หนุ่มไทยฝีมือเจ๋งเผย ‘ได้เป็นอนิเมเตอร์ Final Fantasy XVI เพราะเฮีย Cloud’
จากความประทับใจในวัยเด็ก ผลักดันให้ทำตามฝันจนเป็นจริง
ต้องยอมรับว่าการพัฒนาเกมสักเกมหนึ่งจะต้องใช้ทีมงานมากหน้าหลายตา โดยเมื่อก่อนอาจจะมีการจำกัดทีมพัฒนาเป็นแค่คนในประเทศ แต่ในปัจจุบันที่โลกกว้างขึ้น และความสามารถของบุคคลในหลาย ๆ ประเทศก็พัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะประเทศไทย ทำให้ในหลาย ๆ ครั้งเราจะได้เห็นชื่อคนไทยไปมีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย
ล่าสุดอนิเมเตอร์ชาวไทยที่ชื่อว่าคุณ Surapap Pangsapa ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความดีใจที่ในที่สุด ตอนนี้เขาได้ทำตามฝันแล้วด้วยการเป็นหนึ่งในทีมอนิเมเตอร์ของเกมยักษ์ใหญ่ล่าสุดของ Square Enix อย่าง Final Fantasy XVI ที่เพิ่งวางจำหน่ายไปเมื่อไม่นานมานี้
“ในที่สุด!!!!!! ผมก็มีชื่อบนเกมระดับตำนาน Final Fantasy XVI คำว่าฝันวัยเด็กเป็นจริงเกิดขึ้นในชีวิตของผมเมื่อวัย 32 ปี ตลอด 17 ปี ที่ผ่านมา ผมได้แต่เพ้อฝันว่า ฉันอยากจะทำ ไฟนอลแฟนตาซี สักภาคในชีวิต” คุณ Surapap เขียนโพสต์ไว้ “ย้อนกลับไปเมื่อ 17 ปีก่อน ผมก็ได้ซื้อแผ่นเกม PS1 ไฟนอลแฟนตาซี 7 แต่สุดท้ายก็เก็บเกมเข้ากรุเพราะไม่สนุก”
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาอายุ 15 ปีเขาได้มีโอกาสชมภาพยนตร์อนิเมชั่น Final Fantasy VII: Advent Children ทำให้เขาตัดสินใจกลับมาเล่นเกม Final Fantasy VII อีกครั้ง ซึ่งเขาได้สารภาพว่าเขาหลงรักเกมนี้เข้าอย่างจัง “ผมเล่นจนติด เล่นจนแม่บ่น จนมีอยู่ครั้งหนึ่ง เนื้อเรื่องกำลังมันส์ ผมโกหกแม่ว่า แม่ครับผมรอดูบิ๊กซีนิม่าตอน 4 ทุ่มครึ่ง แม่ไปนอนก่อนเลย แต่หารู้ไม่ว่า ผมแอบเล่นเกมต่อ 55555+ ตอนที่แอบเล่น คือฉากที่ Aerith ตาย เป็นครั้งแรกที่ผม ร้องไห้ให้กับ lowpolygon อินมากกกกกกกกกกก จนผมเล่นจบ และผมก็กลับไปดูหนังอีกหลายรอบ”
จากนั้นพี่ชายของคุณ Surapap ได้จุดไฟในการเป็นอนิเมเตอร์ให้กับเขาด้วยการถามว่า “ชอบ Cloud ชอบเกม Final Fantasy VII แล้วไม่อยากรู้เหรอว่าเขาทำกันยังไง?” ซึ่งเขาก็ตั้งมั่นว่าเขาจะต้องเป็นนักเขียนเกมให้ได้ และเขาก็พยายามหาทางเรียนจนจบมาเป็นอนิเมเตอร์ที่ทำให้ตัวละครมีชีวิตและเคลื่อนไหวได้ และก็มาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานพัฒนาเกม Final Fantasy XVI
อย่างไรก็ตามคุณ Surapap บอกว่าเส้นทางของเขาไม่ง่ายนัก “เส้นทางผมทั้งเคยโดนคนดูถูก มึงมันเพ้อ บลา ๆ ๆ มากมายอุปสรรคทั้งเรื่องการเรียน เกือบโดนรีไทร์ การเงินไม่มีจะกินในแต่ละเดือน” แต่สุดท้ายเขาก็สามารถผ่านทุกอย่างมาได้ก็เพราะคนรักของเขาที่คอยซัพพอร์ตกันมานั่นเอง
ก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจของแฟนเกมคนหนึ่งที่ได้พัฒนาตัวเองจนกลายมาเป็นหนึ่งในทีมงานพัฒนาเกมที่เขารักครับ ผู้อ่านล่ะครับเคยมีประสบการณ์คล้าย ๆ แบบนี้บ้างหรือไม่มาคอมเมนต์เล่าเรื่องราวของตนเองได้ที่คอมเมนต์นี้เลยครับ
