6 เกม DEI หนักดราม่าแซ่บประจำปี 2024
ปีแห่งความแซ่บของวงการเกมที่ใครพลาดต้องรีรันกันซักหน่อยแล้ว

สวัสดีครับเพื่อน ๆ ชาวเกมเมอร์ทุกท่าน ภายในปี 2024 นี้ก็เป็นปีหนึ่งที่มีเกมดี ๆ ดัง ๆ ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย แต่อีกแง่หนึ่งก็มีเกมจำนวนไม่น้อยเลยที่โผล่มาด้วยกระแส Woke ที่เน้นเรื่องของ DEI หรือแนวคิดด้านความหลากหลายเข้าไปในตัวเกมจนมากเกินงาม จนทำให้ผู้เล่นและเกมเมอร์ส่วนใหญ่ต้องออกมาวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก บางเกมก็ค่อนข้างเงียบ แต่บางเกมนั้นผู้พัฒนาเองก็ออกมาตอบโต้ผู้เล่นด้วยความเผ็ดร้อนในมุมมองของตัวเอง เรียกได้ว่า Spicy กันสุด ๆ ทั้งฝ่ายผู้เล่นและฝ่ายผู้พัฒนาครับ เราไปชมกันดีกว่าว่ามีเกมอะไรบ้างในปี 2024 นี้ที่เน้น DEI จนเกินงาม
1. Unknown 9: Awakening

คือเอาจริง ๆ ในตอนแรกไม่คิดเลยว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่เน้น DEI หนักมาก เนื่องจากว่านักแสดงอย่างคุณ Anya Chalotra ก็เป็นนักแสดงจากซีรีส์ The Witcher มาก่อนและได้รับคำชมอย่างมาก แถมผู้จัดจำหน่ายยังเป็น Bandai Namco เลยคิดว่าเกมนี้น่าจะไม่หนักมาก แต่พอเกมเปิดตัวเท่านั้นเราจะพบว่าเกมนี้เป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องอยู่ที่ประเทศอินเดีย และทุกอย่างจะเน้นหนักไปที่อินเดียสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงหน้า เชื้อชาติ วัฒนธรรม บ้านเมือง ภาษาพูดที่เป็นอังกฤษสำเนียงอินเดียที่ฟังยาก และที่สำคัญคือการยัด DEI มาขนาดนี้เกมเพลย์กลับไม่ได้ตอบสนองความต้องการของผู้เล่น มีสื่อหลายแห่งวิจารณ์ตรง ๆ ว่าเกมนี้ยังขาดจุดเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ทำให้ผู้เล่นผูกพันกับตัวละคร เกมเพลย์หลายอย่างไม่ยืดหยุ่นพอที่จะเล่นให้สนุก ไหนจะเป็นกราฟิกและวิธีการนำเสนอเกมค่อนข้างที่จะ Old School ประมาณนึงเมื่อเทียบกับราคาเกมที่สูงถึง 1,490 บาทครับ
2. Suicide Squad: Kill The Justice League

เกมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเกมที่ได้รับความคาดหวังจากผู้เล่นอย่างมาก อย่างแรกเลยคือเกมนี้ถูกพัฒนาโดย Rocksteady Studios ผู้พัฒนาเกมรุ่นพี่อย่าง Batman: Arkham และประสบความสำเร็จอย่างมาก มันจึงทำให้ผู้เล่นเกมนี้ค่อนข้างที่จะคาดหวังว่ามันจะต้องดีกว่าเดิมหรือเป็นเกมสไตล์เดิม แต่กลับกลายเป็นว่าเกมนี้คือ Co-op Live-Service Shooter ที่มีโลกเป็นแนว Open World แต่มันไม่ได้ตอบสนองความต้องการของผู้เล่น ทั้งในด้านกราฟิกและเกมเพลย์ นอกจากนี้ทางด้านเนื้อเรื่องยังมีคนไม่ชอบใจอย่างมากที่เนื้อเรื่องของภาคนี้เอาซุปเปอร์ฮีโร่ในดวงใจของพวกเขาหลายคนให้กลายมาเป็นตัวร้าย และให้เหล่าวายร้ายกลายมาเป็นคนกำจัดเหล่าฮีโร่เพื่อปกป้องโลกซะเอง แม้ว่าความพยายามยัด DEI เปลี่ยนมุมมองว่าตัวร้ายก็เป็นฮีโร่ได้มันจะไม่ได้มีคนดราม่าเท่าไหร่นัก แต่ทุกอย่างที่ผิดความคาดหวังนี้อยู่ในราคา 2,090 บาท ผู้เล่นหลายท่านจึงเลือกที่จะไม่เล่นมันดีกว่า
3. Dustborn

Dustborn เป็นหนึ่งเกมที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงในประเด็น DEI หรือการชูโรงเรื่องความหลากหลาย ประเด็นมันเกิดจากการที่เกมนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากภาครัฐในการผลิตเกม มันทำให้เกมนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหลักการอะไรบางอย่าง ไม่ได้สร้างจากการอยากทำให้เกมมันสนุก โดยเกมนี้จะมุ่งเน้นประเด็นไปที่เรื่อง “ความเห็นอกเห็นใจ” และ “พลังของคำพูด” โดยตัวละครในเกมจะสามารถปล่อยพลังได้ผ่าน Wording ที่พูดออกไป เพื่อสะท้อนความรุนแรงที่เกิดจากคำพูดได้ว่า คำพูดคำหนึ่งสามารถโจมตีและทำร้ายผู้คนได้มากแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมกลับมีเนื้อหาเกี่ยวกับการหลอกลวงและการบูลลี่ จึงทำให้ถูกผู้เล่นจับผิดจำนวนมาก และหลังจากเกมวางจำหน่าย ผู้พัฒนาเองก็ลอยแพเกมของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยโดยไม่สนแม้แต่กำไร ชาวเน็ตเลยได้วิจารณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่า เพราะเกมนี้ได้เงินจากภาครัฐไปแล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องสนเรื่องกำไรอีก มัน Spicy จริง ๆ
4. Concord

อีกหนึ่งเกมของ SONY ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในปี 2024 จากปรากฎการณ์เกมเปิดและปิดตัวเร็วที่สุดในปีนี้ จากปัญหาการที่ตัวเกมนั้นมีความ Old School พยายามจะเป็นเกมแนว Hero Shooter เหมือนกับเกมรุ่นพี่อย่าง Overwatch ที่ใช้เวลาและทุนสร้างอย่างมหาศาล แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาผู้เล่นกลับมองว่าเกมนี้เป็นเพียงเกม Hard Ref. เกมรุ่นพี่เท่านั้น และที่สำคัญตัวละครภายในเกมนี้ยังมีการยัด DEI ค่อนข้างหนัก โดยพยายามจะให้มีความหลากหลายมากเกินไป แบบไม่มีคนปกติอยู่ในเกมเลย ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่ถูกใจกับการออกแบบตัวละครอย่างมาก แต่ที่สุด Spicy จริง ๆ คือการออกมาตอบโต้ของทีมพัฒนา ทั้งในแง่ของการโทษผู้เล่นว่าไม่เปิดรับความหลากหลาย ทั้งโทษว่าเป็นเพราะผู้เล่นไม่ซื้อผู้พัฒนาถึงตกงาน แต่ก็มีทีมพัฒนาจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เข้าข้างเกมและออกมาแฉว่าด้านในก็มีการถกเถียงกันแล้วแต่สุดท้ายเบื้องบนก็จะเอาแบบนี้อยู่ดี โอ้โห เป็นประเด็นที่แซ่บสุด ๆ เลยครับเกมนี้
5. Star Wars Outlaws

หนึ่งในซีรีส์เกมที่มีผู้เล่นรักมากที่สุดอย่าง Star Wars ซึ่งเกมซีรีส์นี้ทำออกมาได้ดีในภาค Jedi Fallen Order และภาค Jedi Survivor ดังนั้นจะถูกคาดหวังก็ไม่แปลกอะไร และรอบนี้หวยก็มาตกกับ Ubisoft เนื่องจากว่าเพิ่งมีประเด็นดราม่าจาก Assassin’s Creed Shadows ไปหมาด ๆ และเกมก่อนหน้าอย่าง Skull & Bones ก็ได้รับการตอบรับที่ไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้น Star Wars: Outlaws จึงถูกเพ่งเล็งอย่างมาก และปรากฎว่าผู้เล่นก็ยังไม่ถูกใจครับ ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอเนื้อเรื่องที่เริ่มต้นจากคนธรรมดา ตัวละครไม่ถูกใจผู้เล่น และเกมเพลย์ที่ไม่ได้สนุกหรือหลุดออกจากกรอบแนวคิดเดิม ๆ ของ Ubisoft อีกทั้งยังเป็นเกม Open World ที่ผู้เล่นคอมเมนต์ไปในทางเดียวกันว่าเป็น Open World ที่อ้างว้างและไร้ชีวิตชีวา เพราะมันมีแต่พื้นที่แต่ไม่ได้มีคอนเทนต์อะไรครับ
6. Dragon Age: the Veilguard

เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่เปิดตัวได้ดีที่สุดในบรรดาทุกเกมที่กล่าวมา เพราะอย่างน้อยเกมเพลย์ก็ยังสนุก และมีผู้เล่นพร้อมกันบน STEAM สูงถึง 89,418 คน ถือว่าไม่ได้แย่อะไรในด้านเกมเพลย์ เพราะอย่างน้อยตัวเกมก็ยังถือว่าเล่นสนุกและมีแฟนเกมเก่าที่เหนียวแน่นมาก ๆ แต่ที่เป็นประเด็นสุดแซ่บคือเกมนี้ค่อนข้างใส่ DEI มาหนักมาก ไม่ว่าจะเป็นการพยายามจะยัดความโมเดิร์นใน World Setting แฟนตาซียุคโบราณ หรือจะมีฉากที่ตัวละครหลักนั่งเปิดใจกับพ่อแม่ว่าเขาเป็น Non-binary แต่ที่ Spicy กว่านั้นคือมีบรีฟ Dialog บทสนทนาหลุดออกมาในโซเชียลว่าทีมพัฒนามีการฟิกซ์บทพูดให้จงใจ Woke อย่างชัดเจนตาม DEI ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งมันทำให้ผู้เล่นค่อนข้างไม่พอใจและออกมาวิจารณ์กันอย่างหนักหน่วงครับ
และนี่คือ “6 เกม DEI หนักดราม่าแซ่บประจำปี 2024” บอกเลยว่ามีแต่เกมแซ่บ ๆ ทั้งนั้น ถ้าใครที่ตามอ่านดราม่าหรืออ่านคอมเมนต์จากผู้เล่นก็จะรู้ว่ามันเดือดขนาดไหน คือปี 2024 นี้เป็นปีที่ผู้เล่นด้วยกันเองยังหลอน Woke กันเองเลยด้วยซ้ำไป เพราะเกมเน้น DEI มันเยอะมาก เยอะจนแยกไม่ออกว่าอันไหน DEI อันไหนจงใจใส่ตาม Lore ของเกมจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่ Spicy สุด ๆ ครับ