Tokyo Game Showงานเกมบทสัมภาษณ์สกู๊ปพิเศษ

[สัมภาษณ์พิเศษ] ผู้กำกับ​ Final Fantasy VII: Remake Intergrade เผยเบื้องหลังเวอร์ชัน Switch 2

เปิดจักรวาลภาครีเมคกับเวอร์ชันใหม่บนเครื่องเล่นไฮบริดที่ทุกคนชื่นชอบ

เรียกได้ว่าเป็นอีกเกมที่แฟนเกมรอคอยสำหรับ Final Fantasy VII: Remake Intergrade ที่กำลังจะเดินทางมาสู่เครื่องเล่น Nintendo Switch 2 ในปีหน้านี้แล้วพร้อมกับ Xbox Series X|S ซึ่งต้องบอกเลยครับว่าน่าตื่นเต้นสุดๆ ที่เราจะได้นำเอาประสบการณ์เกมที่ได้ชื่อว่ารีเมคออกมาอย่างยอดเยี่ยมพกพาไปเล่นกันที่ไหนก็ได้ และถ้ายังจำกันได้ฟีดแบ็กจากแฮนด์ออนเองก็ถือว่าดีเลยครับ

ไม่นานมานี้พวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ได้รับโอกาสจาก Bandai Namco Entertainment Asia เช่นเดียวกับ Square Enix Asia ในการพูดคุยกับคุณ Naoki Hamaguchi ผู้กำกับเกมถึงเบื้องหลังของซีรีส์นี้ ต้อนรับงาน Tokyo Game Show กันเลยทีเดียว ว่าแล้วอย่ารอช้ามาติดตามกันดีกว่าว่าจะมีรายละเอียดอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับเกมเวอร์ชันใหม่นี้กันบ้างครับผม

Q. อยากให้ช่วยอธิบายความแตกต่างระหว่างฟีเจอร์ Streamlined Progression กับโหมดการเล่นในระดับความยาก Easy และ Head Start สักหน่อยครับ เพราะมันก็เป็นการช่วยเหลือผู้เล่นใช่หรือไม่?

A: สำหรับ Head Start นั้นจะเป็นการเพิ่มเลเวล ความสามารถ ไอเทมหรือสกิลติดตั้งต่างๆ ให้สูงขึ้น แต่สำหรับฟีเจอร์ใหม่นี้จะเป็นการปรับค่าตัวละครให้ HP/MP ไม่จำกัด หรือว่าอนุญาตให้ผู้เล่นรับดาเมจเพียงแค่ศูนย์เวลาโดนโจมตี ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ผู้เล่นอยากจะลองทำ ลองนึกภาพเวลาต้องการสาดเวทมนตร์เยอะ ด้วยค่า MP ที่เติมให้ตลอดเวลาดูครับ

Q. ขอทราบประสิทธิภาพของ Nintendo Switch 2 และการแสดงผลเมื่อเทียบกับคอนโซลรุ่นอื่นอย่าง PlayStation 5 และ Xbox Series X|S สำหรับเกมนี้หน่อยครับ

A: สำหรับ Nintendo Switch 2 นั้นแน่นอนว่าเมื่อเกมรองรับทั้งการเล่นบนหน้าจอโทรทัศน์ และรูปแบบพกพา ดังนั้นความสามารถการประมวลผลของทั้งสองรูปแบบย่อมมีความแตกต่างกัน แต่ทีมงานก็พยายามอย่างมากครับเพื่อให้แม้ว่าจะเล่นรูปแบบพกพาก็สามารถเพลิดเพลินกับงานภาพที่สวยงามพร้อมกับความลื่นไหลแบบ 30FPS นิ่งๆ ได้ โดยก่อนหน้านี้ที่งาน gamescom และ PAX West พวกเราก็ได้ให้ผู้เล่นได้ลองกันแล้ว และได้รับเสียงตอบรับในแง่บวกมากเหมือนกัน แต่สำหรับ Xbox Series X ที่เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่จะวางจำหน่าย ก็ให้ภาพและเฟรมเรตได้ใกล้เคียงกับ PlayStation 5 เลยครับ

Q. ความท้าทายของการพัฒนาเกมในเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 เมื่อเทียบกับ PlayStation 5 ที่มีสเปคแรงกว่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง?

A: หนึ่งสิ่งที่ได้ใช้ประโยชน์ก็คือความเร็วในการโหลดหน้าจอที่พวกเราเลือก Game Key Card แทน โดยเมื่อเสียบตลับเกมเข้าเครื่องแล้วผู้เล่นจะได้ดาวน์โหลดเกมเข้าสู่เครื่องก่อนเล่น และหลังจากเข้าเกมก็จะพบว่าการรันเกมจากตัวเครื่องนั้นรวดเร็ว และไม่ต่างจากเวอร์ชัน PlayStation 5 ส่วนความท้าทายในการพัฒนาเกมมายังเครื่องเล่นเกมรุ่นเล็กก็คือหน่วยความจำครับ ซึ่งจากเสียงตอบรับที่ได้มา ก็คิดว่าทีมงานควรได้รับความชื่นชมและมองว่าเป็นเรื่องสำเร็จสำหรับการปรับแต่งประสบการณ์สู่ Nintendo Switch 2 ครับ

[สัมภาษณ์พิเศษ] ผู้กำกับ​ Final Fantasy VII: Remake Intergrade เผยเบื้องหลังเวอร์ชัน Switch 2

Q. พอมาถึงเรื่องกราฟิกปกติแล้วแฟนเกมก็มักจะเพ่งเล็งไปที่เรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของเกมอยู่แล้วครับ ดังนั้นอยากทราบว่าเมื่อเกมลงมาลง Switch 2 แบบนี้ ทีมงานปรับลด หรือมีการแก้ปัญหาอย่างไรเพื่อให้ดีเทลเหล่านี้ยังคงอยู่ครับ?

A: ในเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 นั้นเราจะให้ความสำคัญกับเพอร์ฟอร์แมนซ์มากๆ โดยจุดที่มีผลโดยตรงจะเป็นเรื่องเอฟเฟกต์ถ้าเกิดว่าใช้ระดับเดียวกับ PlayStation 5 ย่อมทำให้เฟรมเรตไม่เสถียรพอ และจุดที่ท้าทายคิดว่าเป็นแสงและเงาที่เราอยากจะให้เข้ากันกับเวอร์ชันก่อนหน้าเพื่อที่ประสบการณ์ในการเล่นจะได้ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นส่วนที่มีข้อจำกัดจะเป็น Post-processing อย่างเช่นพาร์ติเคิล ปริมาณความข้นของหมอกอะไรแบบนี้ครับ

Q. ในการพัฒนาเกมโปรเจ็กต์นี้ให้กับ Nintendo Switch 2 มีความแตกต่างในเรื่องของกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกับกลุ่มอื่น ซึ่งทีมงานคิดว่าจะส่งผลต่อโปรเจ็กต์ถัดๆ ไปในอนาคตของทางค่ายหรือไม่?

A: ส่วนตัวแล้วผมไม่คิดว่ามันจะแตกต่างหรือมีความเปลี่ยนแปลงอะไรครับ อย่างที่ทราบกันว่าเราเคยทำเกมเวอร์ชัน PC มาแล้ว และการที่พัฒนาเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 เช่นเดียวกับ Xbox Series X|S ก็เป็นหนึ่งในจุดประสงค์ที่เราอยากจะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้น พร้อมท้าทายความสามารถตัวเอง แต่สำหรับเกมภาค Switch 2 นี้ผมว่าก็จะได้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งด้วยคือ Super Smash Bros. Ultimate ที่หลายคนน่าจะทราบกันว่ามี Cloud และ Sephiroth ไปแจมด้วยใช่ไหมครับ ทั้งสองเกมนี้ก็น่าจะช่วยเกื้อกูลกัน และผู้เล่นใหม่ๆ ก็น่าจะได้ทำความรู้จักกับ Final Fantasy ผ่านเกมต่อสู้ดังกล่าว

[สัมภาษณ์พิเศษ] ผู้กำกับ​ Final Fantasy VII: Remake Intergrade เผยเบื้องหลังเวอร์ชัน Switch 2

Q. เมื่อ Nintendo Switch 2 มีสเปคที่สูงกว่ารุ่นแรกแบบนี้ ทีมงานคิดว่าในการพัฒนาเกมนั้นโดยรวมสถานการณ์ดีขึ้นกว่าเครื่องก่อนหน้าไหม?

A: จุดเด่นของ Switch 2 ก็คือเครื่องเล่นรุ่นใหม่มาพร้อมกับเมมโมรี่และพื้นที่ความจำของเครื่องที่มากขึ้น พอสเปคดีขึ้นแบบนี้ก็ไม่น่ากังวลอะไร และมันไม่ได้ยากเลยครับ แต่จุดที่ท้าทายคือโหมดการเล่นพกพาเพราะมันจะใช้แรงประมวลผลที่น้อยกว่าการเล่นแบบต่อโทรทัศน์ก็เลยคิดว่าซับซ้อนหน่อย อย่างไรก็ตามพวกเราพยายามอย่างมากให้ผู้เล่นได้รับความสนุกเหมือนกันไม่ว่าจะใช้โหมดโทรทัศน์หรือโหมดพกพาครับ

อีกส่วนที่อยากพูดถึงคือเรื่อง Game Key Card อันนี้พอผู้เล่นต้องมาดาวน์โหลดใหม่อีกครั้ง พวกเราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเพิ่มขั้นตอนให้ด้วยเหมือนกัน แต่ขนาดตลับเกมที่ 64GB ไม่เพียงพอจริงๆ สำหรับเกมนี้ เราเลยตัดสินใจใช้ตลับรูปแบบดังกล่าวแทน ซึ่งมันช่วยเรื่องการโหลดที่เร็วขึ้น และคิดว่าในอนาคตน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีขึ้น และ Nintendo เองก็พยายามสนับสนุนเกมที่สเปคสูงต่อเนื่องจริงๆ ครับ

Q. จะว่าไปแล้วพอ Final Fantasy ภาคสเกลใหญ่ฟอร์มยักษ์ได้กลับมาสู่เครื่องเล่น Nintendo แบบนี้ก็รู้สึกเหมือนต้อนรับกลับบ้านเก่าอย่างไรไม่ทราบนะครับ อยากให้ทีมงานพูดอะไรสักเล็กน้อย

A: อย่างแรกเลยขอยืนยันอีกครั้งว่า Final Fantasy VII Remake ทั้งสามภาคจะวางจำหน่ายให้กับเครื่องเล่น Nintendo Switch 2 แน่นอน ทั้งนี้แม้ว่าจะไม่สามารภพูดถึงโปรเจ็กต์อื่นๆ ในอนาคตได้ แต่ในฐานะที่ทำงานกับแฟรนไชส์เกมนี้มามากกว่า 20 ปี ผมคิดว่ามันคือจุดเริ่มต้นครั้งใหม่และหวังว่าจะได้ร่วมงานกับ Nintendo ในสถานะที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อให้ Final Fantasy ได้เข้าถึงทุกคนทั่วโลกครับผม

Q. ทีมงานคิดว่าฟีเจอร์ระบบจอยสั่นของ Nintendo Switch 2 จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ให้เกมอย่างไรบ้างครับ?

A: ในส่วนของ HD Rumble ผมคิดว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เลยนะ ปกติเราเล่นเกมแล้วจอยสั่นบนมือเราแต่หน้าจออาจจะอยู่ห่างจากผู้เล่น ทว่าสำหรับโหมดพกพาเมื่อจอยเกมประกบเข้ากับตัวเครื่องแล้วมีการสะเทือนพร้อมกันกับเหตุการณ์ในเกมที่เกิดขึ้นตรงหน้าผ่านหน้าจอของเครื่องเลย มันเพิ่มความตื่นเต้นมากๆ ซึ่งหลายคนอาจจะอยากเล่นบนโทรทัศน์บ้าง แต่ขอแนะนำให้ลองเล่นผ่านโหมดพกพาดูครับ

[สัมภาษณ์พิเศษ] ผู้กำกับ​ Final Fantasy VII: Remake Intergrade เผยเบื้องหลังเวอร์ชัน Switch 2

Q. Streamlined Progression จะเปิดให้อัปเดตสำหรับเวอร์ชันอื่นอย่าง PlayStation 5 และ PC ไหมครับ?

A: พวกเราก็อยากใส่มาให้นะครับ แต่ตอนนี้ทีมงานทุกคนกำลังโฟกัสกับการพัฒนาเกมภาคลำดับที่สามอยู่ครับ ซึ่งเป้าหมายในอนาคตเราต้องการให้ทุกเกม ทุกแพลตฟอร์ม มีประสบการณ์ในแบบเดียวกัน มีฟีเจอร์แบบเดียวกัน แต่ก็ต้องเรียงลำดับความสำคัญ เช่นเดียวกับจัดสรรระยะเวลาการพัฒนาเกมด้วย ดังนั้นเลยต้องตอบว่า Streamlined Progression จะมีเพียงแค่บน Nintendo Switch 2 และ Xbox Series X|S เท่านั้นในขณะนี้ อย่างไรเสียถ้าจำกันได้พวกเราก็ทำการอัปเดตฟีเจอร์การเข้าถึงใหม่ๆ ให้กับ PlayStation 5 หลังจากเวอร์ชัน PC วางจำหน่ายเหมือนกัน ลึกๆ ก็หวังว่าจะมีเวลาได้ทำครับ

Q. ท้ายที่สุด ขอให้ทีมงานฝากข้อความถึงแฟนเกมเอเชียหน่อยนะครับ

A: หลังจากที่ได้ประกาศเกมไตรภาคให้กับเครื่องเล่นเกมแบบมัลติแพลตฟอร์มแล้ว ก็อาจจะมีผู้เล่นบางส่วนที่เคยเล่นเกมบน PC และ PlayStation เช่นกันใช่ไหมครับ สำหรับใครที่ยังไม่มีโอกาสลองเล่น ผมอยากให้ทุกคนได้มาสนุกกันบนเวอร์ชัน Nintendo Switch 2 และ Xbox ด้วย จากนั้นช่วยติดตามไตรภาคของเราต่อไป อยากให้มีคนมาเล่นเกมกันเยอะๆ และขอบคุณการสนับสนุนที่มีให้มาตลอดนะครับ

เกี่ยวกับเกม Final Fantasy VII: Remake Intergrade

การกลับมาอีกครั้งของซีรีส์ JRPG ในตำนานที่ได้รับการพัฒนาใหม่ให้กับเครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่โดยเฉพาะผ่านเอนจิ้น Unreal Engine 4 ที่ทันสมัย ซึ่งผู้เล่นจะได้เดินทางผจญภัยร่วมกับ Cloud และเพื่อนๆ อีกมากมายในโลกสุดแฟนตาซีเพื่อโค่นล้มบริษัทวายร้าย Shinra Company จากการคุกคามผู้คนทั่วเมือง Midgar โดยเวอร์ชันใหม่จะวางจำหน่ายให้ Nintendo Switch 2 และ Xbox Series X|S ในวันที่ 22 มกราคมปีหน้า

@ SQUARE ENIX CHARACTER DESIGN: TETSUYA NOMURA / ROBERTO FERRARI
LOGO ILLUSTRATION:© YOSHITAKA AMANO

GantaroZX

ใครใครเขาก็รู้ ว่าหนูอ่ะเปิดเผย หนูสั้นของหนูอย่างเงี้ย หนูเน้นเซ็กซี่เฉยๆ
Back to top button