15 เกมยอดเยี่ยมในอดีตของเครื่อง Gameboy Advance

ในบทความก่อน This is Game ของเราได้พาเพื่อนๆ ไปย้อนอดีตกับ 15 เกมยอดเยี่ยมของเครื่อง PSP จาก Sony กันไปแล้ว มาวันนี้ยังมีอีกหนึ่งเครื่องเกมพกพาในอดีต ที่เรียกได้ว่าเป็นตำนานที่ไม่มีวันตาย และยากเหลือเกินที่เกมเมอร์วัยเกิน 30 จะไม่เคยผ่านมือหรือรู้จัก นั่นก็คือเครื่อง “เกมบอย” นั่นเอง วันนี้เราจะมาพาคุณๆ ย้อนไปดู 15 เกมเด็ดในยุคสมัยนั้นที่เชื่อว่าหลายๆ เกมน่าจะยังคงอยู่ในความทรงจำของคุณๆ จนถึงวันนี้

1. Advance Wars 

เกมแนววางแผนการรบ turn-based tactics พัฒนาโดยค่าย Intelligent Systems วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2001 (ในญี่ปุ่นเรียก Famicom Wars) เนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับประเทศสมมติ Orange Star ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะสงครามกับประเทศเพื่อนบ้าน Blue Moon เราในฐานะที่ปรึกษาทางสงครามต้องนำทัพเข้าต่อกรกับศัตรูและเอาชนะให้ได้ เกมเพลย์เน้นการวางแผนแบบผลัดกันเดินคนละตา เราต้องควบคุม Unit ต่างๆ ทั้งกำลังพลไปจนยานพาหนะ รถถัง เครื่องบิน ซึ่งแต่ละ Unit จะมีความได้เปรียบเสียเปรียบต่างกัน ถือเป็นอีกเกมที่เล่นเพลินมากในยุคสมัยนั้นจริงๆ

2. Golden Sun: The Lost Age

ภาคนี้เป็นภาคต่อจาก Golden Sun เกม RPG ซีรี่ส์ที่เรียกได้ว่าโด่งดังมากในยุคนั้น เราจะได้รับบทเป็นเด็กหนุ่มนาม Felix จากหมู่บ้าน Vale พร้อมน้องสาวและผองเพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 คนออกผจญภัยในโลกแฟนตาซีแห่ง Weyard โลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสัตว์อสูร (ในเกมเรียก Djinn) ซึ่งตัวละครแต่ละตัวสามารถเรียกออกมาเพื่อใช้ในการต่อสู้ได้ ระหว่างทางเราจะสามารถพบเจอ Djinn ใหม่ๆ ระบบต่อสู้เป็นแบบ turn-based แต่จุดเด่นของเกมนี้คือกราฟิก Pixel อันสวยงาม โดยเฉพาะ Effect การใช้พลังต่างๆ ถือเป็นอีก 1 RPG ประจำเครื่อง GBA

3. Pokemon Ruby / Sapphire / Emerald

สานต่อความสำเร็จหลังจากวางจำหน่ายเกมซีรี่ส์ Pokemon บนเครื่อง Game Boy (และ Game Boy Color) กับการผจญภัยที่แฟนๆ คุ้นเคยสู่การเป็น Trainer อันดับหนึ่ง กับภาค Exclusive บน Game Boy Advance ในชื่อ Ruby, Sapphire และ Emerald (แน่นอนจุดแตกต่างคือเหล่า Pokemon) เราสามารถเลือกเล่นเป็นหญิงหรือชายก็ได้ พร้อมเดินทางออกผจญภัยเพื่อเป็น Master แห่งเหล่า Pokemon เราสามารถพกพาได้สูงสุด 6 ตัวด้วยกัน และแต่ละตัวสามารถมีท่าโจมตีได้ 4 แบบ แต่ Feature ใหญ่ที่เพิ่มในภาค Ruby/Sapphire คือการโจมตี้แบบ Double หรือใช้ Pokemon พร้อมกัน 2 ตัว นอกจากการต่อสู้แล้วคุณยังทำกิจกรรมอื่นอาทิ เพาะพันธ์เหล่า Pokemon หรือพาส่งประกวดเวทีต่างๆ ไปจนสิงใน Casino เพื่อทำเงิน (หรือเสียเงิน) ภาค Ruby/Sapphire ออกวางจำหน่ายก่อน ส่วนภาค Emerald จะมีการอัพเกรดกราฟิกให้สวยงามขึ้น

4. The Legend of Zelda: The Minish Cap

เกมเซลด้าภาคที่หลายคนมองข้าม เพราะส่วนใหญ่มักจะนึกถึง A Link to the Past เป็นอันดับแรก และ The Minish Cap เป็นเกมเซลด้าที่ไม่ได้สร้างโดย Nintendo แต่เป็นค่าย Capcom ซึ่งตัวเกมให้ความรู้สึกแปลกใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ต่างจากภาคอื่นในซีรี่ส์ ภาคนี้ออกให้กับ Gameboy Advance โดยเฉพาะ เพื่อนร่วมทางอย่างเจ้า Ezlo หมวกสีเขียวใบหน้านกเป็นตัวละครที่แฟนๆ ต่างหลงรัก ลิงค์ได้รับคำสั่งจากพระราชาให้ออกตามหาและช่วยเหลือพวก Picori หลังจากดาบ Picori โดนทำลายโดย Vaati ซึ่งเหล่าอสูรลายก็กระจายไปทั่วอาณาจักร Hyrule ลิงค์ต้องออกผจญภัยนำความสงบกลับมาอีกครั้ง

5. Wario Ware: Mega Microgame

เกมรวมเหล่ามินิเกมที่ต้องเรียกได้ว่า Creative Mega Cleaver ขั้นสุด กับ WarioWare ซีรี่ส์ มินิเกมแต่ละเกมใช้ระยะเวลาในการเล่นเพียงไม่กี่วินาที ซึ่งเมื่อเราดูปุ๊บจะมีเวลาตัดสินใจชนิดเสี้ยววิว่าต้องทำอะไรและมันเกี่ยวข้องอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นอะไรที่เข้าใจได้ง่าย อาทิ การกระโดดนข้ามสิ่งกีดขวาง, เกมขับยานยิง หรือเกมการต่อหุ่นยนตร์ แต่ประสาทสัมผัสของเราต้องไวพอจะตอบสนองการเล่นให้ชนะแต่ละด่านได้ (ยิ่งยากความเร็วก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น) ในแต่ละ Stage จะต้องมีการสู้กับ Boss เรียกได้ว่าเป็นเกมเล่นสนุกฆ่าเวลาติดเครื่องที่คุ้มค่าเกมหนึ่ง

6. Ninja Five-O

เกมแอคชั่นตะลุยด้านข้างจากค่าย Hudson Soft (ซีรี่ส์ที่เป็นที่รู้จักอื่นๆ อาทิ Bomberman) เราได้รับบทเป็นนินจาหนุ่ม Joe Osugi ซึ่งจะต้องจำกัดกลุ่มก่อการร้าย Mad Mask เพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ การเล่นจะเป็น Stage ในแต่ละด่าน เราจะต้องหากุญแจเพื่อปลดล็อคประตูไป Level ถัดไป ตัวเรามีความสามารถอย่ากงการห้อยโหนด้วย grappling hook ฉากในแต่ละด่านก็ไม่ใช่ป่าเขาอย่างที่หลายๆ คนอาจจะคิดสำหรับเกมนินจา หรือบ้านทรงญี่ปุ่น แต่เป็นฉากอย่างเครื่องบินไปจนเมืองอันทันสมัย ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมนินจาทั่วไป พร้อมการต่อสู้ Boss อันแสนท้าทาย

7. Harvest Moon: Friends of Mineral Town

เกมคู่บุญเครื่องพกพาฝั่ง Nintendo ที่ออกให้ครั้งแรกตั้งแต่สมัย Gameboy ในปี 1997 (ถ้าคอนโซลออกให้เครื่องซุปเปอร์แฟมิคอมในปี 1996) สำหรับ Friends of Mineral Town มีทั้งเวอร์ชั่นผู้ชายและผู้หญิง โดยตัวละครที่เราสามารถจีบได้มากจากภาค Back To Nature ของ PS1 ที่แฟนๆ โปรดปราน อย่าง Karen, Ann, Mary, Elli และ Popuri เมืองตั้งตามชื่อเกมคือเมือง Mineral Town เราตัวเอก Pete (สามารถตั้งชื่อตัวละครเองได้) มาใช้ชีวิตแบบนับหนึ่งใหม่ในฐานะชาวไร่ เกมเพลย์ยังคงเป็นแบบที่เราคุ้นเคย ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ร่วมงานเทศกาล จีบสาว/จีบหนุ่ม แล้วสร้างครอบครัว ภาค Friends of Mineral Town เป็นภาคที่กราฟิกอัพเกรดจากภาคก่อนอย่างมากเลยทีเดียว (ในยุค Gameboy Color)

8. Super Mario Advance 4: Super Mario Bros. 3

วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2003 ซึ่งเป็นการปัดฝุ่นเอาผลงานเกมเก่าอย่าง Super Mario Bros. 3 บนเครื่องซุปเปอร์แฟมิคอมมา Remake ปรับปรุงใหม่ แน่นอนว่าเกมเพลย์ระบบการเล่นนั้นยังคงเดิม สำหรับตัว Mario ที่สามารถแปลงร่างเป็นตัวละครอื่นๆ และใช้ความสามารถพิเศษนั้น อาทิ ทานุกิ หรือ กบอ๊บๆ จุดเด่นสำคัญของภาคบน Gameboy Advance คือเจ้า e-cards ที่ให้ผู้เล่นสามารถใช้ Gameboy Advance อ่านการ์ดและเพิ่ม Content อย่าง stage ไปจน tips เทคนิคต่างๆ ภายในเกมได้ (น่าจะคล้ายกับการวาง Amiico บน New 3DS ในยุคปัจจุบัน) 

9. Fire Emblem

เกมแนววางแผน Turn-based ที่จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในตำนานเกม ด้วยการดีไซน์ Character ตัวละครที่เป็นเอกลักษณ์มีเสน่ห์ (จะว่าหล่อ/สวยก็คงไม่ผิดนัก) แต่ละตัวมีลักษะนิสัยและพื้นเพเรื่องราวชีวิตเป็นของตัวเอง อีกทั้งตัวะละครแต่ละตัวก็ยังมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันระหว่างเกมอีกด้วย สำหรับภาคบน Gameboy Advance จะเกี่ยวกับทวีป Elibe เราจะได้รับบทเป็น Lyndis หลานสาวของเจ้าเมือง เธอต้องต่อสู้กับการชิงบัลลังก์ในการขึ้นครองเมืองของ Lundgren แทนคุณตาของเธอ กับอีกส่วนจะเนื้อหาเกี่ยวกับ Eliwood กับการตามล่ากลุ่มองค์กรร้าย นาม Black Fang ที่ตามฆ่าคนเพื่อขายอำนาจและสะสมพลังชีวิต เกมเพลย์จะเป็นการต่อสู้แบบพลัดกันคนละตา จุดเด่นของเกมคือคลาสและความสามารถของแต่ละตัวละคร เช่น Thief ความสามารถในการเปิดประตูที่ล็อค หรือ หีบสมบัติ และอาวุธในเกมที่จะมีการแพ้ทางกัน เช่น ขวาน ชนะ ทวน,ทวน ชนะ ดาบ และ ดาบ ชนะ ขวาน อีกประการที่สำคัญคือหากตัวละครใดตายแล้วจะตายเลย คุณจะไม่สามรถบังคับได้อีกเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป (แต่ถ้าตัวเอกตายจะ Game Over) 

10. Final Fantasy Tactics Advance

หากใครคิดว่านี่คือเกม Remake ที่มีเนื้อหาทุกอย่างเหมือนภาคบน PS1 แล้วล่ะก็คุณจะต้องแปลกใจเพราะภาคที่ลงใหม่ให้กับ Gameboy Advance ได้ปรับเนื้อหาใหม่ทีอาจจะเรียกได้ว่าคล้ายภาคต่อใหม่จาก PS1 เสียมากกว่า ภาคนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมชื่อ The Neverending Story ของ Michael Ende เราจะได้รับบทเป็นมาร์ช (Marche) กับกลุ่มเพื่อนที่ดูจะอับโชคเหลือเกิน เค้าได้พบกับหนังสือประหลาดเล่มหนึ่งซึ่งกลายเป็นหนังสือที่ทำให้โลกในจิตนาการเป็นจริงขึ้นมา และเขาและผองเพื่อนต้องหาทางกลับสู่โลกจริงให้ได้ เกมเพลย์ระบบอาชีพจะคล้ายภาค V คือการเรียนรู้ความสามารถของอาชีพใหม่ได้และใช้กับอาชีพเดิม รวมถึงการเรียนรู้ผ่านอาวุธแต่ละประเภท ทว่าบางอาชีพจะจำกัดแค่บางเผ่าพันธ์เท่านั้น นับเป็นเกม Strategy RPG ที่ยอดเยี่ยมเกมหนึ่งบนเครื่อง Gameboy Advance จริง

11. Mario & Luigi: Superstar Saga

ฝันของแฟนๆ หลายคนเป็นจริงเมื่อซีรี่ส์ Mario ที่เรารักกลายเป็นเกม RPG Turn-based แถมทำออกมาได้ดีมากเสียด้วย ภาคนี้เราไม่ได้ออกไปตามหาเจ้าหญิง Peach แต่เราต้องตามหาเสียงที่หายไปอย่างลึกลับของเธอแทน! เกมเพลย์เราจะได้บังคับเป็นทั้ง Mario และ Luigi พร้อมๆ กัน ออกเดินผจญภัยเพื่อนำเสียงของเจ้าหญิงกลับมาให้ได้ การต่อสู้จะมีความเป็น Action มากกว่าภาคที่ได้รับแรงนาดลใจอย่าง Paper Mario บนเครื่อง N64 โดยเราสามารถโจมตีอย่างการกระโดดหรือใช้ค้อนได้ และมีการ Level Up ตัวละคร เป็นภาคที่แฟนๆ ยกย่องว่าสนุกสุดๆ จนต้องมีติดเครื่องกันเลย

12. Metroid Fusion

ผลงานลำดับที่ 4 ของซีรี่ส์ Metroid (ภาคแรกลงให้กับเครื่องแฟมิคอม) ทีมพัฒนาผู้สร้างเดียวกับ Super Metroid ที่วางจำหน่ายให้เครื่องซุปเปอร์แฟมิคอม เรายังคังรับบทเป็น Samus Aran เช่นเคย ซึ่งคราวนี้ได้รับมอบหมายภารกิจให้ทำการสืบสวน สถานีอวกาศทาวชีวิวิทยา ซึ่งมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นเป็นเชื้อชื่อ X Parasites การเล่นยังคงเป็นแนว Action ผจญภัยตะลุยด้านข้าง Platform side-scrolling เช่นเคย นอกจากการกระโดน-ยิงศัตรูแล้ว เรายังต้องทำการแก้ปริศนาและค้นหาความลับในภาคนี้ด้วย และแน่นอนว่าการต่อสู้ Boss อันท้าทายยังคงอยู่ ในแง่คำวิจารณ์ภาคนี้ถือเป็นภาคที่ได้คะแนนสูงมากภาคหนึ่งจากสื่อทั่วโลกเลยทีเดียว

13. Final Fantasy VI Advance

แฟนๆ หลายคนมักยกไฟนอลภาคที่ 6 ให้เป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดตลอดกาล ซึ่งสำหรับเครื่องพกพา ก็มีการ Port มาลงให้ด้วยในชื่อ Final Fantasy VI Advance และก็ทำออกมาได้ดีเสียด้วย เนื้อเรื่องสำหรับภาค 6 เล่าถึงโลกยุค 1000 ปีให้หลังจากมหาสงครามเวทมนตร์ในอดีตที่ทุกอย่างถูกลืมเลือนไปเปลี่ยนโลกใบใหม่ที่ทุกอย่างคือวิทยาศาสตร์ ทว่ายังมีดินแดนแห่งหนึ่งที่ ซึ่งพระราชาช่างละโมภนัก ได้ค้นพบพลังเวทมนตร์ที่ถูกผนึกไว้และเอามาใช้เป็นพลังงานใหม่จนออกล่าอาณานิคม Tina Branford คือเด็กสาวผู้ใช้เวทมนตร์ได้และคือกุญแจสำคัญระหว่างกลุ่มต่อต้านและกลุ่มแสวงหาอำนาจและนั่นคือการผจญภัยสำหรับภาคนี้ การเล่นยังคงเป็นแบบฉบับตามซีรี่ส์ไฟนอล แต่จุดเด่นสำหรับภาค Advance คือกราฟิกที่สวยงามในฉบับพกพา (ภาคนี้เพิ่มระบบ Quick Save มาให้ด้วย) สิ่งที่เพิ่มมาอื่นๆ เป็นดันเจี้ยนพิเศษ และ Feature ในการเล่นเพลงของ Nobuo Uematsu เป็นอะไรที่สุดยอดมากๆ

14. Castlevania: Aria of Sorrow

หนึ่งในซีรี่ส์ที่คนติดกันงอมแงม ภาคนี้เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับตัวเอกที่ชื่อ Soma Cruz ก่อนหน้าเกิดเหตุการณ์สุริยุปราคาปริศนาทั่วโลก เขาและเพื่อนสาว Mina Hakuba ที่เดินทางไปชมเหตุการณ์ปริศนาได้ถูกลักพาตัวและต้องหาทางออกจากปราสาทปริศนา ซึ่งคือเป้าหมายของภาคนี้ การเล่นเป็นแนว Action ผสม RPG เราสามารถใช้อาวุธได้หลากหลายตั้งแต่ ดาบ ค้อน ขวาน หรือ ปืน ซึ่งแต่ละประเภทจะมีการโจมตีต่างกัน (เร็วแต่เบา หนักแต่ช้าเป็นต้น) ตัวละครเราสามรถ Level Up ได้และ Stats ก็จะเพิ่มขึ้นทุกครั้ง และภาคนี้ไดเพิ่มแทบ MP เข้ามานอกจากค่าพลัง จุดเด่นอีกอย่างคือการเก็บเงินเพื่อนำไปซื้อ อาวุธ ชุดเกราะ น้ำยาต่างๆ กับร้านค้าได้ เป็นอีกหนึ่งภาคในตำนานที่มันส์สะใจ ประทับจิตแฟนซีรี่ส์ Castlevania จริงๆ

15. Megaman Zero

ซีรี่ส์ร็อคแมน (ในตะวัตกเรียกเมก้าแมน) สำหรับภาค Zero นั้นจะดำเนินเรื่องต่อจาก ซีรี่ส์ร็อคแมน X ซึ่งตัวเอกคือ Zero เหตุการณ์จะเกิดหลังจากภาคก่อนนานเป็นร้อยปี เราจะตื่นขึ้นอีกครั้งโดยนักวิทยาสศาสตร์นาม ซีเอล เด็กสาวอัจฉริยะวัย 5 ขวบซึ่งเราจะจำอะไรไม่ได้ อันที่จริงแล้วได้เกิดความแตกแยกระหว่างมนุษย์และเหล่า Reploids จากการขาดแคลนพลังงาน และการปกครองที่เป็นเผด็จการของ Neo Arcadia ซึ่ง Reploids จำนวนมากถูกทำลายเพื่อลดการใช้พลังงานลง ซีเอลได้ก่อตั้งกลุ่มต่อต้านเพื่อปกป้องเหล่า Reploids และเราต้องหาทางช่วยเหลือยับยั้งศึกครั้งนี้ เกมเพลย์ยังคงเป็นตะลุยด่าน 2D Platform ด้านข่างเช่นเคย ภาค Zero ถือเป็น Exclusive สำหรับเครื่อง Gameboy Adavace ในยุคนั้น (วางจำหน่ายในปี 2002) และได้รับ Feedback คำวิจารณ์ในแง่บวกทีเดียว