สกู๊ปพิเศษ

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

ไม่เคยตกยุค ความรู้สึกเก่าๆ ยังคงเดิม

เกมเหนือกาลเวลาหรือที่สื่อนอกชอบเรียกกันว่า Timeless Video Game คือการอธิบายลักษณะพิเศษของเกมๆ หนึ่งที่แม้จะออกวางจำหน่ายมานานหลายปี แต่มันยังสามารถรักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ไม่เปลี่ยนแปลง หรือถ้าพูดกันง่ายๆ คือต่อให้เกมดังกล่าวมีอายุปาเข้าไปเป็น 10 ปีแล้วแต่พอนำกลับมาเล่นใหม่ ความรู้สึกและความสนุกที่ได้จากมันยังคงเหมือนเดิมไม่ลดลงตัวอย่างเช่น Super Mario 64 ที่แม้จะเป็นเกมเก่าอายุกว่า 25 ปี แต่ด้วยการออกแบบเกมที่ยอดเยี่ยม ทำให้มันยังสามารถนำกลับมาเล่นได้สนุกไม่ตกยุค และนี่ก็คือหัวข้อในวันนี้กับ 8 เกมเหนือกาลเวลากลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก แต่จะมีเกมอะไรบ้างนั้นมาเริ่มรับชมไปพร้อมกันเลย

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

1. Final fantasy 7

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

Final Fantasy 7 ณ ปัจจุบันยังคงเป็นเกม JRPG ชั้นครูที่ยังคงมีเสน่ห์น่าดึงดูดไม่ต่างเดิม ขอแค่คุณมองข้ามเรื่องภาพกราฟิกไปและมองถึงเนื้อในของมันจริงๆ คุณจะรู้ว่า Final Fantasy 7 คือหนึ่งในเกมที่มีความพิเศษเฉพาะตัวมากๆ ตั้งแต่ระบบ Materia ที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งสายของตัวละครได้อย่างง่ายดาย แถมมันยังเป็นระบบที่ส่งต่อมายัง Final Fantasy 7 Remake (ล้ำแค่ไหนคิดดู) , เนื้อเรื่องที่มาแบบครบรสตั้งแต่ตลกโปกฮา ซีเรียสจริงจัง ตื่นเต้นเร้าใจ หรือเศร้าน้ำตาไหลก็ยังมี ไปจนถึงการออกแบบตัวละครที่ยังดูเท่เหมือนเคยแม้ว่าเกมจะมีอายุกว่า 24 ปีแล้วก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นผลงานเกมอมตะจากทาง Square Enix เลยจริงๆ

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

2. Command & Conquer Red Alert 2: Yuri’s Revenge

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

หากนับแค่เฉพาะซีรี่ส์ Red Alert เกมภาคสุดท้ายที่ทาง EA เคยปล่อยออกมาก็ย้อนไปถึง 2008 นู่นเลยแถมถ้าอิงจากสถานการณ์ปัจจุบัน EA ดูไม่มีท่าทีจะนำเกม Command & Conquer มาสานต่อแต่อย่างใด (มีแค่ Remaster เฉยๆ) ทำให้ในตอนนี้เกมภาคที่อยู่ในความทรงจำของเรามากที่สุดคงไม่พ้น Command & Conquer Red Alert 2: Yuri’s Revenge ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเกมยอดนิยมทั้งห้องคอมประจำโรงเรียน ไปจนถึงร้านเกมที่มีให้เล่นแทบทุกเจ้า Red Alert 2 ถือเป็นผลงานเกมวางแผนอันยอดเยี่ยมของ EA ที่ถูกทางค่ายลืมเลือนไปอย่างน่าเสียดาย

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

3. Ragnarok Online

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

ผมเชื่อว่าเวลานี้น่าจะยังมีอีกหลายคนเลยที่ยังเล่น Ragnarok Online อยู่เพราะจวบจนปัจจุบันการจะหาเกม MMORPG ที่ให้กลิ่นอายความเป็นเกม Old School รุ่นบุกเบิกแบบนี้นับวันยิ่งหายากขึ้นทุกที และสำหรับใครที่ไม่เคยเล่น Ragnarok Online แต่อยากรู้เกมนี้มีความพิเศษอย่างไร ผมขออธิบายแบบง่ายๆ เลยคือมัน “คลาสสิก” ครับเพราะด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของเกมก็ชวนให้เราได้หวนคืนสู่ช่วงเวลาดีๆ ในอดีตไม่ว่าจะเป็นเพลง, สถานที่ รวมไปถึงเสียงเอฟเฟคตอนตีมอนที่โคตรจะเป็นเอกลักษณ์ คือถ้าพูดกันตามตรงการจะหาเกมที่ให้อารมณ์แบบนี้น่าจะเป็นไปไม่ได้แล้ว

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

4. Super Mario 64

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

Super Mario 64 คือเกม Mario ภาคแรกที่เข้าสู่ยุค 3D แบบเต็มตัวทำให้ ณ เวลานั้น Mario คือผู้บุกเบิกแห่งวงการในฐานะเกมๆ แรกที่ก้าวเข้าสู่โลกแบบ 3D และกลายเป็นแสงนำทางให้กับรุ่นน้องได้เดินตาม Super Mario 64 เป็นหนึ่งในเกม 3D Platformer สุดคลาสสิกเหนือกาลเวลา ด้วยระบบต่างๆ ของเกมที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวของ Mario ที่ทำได้อย่างหลากหลาย, อิสระในการเล่นที่จะเริ่มเก็บดาวในฉากไหนก่อนก็ได้ รวมไปถึงการออกแบบ Lay out ของฉากต่างๆ ที่มีทั้งการซ่อนความลับและลูกเล่นต่างๆ ไว้อย่างมากมาย และต่อให้นำเกมนี้มาเทียบกับเกม 3D Platformer เกมอื่นๆ ในปัจจุบัน Super Mario 64 ยังคงเป็นเกมดีที่ไม่ตกยุคเลยสักนิด

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

5. Resident Evil 1: Remake

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

Resident Evil 1: Remake คือการนำเกมสยองสุดอมตะอย่าง Resident Evil 1 มาปัดฝุ่นใหม่พร้อมการปรับปรุงหลายๆ อย่างภายในเกมให้ดียิ่งขึ้น Resident Evil 1: Remake เป็นเกม Survival Horror สุดคลาสสิกที่ใส่ความเป็นเกม Resident Evil แบบ Old School มาอย่างจัดเต็ม ตั้งมุมกล้องแบบ Fixed Camera ที่ชวนให้เราต้องหวาดเสียวกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า, ความท้าทายของเกมที่ต่อให้เซียนแล้วก็ต้องระวัง ไปจนถึงบรรยากาศเก่าๆ อย่างการเดินสำรวจในคฤหาสน์สุดหลอนที่หาได้ยากแล้วในเกม Resident evil ยุคปัจจุบัน (แต่ยังดีที่ตอนนี้เกมภาค 7 และ Village จะกลับมาสานต่อความสยองแบบเดิมแล้ว)

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

6. Grand Theft Auto: San Andreas

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

Grand Theft Auto: San Andreas ในเวลานี้ผมเชื่อว่ามันคือเกมในดวงใจของใครหลายๆ คนเพราะด้วยความพิเศษหลายๆ อย่างของเกมภาคนี้ที่หาไม่ได้จากเกม GTA ภาคอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบของเกมการเล่นที่ใส่ความเป็น Sim ลงไปอย่างเต็มสูบตั้งแต่ค่าความหิว, ค่าไขมันในร่างกาย, ค่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ, ค่าความสามารถในการใช้อาวุธปืน รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ ที่มีให้ทำภายในเกมนี้อีกมากมาย ชนิดที่เล่นกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ทำให้ Grand Theft Auto: San Andreas เป็นหนึ่งในเกม GTA ภาคที่ดีสุดอย่างไม่ต้องสงสัย

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

7. Battle Realm

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

สำหรับเกมนี้จะมาแนวเดียวกับ Red Alert 2 ในฐานะเกมที่เหล่าเด็กเกรียนอย่างพวกเรา มักจะเอามาลงไว้เล่นกันในคาบคอมอยู่บ่อยๆ Battlerealm คือเกม RTS ยอดนิยมในยุค 2000 ที่มาพร้อมกับระบบอัพเกรดยูนิตที่ (โคตร) เป็นเอกลักษณ์อย่างการส่งยูนิตชาวนาไปยังฐานฝึกต่างๆ ที่เราสร้างไว้ ที่จะมีตั้งแต่การฝึกเป็นทหารราบพื้นฐาน, พลธนู, ทหารปืนใหญ่, ซามูไร ไปจนถึงเปลี่ยนเพศยูนิตจนกลายออกมาเป็นผู้หญิงเลยก็มี (คือทำได้ไงนี่แหละประเด็น) หากคุณเป็นเกมเมอร์ที่กำลังโหยหาความคลาสสิกของเกมแนว RTS Battle Realm นี่แหละจะมอบความสิ่งนั้นให้กับคุณได้อย่างแน่นอน

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

8. Bully

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

มาถึงเกมสุดท้ายของวันนี้ที่ผมแอบหวังลึกๆ ว่าเพื่อนๆ จะคิดเหมือนกันอย่าง Bully อีกหนึ่งผลงานระดับตำนานของ Rockstar ที่เปลี่ยนจากธีมอาชญากรสุดโฉด มาเป็นมาดนักเรียนหัวเกรียนแทน Bully คือเกม Open World ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งเซตติ้งหลัก ที่ผู้เล่นได้สวมบทบาทเป็นนักเรียนวัยเกรียน ไปจนถึงระบบและกิจกรรมต่างๆ ที่ล้วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคาบเรียนตามเวลา, การกลับเข้าหอในตอนกลางคืน ไปจนถึงการรวมแก๊งต่อยตีกับคู่อริตามประสาวัยรุ่น โดยรวมแล้ว Bully ถือเป็นเกม Open World ที่สนุกมากๆ อีกเกมเลยล่ะครับ (แต่น่าเสียดายที่ทาง Rockstar น่าจะเทไปแล้ว)

8 เกมเหนือกาลเวลาที่กลับมาเล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

พอได้พูดถึงเกมเหล่านี้ก็ชวนให้ผมได้ย้อนนึกถึงช่วงเวลาวัยเด็กจริงๆ นะ เพราะหลายเกมที่ยกมาในวันนี้กว่า 50 % ล้วนเป็นเกมเก่าที่ผมเคยได้สัมผัสในวัยเด็กแล้วทั้งสิ้น คือถ้าพูดกันตามตรงแม้ว่าเทคโนโลยีในการทำเกมสมัยก่อนจะดีไม่เท่ายุคนี้ แต่กลิ่นอายความคลาสสิกหลายๆ ของเกมในอดีต ก็ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ด้วยเกมในยุคปัจจุบันเช่นกัน สุดท้ายนี้เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไร มีเกมไหนบ้างที่อยู่ในดวงใจบ้าง ก็สามารถมาแบ่งปันเรื่องราวกันได้เลยนะครับ

Back to top button