6 ท่าโจมตีและเทคนิคที่ควรมีใน Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ภาคใหม่

เกม Dragon Ball Z Budokai Tenkaichi เป็นเกมที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในอดีตที่ผ่านมา และเป็นเกมที่เล่นกันมากมายจนกลายเป็นเกมคลาสสิคที่หลายคนยังคิดถึง หลังจากที่มีข่าวดีเมื่อไม่นานมานี้ว่า Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi กำลังจะกลับมาให้ได้มันส์กันอีกครั้งหลังห่างหายมานานหลายปี แต่ในข่วงเวลาที่ผ่านมาเราก็มีอนิเมะและภาพยนตร์ Dragon Ball Z ตอนใหม่ ๆ มาให้เราได้ชมกันด้วย ฉะนั้นมีเกมภาคใหม่ทั้งที ก็ควรจะมีอะไรใหม่ ๆ บ้าง และในบทความนี้ผู้เขียนได้รวบรวม 6 ท่าโจมตีที่ควรมีใน Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ภาคใหม่มาให้ได้ติดตามกันครับ

1. Ultra Ego

แม้ว่ามันจะไม่ปรากฏในอนิเมะ แต่เทคนิคพิเศษของ Vegeta กลายเป็นที่ชื่นชอบของแฟน ๆ สำหรับผู้ที่อ่านมังงะไปเรียบร้อยแล้ว โดย Ultra Ego เป็นรูปแบบที่เกิดขึ้นโดยความปรารถนาในการต่อสู้ ซึ่งความรู้สึกที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี พลังรูปแบบนี้จะเพิ่มพลังของ Vegeta โดยไร้ขีดจำกัดเมื่อวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาปรากฏขึ้นในระหว่างการต่อสู้ อย่างไรก็ตามพลังนี้มีจุดอ่อนเพราะนอกจากพลังนี้จะทำให้พวกเขามีพลังมากขึ้น แต่ก็เป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกครอบงำโดยพลังนี้

2. พลังการข้ามเวลาของ Hit

Hit ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นศัตรูที่ท้าทายอย่างมากสำหรับ Goku ในระหว่างการแข่งขัน Tournament of Power ซึ่งตัวละครนี้มีพลังในการข้ามเวลาไปข้างหน้าได้ถึงครึ่งวินาที ทำให้เขาสามารถโจมตีข้ามเวลาได้ด้วย เมื่อรวมกับความเร็วของ Hit ทำให้เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากเขาสามารถข้ามเวลาได้หลายครั้งติดต่อกันอย่างรวดเร็วระหว่างการต่อสู้กับคู่ต่อสู้ การเคลื่อนไหวรูปแบบดังกล่าวเคยปรากฏในเกม Dragon Ball มาก่อน เช่น Dragon Ball XenoVerse 2 ซึ่ง Hit ดูเหมือนจะหยุดเวลาเพียงเสี้ยววินาที ทำให้ Hit สามารถโจมตีศัตรูที่ไม่มีการป้องกันได้อย่างสมบูรณ์

3. Ultra Instinct

รูปแบบสัญชาตญาณพิเศษของ Goku เป็นหนึ่งในพลังที่ทรงพลังที่สุดและเป็นที่รักของแฟน ๆ มากที่สุด ซึ่งพลังนี้ตรงกันข้ามกับรูปแบบ Ultra Ego ของ Vegeta ตรงที่ร่างกายต่อสู้ด้วยสัญชาตญาณบริสุทธิ์ ไม่ถูกควบคุมด้วยอารมณ์ อย่างไรก็ตาม Goku ไม่ใช่ผู้ใช้แบบฟอร์มนี้เพียงคนเดียว หลังจากที่ Goku ฝึกฝนจนถึงระดับที่เหมาะสม ในที่สุดเขาก็สามารถควบคุมรูปแบบการต่อสู้แบบนี้ได้มากพอที่จะเปิดหรือปิดการใช้งานได้ตามต้องการ อีกทั้งเขายังสามารถปรับแต่งพลังของเขาเพื่อใช้ประโยชน์จากอารมณ์ของเขา ทำให้เกิดรูปแบบย่อยพิเศษที่เรียกว่า True Ultra Instinct โดยพลังนี้ได้ปรากฏตัวในเกม DBZ หลายเกมจนถึงตอนนี้ รวมถึง Dragon Ball Z: Kakarot และ Dragon Ball XenoVerse 2 ดังนั้นการมีพลังดังกล่าวภายในเกม Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริง ๆ

4. Super Saiyan Blue + Kaioken

ความสามารถของ Super Saiyan Blue + Kaioken เป็นหนึ่งในเทคนิคที่ยอดเยี่ยมที่สุดของ Goku และอาจเป็นการใช้ความสามารถที่สร้างสรรค์ที่สุดของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาใช้ Kamehameha พลังนี้เกิดจากการผสมผสานระหว่างพลังแห่งเทพเจ้าของ Super Saiyan Blue และการเพิ่มขึ้นของ Kaioken มันถูกอธิบายว่าท่าโจมตีนี้มีพลังมากกว่าเดิมใน DBZ แม้ว่ามันจะมาพร้อมกับข้อเสียของการกระตุ้นให้เกิดอาการสะท้อนกลับของ Ki ใน Goku หลังจากใช้งานไปจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ Kaioken ปรากฏตัวในทุกเกมของ Tenkaichi แต่ในตอนนี้ยังไม่สามารถรวมเข้ากับ Super Saiyan ได้เหมือนกับ Super Saiyan Blue นั่นเอง

5. Father + Son Galick Gun

หลังจากที่ Hoku และ Gohan ได้โชว์พลัง Kamehameha รวมพลังพ่อลูกกันไปแล้วในการล้ม Cell ท่าโจมตีดังกล่าวได้กลายเป็นฉากโปรดของแฟน ๆ มาโดยตลอด และล่าสุด เราก็จะได้เห็น Vegeta กับ Trunk ใช้ท่า Galick Gun รวมพลังพ่อลูกกันบ้าง โดยพวกเขาใช้ท่านี้ในการต่อสู้กับ Zamasu นั่นเอง และมันคงจะฟินน์แน่นอนถ้ามีฉากนี้กลับมาให้เราได้ชมกันในเกม

6. Forced Spirit Fission

Vegeta ได้รับความสามารถในการแยกและควบคุมพลังงานเองหลังจากฝึกที่ Yardrat โดยเทคนิคนี้เป็นความสามารถในการควบคุมวิญญาณขั้นสูงที่ช่วยให้สามารถต่อสู้ได้อย่างประณีตมากยิ่งขึ้น โดยในมังงะ Vegeta เกือบที่จะเอาชนะ Moro ได้ด้วยตัวคนเดียว หลังจากที่เขาใช้เทคนิคนี้เพื่อปลดปล่อยพลังงานชีวิตที่ติดอยู่ทั้งหมดที่ผู้กลืนกินดาวเคราะห์ขโมยไปเพื่อเพิ่มพลังของเขา ถ้ามีในเกมจริงผู้เล่นสามารถเปลี่ยน Gogeta กลับมาเป็น Goku หรือ Vegeta แยก Cell ออกจาก Android 17 และ 18 จากนั้นนำพลังงานนั้นกลับมาใช้ใหม่เพื่อรักษาตัวเองหรือแม้แต่ชุบชีวิตสมาชิกปาร์ตี้ที่ตายไปแล้วก็น่าสนใจไม่น้อย

สำหรับในตอนนี้ Dragon Ball Z: Budokai Tenkaichi ภาคใหม่ อยู่ในขั้นเริ่มต้นการพัฒนา ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามมีข้อมูลอัปเดตเพิ่มเติม ทีมงานจะรีบนำมาแจ้งให้ทราบกันทันทีครับ