10 ทริคที่คุณควรรู้ก่อนเล่น Diablo IV

สวัสดีเพื่อน ๆ ที่กำลังเล่น Diablo IV กันอยู่ทุกท่านด้วยนะครับ เปิดเซิร์ฟเวอร์ให้เข้าไปเล่นกันครบทุก Edition แล้วเมื่อไม่นานมานี้ และเชื่อว่ามีผู้เล่นใหม่หลายคนที่กำลังหาทริคและเทคนิคต่าง ๆ เพื่อที่จะให้ตัวเองเก็บเลเวลได้ไว หรือไม่อยากทำอะไรผิดพลาดใช่ไหมล่ะครับ เพราะถ้าตัดสินใจอะไรพลาดขึ้นมาเดี๋ยวจะส่งผลให้ตอนท้ายเกมมีปัญหาติดขัด หรือไม่อยากมาเสียเวลาฟาร์มของใหม่ตั้งแต่แรก หรือถ้าเลวร้ายก็อาจจะถึงขั้นต้องสร้างตัวใหม่ถ้าเกิดว่าตัวที่เล่นอยู่ไม่ถูกใจในภายหลัง เรามาดู 10 ทริคที่ผมเตรียมมากันดีกว่า เผื่อจะช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างสะดวกขึ้นครับ

1. ถ้าเล่นเอาสนุกไม่ควรเลือก Hardcore Mode

ในตอนสร้างตัวละครนั้น จะมีหน้าเมนูหนึ่งให้ติ๊กถูกคือส่วนของ Hardcore Mode ที่จะปรากฎในช่วงท้ายที่ตกแต่งตัวละครเสร็จ ตรงจุดนี้จะเป็นการยอมรับว่า ถ้าตัวละครของเพื่อน ๆ ตาย ตัวละครตัวนี้จะหายไปตลอดกาล พูดง่าย ๆ คือตายแล้วตายเลยต้องสร้างตัวใหม่ครับ ถ้าเกิดว่าคุณไม่ได้ชื่นชอบการท้าทาย หรือต้องการจะแข่งขันกับ Ranking Challenge ในการเก็บเลเวลกับผู้อื่นในการจารึกชื่อของตัวเองว่าเป็นคนแรกที่เลเวล 100 ด้วยโหมด Hardcore ก็ไม่จำเป็นต้องเลือกตรงจุดนี้ครับ มันเหนื่อยและกดดันเปล่า ๆ ยกเว้นว่าคุณจะชำนาญแล้วอยากท้าทายตัวเองก็ลองสร้างตัวละครใหม่มาเล่นก็ยังไม่สาย แต่เอาเป็นว่าช่วงแรกไม่แนะนำให้กดเท่าไหร่ครับ เล่นเรียนรู้ระบบเกมไปก่อนดีกว่า

2. เลือก World Tier 1 ก่อน แล้วค่อยเพิ่ม Tier ทีหลัง

หลังจากสร้างตัวละครเสร็จแล้ว ก่อนจะเข้าเกมนั้นเราจะสามารถเลือก World Tier ก่อนเข้าเล่นได้ โดย World Tier จะเป็นเรื่องของความเก่งของมอนสเตอร์ภายในเกม แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ซึ่งช่วงแรกคุณจะเลือกได้แค่ 1 กับ 2 เท่านั้น และ World Tier 2 จะยากกว่า 1 พอสมควร แลกกับการได้ EXP +20% และ Gold 15% จากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้ชอบความท้าทายขนาดนั้น อยากเติบโตเร็ว ปลดคอนเทนต์เร็ว แนะนำว่าเลือก World Tier 1 จะเร็วกว่าครับ เพราะว่าสิ่งที่ได้จาก World Tier 2 นั้นไม่ได้รวมอัตราการดรอปของ ของดรอปเท่าเดิมแต่มอนสเตอร์เก่งขึ้น แถม EXP ที่ได้รับจากเควสต์ก็ยังเท่าเดิม ดังนั้นการเลือก World Tier 1 แล้วรีบปลดล็อคม้ามาขี่ และวิ่งทำเควสต์ย่อยหลังจากได้ม้าแล้ว เลเวลจะขึ้นไวมาก ๆ ครับ ส่วนอาชีพที่อยู่ World Tier 2 แล้วคุ้ม คืออาชีพที่มีสกิล AOE แรง ๆ ฆ่ามอนสเตอร์ได้เร็ว ๆ จะคุ้มกว่าอาชีพตีเดี่ยวหรือเคลียร์มอนช้าครับ แต่ย้ำว่า EXP ได้มากขึ้นจากการสู้มอนสเตอร์เท่านั้นนะ

3. ทุกอาชีพเก่งหมด แค่ Barbarian กับ Druid ลำบากหน่อยในช่วงแรก

ในช่วงแรกคุณอาจจะยังสับสนว่าควรจะเล่นอาชีพอะไรดีจากที่มีให้เลือกทั้งหมด 5 อาชีพ พอไปดูคนนู้นคนนี้พูดถึงในออนไลน์ก็มีข้อมูลที่แตกต่างกันหลายเจ้า นั่นเป็นเพราะว่าผู้พัฒนาปรับสมดุลอาชีพแทบจะทุกวันครับ มีการ Buff และการ Nerf ค่อนข้างบ่อยจนตอนนี้กลายเป็นว่าทุกอาชีพสามารถเล่นได้และมีจุดเด่นในแบบของมันแล้ว ทุกอาชีพเก่งหมดแต่มีข้อแม้นิดหน่อยว่า Barbarian กับ Druid อาจจะลำบากหน่อยในช่วงแรก เพราะเป็นอาชีพที่ต้องพึ่งพาไอเทม Legendary ค่อนข้างมาก ต้องมีของพอสมควรถึงจะเก่ง และช่วงแรกอีก 3 อาชีพที่เหลือจะดูหวือหวากว่า แต่ตอนท้ายมอนสเตอร์ก็จะโหดขึ้น เก่งขึ้น จนเรารู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้นครับ แค่วิธีการเล่นจะเป็นคนละสไตล์เท่านั้นเอง

4. ม้า คือสิ่งที่ควรปลดล็อกให้ได้เป็นอันดับแรก

ม้าเป็นสัตว์ขี่ที่จะช่วยเร่งความเร็วให้เราอย่างมากโข แต่ข้อเสียคือกว่าจะปลดม้าได้นั้นก็ปาเข้าไปเนื้อเรื่อง Act 4 แล้ว กว่าจะไปถึงตรงนั้นได้ก็เฉลี่ยเลเวลประมาณช่วง 30-40 แล้วแต่คนว่าใครออกนอกลู่นอกทางมากแค่ไหน หรือเสียเวลาฟาร์มไอเทมนานแค่ไหน โดยหลังจากได้ม้ามาปุ๊บชีวิตจะเป็นอีกแบบนึงเลย ความเบื่อหน่ายจากการเดินทางข้ามแผนที่จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ้าคุณดองเควสต์ย่อยไว้เยอะ ๆ แล้วมาทำทีเดียวหลังจากมีม้าขี่ บอกเลยว่ามันจะเร็วมาก คุณออกนอกเมือง 1 ครั้งเสร็จทีเดียวประมาณ 3-4 เควสต์ แล้วกลับมาส่ง จากนั้นรับใหม่ แล้วออกไปวิ่งเควสต์ใหม่ คุณจะได้รับ EXP จากเควสต์แบบรัว ๆ และเร็วสุด ๆ มันถึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งว่าทำไมควรเลือก World Tier 1 เพื่อจะได้ปลดม้าให้ได้เร็ว ๆ นั่นเอง

5. ไอเทมสีขาว-ฟ้า ขายได้เลย แต่ไอเทมสีเหลือง-ส้ม ย่อยดีกว่า

ในช่วงแรกเราจะมีปัญหาเกี่ยวกับกระเป๋าเต็มอยู่บ่อย ๆ และของแต่ละชิ้นอาจจะไม่น่าเก็บเข้าคลังขนาดนั้น ดังนั้นเราควรเตรียมพร้อมไว้สำหรับช่วง End Game เพราะช่วงท้ายเราจะต้องใช้ทรัพยากรในการโมไอเทมเยอะมาก ซึ่งต้องใช้ทั้งวัตถุดิบและ Gold ในการโมของ โดยเพื่อน ๆ สามารถนำไอเทมระดับ Common (สีขาว) และ Magic (สีฟ้า) ขายลงร้านเพื่อรับ Gold ได้เลยเรื่อย ๆ และของ Rare (สีเหลือง) กับของ Legendary (สีส้ม) ทั้งสองอย่างนี้ให้ย่อยหรือ Salvage เพื่อเอาวัตถุดิบมาเก็บไว้ใช้ในอนาคต ยกเว้นของสีส้มบางชิ้นที่มี Aspect ตามที่เราต้องการ ก็สามารถไปถอด Aspect เก็บไว้ใช้ได้ แต่ถ้าไม่ต้องการก็ย่อยทิ้งไปเลยครับ ในอนาคตจะได้ใช้ทรัพยากรค่อนข้างมาก ย่อยไว้ตั้งแต่ตอนเลเวลน้อย ๆ จะทำให้มีใช้ในช่วงหลัง

6. ไม่ควรเอา Gold ไปซื้อของในร้าน ควรเก็บเงินไว้โมของ

Gold นั้นเป็นค่าเงินภายในเกมที่สามารถหาได้ทั่วไป ไม่ว่าจะดรอปจากมอนสเตอร์ ได้รับจากเควสต์ หรือการขายไอเทมเข้าร้าน NPC ต่าง ๆ แต่ในช่วงแรกที่เราเล่นเกมนี้คอนเทนต์จะยังไม่ปลดมาก เราอาจจะรู้สึกงงว่าควรเอา Gold ไปทำอะไรดี เพราะดู ๆ แล้วก็ไม่รู้จะใช้ทำอะไร แถมในร้านขายอาวุธกับชุดเกราะก็ยังมีของให้เลือกซื้อ แต่อยากจะแนะนำว่าของที่อยู่ในร้านค้าไม่ใช่ของที่ดีเสมอไป แล้วสุดท้ายเราก็จะเจอของดรอปที่ดีกว่าอยู่ดี ดังนั้นไม่ควรใช้ Gold ในการซื้อของตรงนี้เลยครับเพราะราคามันแพงมาก สู้เก็บเงินไว้ใช้โมของในช่วงหลังจะดีกว่า เพราะการโมของนั้นต่อให้คุณจะเก็บเงินไว้มากแค่ไหน มันก็ยากที่จะพอใช้ครับ เก็บ Gold ไว้ให้มากที่สุดจะได้ไม่ต้องออกไปฟาร์มของมาขายในเวลาที่ต้องใช้

7. ถ้าอยากตีบวกในช่วงแรก ไม่ควรเกิน +2 หรือ +3

ถ้าคุณรู้สึกว่าอุปกรณ์ของคุณมันเริ่มที่จะสู้ยากแต่ของดี ๆ ก็ไม่ดรอปมาให้คุณสักที ดังนั้นคุณจึงมีความรู้สึกว่าอยากจะตีบวกอุปกรณ์ขึ้นมาสักนิดเผื่อว่าจะทำให้สู้มอนสเตอร์ง่ายขึ้น ก็แนะนำว่าให้ตีบวกไม่เกิน +2 เพราะมันจะใช้วัตถุดิบสีขาวอย่าง Rawhide หรือ Iron Chunks และขั้นที่สองเป็นสีฟ้าอย่าง Superior Leather และ Silver Ore ทั้งวัตถุดิบสีขาวและฟ้านี้สามารถหาได้ง่ายจากการ Salvage และใช้ Gold ค่อนข้างน้อยสำหรับการตีบวก 2 ขั้นแรก หรือถ้าเพื่อน ๆ เงินเหลือเยอะและทรัพยากรเยอะ ก็ไม่ควรเกิน +3 ซึ่งต้องใช้วัตถุดิบสีทองอย่าง Veiled Crystals และใช้ Gold มากกว่าการตีบวก 2 ขั้นแรกมาก ๆ แต่สำหรับ +4 ขึ้นไปนั้นไม่แนะนำ เพราะมันใช้วัตถุดิบที่หาได้จากการย่อย Legendary เท่านั้น จะหายากกว่ามาก

8. ช่วงเลเวล 50 ขึ้นไปค่อยเริ่มโมของให้ดี

หลายคนอาจจะมีข้อสงสัยว่า ให้เก็บทรัพยากร เก็บเงินไว้เยอะ ๆ อย่าเพิ่งตีบวกจริงจังไปเรื่อย ๆ แล้วควรจะเริ่มโมของเมื่อไหร่ โดยส่วนตัวแล้วแนะนำในช่วงเลเวล 50 เป็นต้นไปครับ เพราะว่าเลเวล 50 จะเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง เช่น Skill ที่ใช้เล่นเริ่มอยู่ตัวแล้ว, มีระบบ Paragon โผล่มาให้เห็นภาพรวมว่าควรเล่นไอเทมแบบไหน, นอกจากนี้ยังปลดล็อค World Tier 3 ที่ใช้ฟาร์มของระดับสูง ๆ ได้ง่ายขึ้น ทำให้เรามีตัวเลือกในการได้รับไอเทมดี ๆ มากยิ่งขึ้น เมื่อเราฟาร์มไอเทมมาได้ก็เริ่มจะเห็นของที่มีออปชั่นตรงสายมากขึ้นนั่นเอง พอเราได้ของที่ชอบแล้วก็ทำการโมให้เต็มที่ครับ แล้วใช้ยาว ๆ จนกว่าจะมีของที่ดีกว่าจริง ๆ แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นอย่าง ๆ ไปก็ไม่เสียหาย

9. สามารถรีดันเจี้ยนได้เพียงแค่การออกเข้าเกมใหม่

สำหรับเพื่อน ๆ ที่เป็นสายฟาร์มและอาจจะมีความขี้เกียจเดินไปเรื่อย ๆ แบบไร้จุดหมาย บางคนอาจจะเจอดันเจี้ยนที่เข้าทางสายอาชีพที่ตัวเองเล่นว่าผ่านง่าย เดินสะดวก ไม่ลำบาก จบเร็ว และไม่อยากจะฟาร์มกับดันเจี้ยนอื่นแล้ว เกมนี้สามารถรีดันเจี้ยนได้ง่าย ๆ เพียงแค่การกดออกไปหน้าเลือกตัวละครและกดเข้าเกมมาใหม่ครับ ดังนั้นคุณสามารถฟาร์มให้จบดันเจี้ยนเพื่อรับ EXP การเคลียร์ดันเจี้ยน แล้วออกมายืนอยู่หน้าดันแล้วก็รีดันเจี้ยนใหม่ซะ คุณก็สามารถเก็บเลเวลจากดันเจี้ยนเดิม ๆ ที่ง่ายต่อคุณแบบวนลูปได้ไม่จำกัด ยิ่งถ้ามีเพื่อนในปาร์ตี้ช่วยลงดันและได้โบนัส EXP ด้วยอีก 10% แถมยังปั้มยาเอาอีก 5% การเก็บเลเวลของคุณก็จะเร็วขึ้นไปอีก

10. การ Salvage ไอเทมจะทำให้เราได้รับชุดแฟชั่นไว้เปลี่ยนในตู้เสื้อผ้า

ส่วนใครที่เป็นสายแฟชั่นไม่ควรมองข้ามข้อนี้ครับ เนื่องจากว่าไอเทมทุกชิ้นตั้งแต่ระดับ Common ไปจนถึง Legendary นั้นจะมีสกินประจำชุดอยู่ ซึ่งเราสามารถทำการ Salvage ได้เพื่อรับสกินชิ้นนั้นมา แล้วนำไปเปลี่ยนชุดในตู้เสื้อผ้าในโรงแรมได้ โดยไอเทมชิ้นไหนที่ยังไม่เคยมีสกินมาก่อน ในหน้า Salvage กับ NPC Blacksmith นั้น ไอเทมชิ้นนั้นจะมีสัญลักษณ์รูป Pickaxe อยู่บนขวาของไอเทม ถ้าคุณทำการย่อยไอเทมชิ้นนั้นแล้วมันจะไปโผล่ในตู้เสื้อผ้าอัตโนมัติ แล้วคุณจะสามารถใช้รูปร่างของไอเทมชิ้นนั้นมาสวมใส่เป็นแฟชั่นได้อย่างถาวร โดยที่คุณยังใช้ค่าสเตตัสของไอเทมที่ใส่ปัจจุบันอยู่ด้วย เป็นแค่ภาพลักษณ์ที่เปลี่ยนไปตามความชอบครับ

และนี่ก็คือ “10 ทริคที่ผู้เล่นควรรู้ก่อนเล่น Diablo IV” หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้เล่นใหม่ทุกคนที่กำลังเล่นเกมนี้อยู่ด้วยนะครับ ส่วนใครที่เล่นกันมาสักพักหนึ่งแล้วก็หวังว่าจะช่วยเติมเต็มความรู้ในส่วนที่ขาดไปได้นะครับ และสุดท้ายก็ขอให้เล่นเกมนี้อย่างสนุกสนานครับ