12 เกมยอดเยี่ยมบนเครื่องเล่น Nintendo Switch ประจำปี 2022

ตลอดทั้งปีนี้ Nintendo Switch ที่ดูเหมือนจะผ่านช่วงเวลาวางจำหน่ายมาครึ่งชีวิตแล้วก็ยังคงเสิร์ฟความสนุกให้กับแฟนๆ กันอย่างไม่พักผ่อนเลย แถมแต่ละเกมยังเป็นเกม AAA กันทั้งนั้นด้วย ซึ่งวันนี้เองพวกเรา ThisIsGame Thailand ก็ขอนำรายชื่อเกมเด่นประจำปีนี้สำหรับแฟนคลับเครื่องเล่นเกมรุ่นจิ๋วมาแบ่งปันส่งท้ายปีเผื่อใครอยากหาอะไรมาเล่นกันระหว่างวันหยุด แต่จะมีเกมอะไรบ้างนั้น ว่าแล้วก็ติดตามกันข้างล่างนี้เลย

1. Kirby and the Forgotten Land

เริ่มต้นกันกับการผจญภัยครั้งใหม่ของเจ้าก้อนสีชมพูกลมนุ่มในดินแดนที่ถูกหลงลืม ดูเหมือนจะเป็นวัฒนธรรมเก่าของมนุษย์ ผู้เล่นจะสามารถเคลื่อนไหวและสำรวจฉากต่างๆ ในแบบสามมิติเต็มที่ พบกับสถานที่ใหม่ๆ อย่างศูนย์การค้าที่ถูกทิ้งร้างและเต็มไปด้วยมอนสเตอร์ โดยจะมีการดูดพลังมาใช้เช่นดาบ ไฟ หรือน้ำแข็งเช่นเคย ใครที่เป็นแฟนเกมและอยากเปลี่ยนแนวขอบอกว่าจะได้รับรสชาติใหม่แน่นอน 

2. Pokémon Scarlet & Violet

มาถึงเกมที่ทุกคนรอคอยกับการก้าวเข้าสู่ Generation IX ที่จะมาพร้อมภูมิภาค Paldea และระบบการเล่นแบบโอเพนเวิลด์เต็มรูปแบบที่ได้แรงบันดาลใจสภาพแวดล้อมมาจากประเทศสเปนและละตินอเมริกา พร้อมระบบการเล่นใหม่ๆ ผู้เล่นจะได้เป็นนักเรียนในสถานศึกษาแห่งหนึ่ง พร้อมทำกิจกรรมการตามล่าหาสมบัติ โดยจะได้จับคู่กับโปเกม่อนในตำนาน Koraidon หรือ Miraidon ที่สามารถแปลงร่างเป็นร่างพาหนะให้เราสามารถขี่เหมือนรถมอเตอร์ไซค์หรือสัตว์โบราณก็ได้ 

3. Pokémon Legends: Arceus

ตอนช่วงต้นปีเองก็มีเกมโปเกม่อนที่พลิกโฉมเกมเพลย์ครั้งแรกด้วย โดยภาคนี้จะย้อนเรื่องราวไปในอดีตเมื่อเราต้องเป็นเทรนเนอร์ในยุคโบราณ ผู้เล่นจะสามารถตามหาโปเกม่อน, ทำการค้นคว้า และวิจัยเรื่องราวของโปเกม่อน ผ่านสภาพแวดล้อมอันเต็มไปด้วยธรรมชาติของภูมิภาค Hisui ทำเควสต์ต่างๆ ในโลกหลายร้อยปีก่อนเหตุการณ์ปัจจุบัน แน่นอนว่าโปเกม่อนทุกตัวล้วนมีความดุร้ายและยังไม่ได้มีความใกล้ชิดกับมนุษย์เท่าไรนักจึงต้องระวังตัวเป็นพิเศษ

4. Triangle Strategy

เกมแนว Tactical RPG ที่ให้เรานำกองทัพนักรบของ Serenoa ผู้สืบทอดราชวงศ์ Glenbrook ซึ่งการตัดสินใจทุกอย่างของเราจะสร้างความแตกต่างไปตามเกมเพลย์ โดยทางเลือกสำคัญของเราจะส่งผลต่อองค์ประกอบดังต่อไปนี้คือค่าพลังด้านผลประโยชน์, กำลังใจ และความเสมอภาค นอกจากนั้นยังมีระบบทำคอมโบ หรือจะเล่นกับธาตุต่างๆ ก็ได้ เช่นการใช้เวทมนตร์ไฟเพื่อละลายพื้นน้ำแข็ง จากนั้นก็เสกไฟฟ้าลงไปเพื่อให้ศัตรูจมอยู่ในน้ำที่เต็มไปด้วยไฟฟ้าช็อตก็ได้

5. Bayonetta 3

เกมแนวยิงปืนสาดกระสุนภาคต่อที่ให้เรารับบทเป็น Bayonetta แม่มดสาว Umbra ที่ใช้พลังแห่งเส้นผมและเครื่องทารุณกรรมในการต่อสู้กับเหล่าเทวดาอาฆาตที่สร้างความวุ่นวายในโลกมนุษย์ ทว่าในภาคนี้ยังมีภัยคุกคามใหม่อย่าง Homunculi ที่เป็นกองทัพศัตรูที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของคนเพื่อยึดครองโลกด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีตัวละครใหม่อย่าง Viola มาร่วมสร้างสีสันด้วย ระบบใหม่นั่นคือ Demon Masquerade ที่ทำให้ Bayonetta สามารถรวมพลังกับปีศาจสาวได้พร้อมซัมมอนท่าต่อสู้สุดรุนแรงออกมาต่อกรกับศัตรูอย่างเจ็บแสบพร้อมฉากการต่อสู้ที่อลังการยิ่งกว่าที่เคย

6. Splatoon 3

สายชูตติ้งมาทางนี้! พบกับเกมที่พาผู้เล่นออกจากมหานครปลาหมึก Inkopolis เข้าสู่ดินแดนทะเลทรายที่เรียกว่า Splatlands อันร้อนแรง ที่มีใจกลางเมืองเป็นสมรภูมิรบสำหรับการสาดสีของเหล่า Octolings จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความปั่นป่วน นอกจากนี้ยังมีอาวุธใหม่ การควบคุมที่คล่องตัวมากขึ้น พร้อมกับเกมเพลย์ 4v4 Turf War สุดคลาสสิก 

7. Xenoblade Chronicles 3

เกมแนว RPG แบบโลกเปิดที่พาเราไปเดินทางในโลกมหัศจรรย์ร่วมกับ Noah และ Mio ท่ามกลางศึกสงครามของสองอาณาจักร ที่ตั้งรกรากอยู่บนร่างกายของไททันในอดีต โดยเรื่องราวจะมีหัวใจหลักเกี่ยวกับ ‘ชีวิต’ และมีความเชื่อมโยงกับเกมภาค 1 – 2 ด้วย อาณาจักรของภาคนี้มีชื่อว่า Aionios ผู้เล่นจะได้เปิดโปงเรื่องราวเบื้องหลังความขัดแย้งพร้อมกับตามหาที่พักพิงสำหรับการลี้ภัยสงครามไปพร้อมๆ กัน

8. Fire Emblem: Three Hopes

สานต่อความสำเร็จจากเกมภาคหลักกับการเล่นแบบแอ็กชั่นสไตล์มุโซวเอาใจสายบู๊ และมีเรื่่องราวอยู่ในจักรวาลเดียวกันกับ Fire Emblem Three Houses ที่เคยวางจำหน่ายไป ผู้เล่นจะพบกับเหล่าตัวละครเอกไม่ว่าจะเป็น Edelgard, Dimitri, Claude และเดินทางในอาณาจักร Fodlan ที่เต็มไปด้วยไฟสงคราม ใช้อาวุธมากมายทั้งธนู ดาบ หอก หรือขี่มังกร

9. Monster Hunter Rise: Sunbreak

แว๊บมาในส่วน DLC ภาคเสริมกันบ้าง โดยชุดเนื้อหานี้มีเรื่องราวอยู่ในอาณาจักรอันห่างไกลที่ปกปักษ์รักษาโดย Dame Fiorayne องครักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ ณ เมืองท่าเรือ Elgado Outpost ที่มีห้องแลปวิจัยการเกิดขึ้นของมอนสเตอร์อยู่ สถานที่แห่งนี้มาพร้อมกับธีมตะวันตก ซึ่งมอนสเตอร์ยักษ์เหล่านี้มีสมญานามว่า Three Lords ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสัตว์สยองขวัญตามตำนานของฝรั่ง เปลี่ยนบรรยากาศจากภาคหลักที่มีสไตล์ญี่ปุ่นๆ หน่อย

10. Live a Live

เอาใจสายเรโทรกับเกม JRPG ยุค 90 ที่ได้รับการรีเมคใหม่ให้มีกราฟิกแบบ HD-2D ผู้เล่นจะได้พบกับเรื่องราวของ 7 ตัวละครที่มีลักษณะนิสัยแตกต่างกัน อยู่ในช่วงเวลาต่างกัน และมีเกมเพลย์ที่ไม่เหมือนกันด้วย เช่นตอน The Wild West จะเป็นคาวบอยที่หนีการไล่ล่า หรือ Twilight of Edo Japan จะเป็นนินจาที่กำลังทำภารกิจลับ ไปจนถึงโลกแบบไซไฟที่รอให้เราค้นหา

11. NieR: Automata

เกมเวอร์ชั่นสมบูรณ์ที่มาพร้อมคอนเทนต์ครบทุกอย่างของ NieR: Automata ผลงานเกมแอ็กชั่นสวมบทบาทโดย PlatinumGames และ Square Enix และมีเนื้อหาเกี่ยวกับอนาคตอันไกลโพ้นเมื่อไม่มีมนุษย์เหลืออยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไป ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นแอนดรอยด์และต่อสู้กับเหล่าหุ่นยนต์วายร้ายเพื่อขับไล่พวกมันออกไป แม้จะมีเฟรมเรตจำกัดที่ 30FPS แต่ปริมาณเนื้อหาที่อัดแน่นและเพอร์ฟอร์แมนซ์ของเกมที่ไม่มีกระตุก ก็ทำให้เกมนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีแบบไม่ต้องสงสัย

12. Mario Kart 8 Deluxe: Booster Course Pass

ปิดท้ายกับ DLC ใหม่ในรอบ 5 ปีหลังจากวางขาย สำหรับสนามแข่งขันแบบรีมาสเตอร์จากเกมภาคต้นฉบับจนถึง Mario Kart Tour จำนวน 48 สนาม ซึ่งตอนนี้เองก็เปิดตัวมาถึงครึ่งทางแล้วที่ 24 สนาม โดยในปีหน้าก็จะมีอีกครึ่งหนึ่งจนครบ เรียกได้ว่าเป็นชุดเสริมที่คุ้มค่ามากๆ เพราะว่าเหมือนกับซื้อเกมใหม่เต็มๆ หนึ่งเกมกันเลยก็ว่าได้ แถมบางฉากยังมีลูกเล่นแบบที่ภาคหลักไม่มี เช่นเมืองที่ออกแบบตามโลกแห่งความจริง หรือสนามแข่งที่แต่ละรอบมีเส้นทางไม่เหมือนกัน

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปีที่โดดเด่นไม่น้อยสำหรับ Nintendo Switch ซึ่งในปีหน้าเองก็ยังคงมีเกมใหม่ๆ รอจ่อคิวกันอีกมากมาย เริ่มต้นด้วย Fire Emblem: Engage กับเกมภาครีเมคอย่าง Story of Seasons: A Wonderful Life และยังมี DLC เสริมของ Xenoblade Chronicles อีก ส่วนโอกาสถัดไปจะมีอะไรมาอัปเดตให้ฟังอีกนั้น ThisIsGame Thailand จะไม่พลาดมาแบ่งปันที่นี่เช่นเคยครับผม