ผู้เล่นในอเมริกามากกว่าครึ่งซื้อเกมใหม่น้อยกว่า 2 เกมต่อปี

ในยุคที่มีเกมออกใหม่แทบทุกสัปดาห์ หลายคนอาจคิดว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ต้องซื้อเกมกันเป็นประจำ แต่ผลสำรวจล่าสุดกลับเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ผู้เล่นในสหรัฐอเมริกามากกว่า 60% ซื้อเกมใหม่น้อยกว่า 2 เกมต่อปี และตลาดเกมในปัจจุบันกำลังถูกขับเคลื่อนด้วย “กลุ่มผู้เล่นสายเปย์” หรือที่ถูกเรียกว่า Hyper Enthusiasts ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยอมควักกระเป๋าซื้อทุกเกมใหญ่โดยไม่สนราคา

ผู้เล่นเกมในอเมริกาซื้อเกมใหม่น้อยลงต่อเนื่อง

ข้อมูลนี้มาจากผลสำรวจ Future of Video Games (Q3 2025) ของบริษัท Circana โดยนักวิเคราะห์ชื่อดัง Mat Piscatella ซึ่งเปิดเผยว่า ผู้เล่นเพียง 14% เท่านั้นที่ซื้อเกมใหม่อย่างน้อยหนึ่งเกมต่อเดือน ขณะที่กว่า 60% ของผู้เล่นซื้อเกมใหม่น้อยกว่า 2 เกมต่อปี

Piscatella ระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยอดซื้อเกมใหม่น้อยลง มาจากหลายสาเหตุ เช่น

• ภาวะเศรษฐกิจที่ทำให้คนใช้จ่ายระมัดระวังขึ้น
• การเติบโตของเกมแนว “เล่นได้ยาวนาน” เช่น Fortnite, Roblox, Genshin Impact ซึ่งสามารถมอบประสบการณ์เต็มรูปแบบโดยไม่ต้องซื้อเกมใหม่
• และแนวโน้มที่ผู้เล่นหันไปใช้เวลาและเงินกับเกมฟรีที่มีระบบเติมเงินในเกมแทน

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ผู้เล่นจำนวนมากเลือก “เล่นเกมเดิม” ที่สามารถอัปเดตและมีกิจกรรมต่อเนื่อง แทนที่จะเสียเงินซื้อเกมใหม่ราคาเต็ม

อย่างไรก็ตาม แม้จำนวนผู้ซื้อลดลง แต่รายได้ของอุตสาหกรรมเกมยังไม่หายไปไหน เพราะ กลุ่ม Hyper Enthusiasts หรือผู้เล่นที่ “ไม่แคร์ราคา” และพร้อมจ่ายเต็มจำนวนเพื่อเกมใหม่ทุกเกม คือกลุ่มที่ยังคงขับเคลื่อนตลาดอยู่

ซึ่งทาง Piscatella อธิบายว่า “เหตุผลที่เรายังเห็นจอยเกมพรีเมียม รุ่นโปร เครื่องเกมราคาสูง และ Collector’s Edition มูลค่าสูง เพราะกลุ่มผู้เล่นที่มีรายได้สูงและไม่สนราคานี่แหละ คือกลุ่มที่ยังใช้จ่ายต่อเนื่อง ในขณะที่ผู้เล่นทั่วไปหันไปเล่นเกมฟรีมากขึ้น”

นอกจากนี้ รายได้หลักของบริษัทเกมรายใหญ่ก็เปลี่ยนทิศทางอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ Sony ที่รายงานว่า รายได้จาก “การซื้อของในเกม (Microtransactions)” ตอนนี้สูงกว่ายอดขายเกมเต็มรูปแบบเสียอีก ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายบริษัทจึงหันมาทำเกมแนว Live Service มากขึ้น เพื่อรักษาผู้เล่นและรายได้ในระยะยาว

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามข่าวทั้งหมดของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<