีเดียวกับเรอัลมาดริดในปีที่แล้วใช่หรือไม่?”

Bobzien: .ใช่แล้วในปีนี้เราจะมีโรนัลโด้ที่เล่นให้กับทีมชื่อพิเศษ…

“นีแปลว่าการตกลงกับลีกไม่ได้แปลว่าจะได้มาในทุกๆทีใช่หรือไม่?”

Bobzien: ถูกต้องแล้วครับ ไม่ใช่ว่าการพูดคุยกับลีกโดยตรงแล้วเราจะได้รับลิขสิทธิ์มาทุกทีม มันแล้วแต่ลีกด้วยว่าเป็นการบริหารจัดการแบบไหนอย่างเช่นลีกสก็อตแลนด์เราสามารถคุยกับลีกโดยตรงแล้วได้รับสิทธิ์ทุกๆทีม แต่กับอิตาลีนั้นจะแตกต่างกันออกไป

“แล้วลีครองอย่างลีควันหรือลีกทูของอังกฤษมีโอกาสไหม?”

Bobzien: เราคอยมองหาลีคใหม่ๆเข้าสู่เกมเสมอแม้ว่าจะเป็นลีกรองก็ตาม ผมไม่สามารถบอกได้หรอกว่าจะมีการเซ็นสัญญากับลีกไหนในปีถัดไป

“คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเมื่อต้องเห็น EA จับมือและได้ลิขสิทธิ์ทีมต่างๆมากมายโดยเฉพาะกับทีมใหญ่ๆเช่นยูเวนตุสหรือเรอัลมาดริด?”

Bobzien: บอกตามตรงนะผมรู้สึกผิดหวังเอามากๆ ผมคิดว่าหากเราได้ลิขสิทธิ์อย่างพรีเมียร์ลีคอังกฤษและบุนเดสลีก้าเยอรมันมาจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของเราไม่เป็นแบบนี้อย่างแน่นอน แต่ผมก็ต้องชื่นชมทีมงานในญี่ปุ่นที่พวกเขาทำงานได้อย่างน่าทึ่งที่ทำงานอย่างหนักในการเก็บรายละเอียดใบหน้าของผู้เล่นนั้นเอง

“สำหรับการเสียสิทธิ์ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีกมาจากการหมดสัญญาหรือว่าเป็นการยกเลิกของทั้งสองฝ่าย?”

Bobzien: มันเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่เราได้สิทธิ์ในส่วนนี้มาใช้งาน แต่ในทุกๆปีเราจะต้องทำการวิเคราะห์ว่ามันมีความจำเป็นกับเรามาน้อยแค่ไหน ไม่ใช่ว่าการเสียมันไปจะเป็นสิ่งที่ดีแต่เราต้องมองถึงรายรับรายจ่ายด้วยนั้นเอง การที่เราเสียสิทธิ์ตรงนี้ไปไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่มีทีมดังๆให้เล่นกันในรายการแข่งขันระดับนี้ เรามีการแข่งขันเหมือนกันแต่ในชื่ออื่นๆ