ในยุคปัจจุบันวงการเกมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการให้ความสำคัญกับเกมแบบเล่นคนเดียวที่มีเนื้อเรื่องและตอนจบที่ชัดเจน เปลี่ยนไปเป็นเกมแนว live service หรือเกมที่เน้นบริการออนไลน์เป็นหลัก เช่น Fortnite, Apex Legends, และเกม MMORPG ซึ่งโดดเด่นเรื่องการเล่นหลายคนที่มีการพัฒนาเนื้อเรื่องของเกมอย่างต่อเนื่องผ่านการอัปเดตและอีเวนท์ต่างๆ อย่างเกม World of Warcraft หรือ Final Fantasy 14
ผลจากการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกมแบบดั้งเดิมที่เน้นเนื้อเรื่อง ตัวละคร การเล่าเรื่องที่ชวนติดตาม กำลังเสี่ยงที่จะถูกบดบังจากความนิยมของเกมแนว live service ซึ่งมีจุดเด่นเรื่องการเล่นซ้ำๆ ได้ไม่รู้จบ การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่น และเป็นแหล่งรายได้หลักสำหรับผู้พัฒนาและผู้ให้บริการเกม ซึ่งคุณ Kim Hyung Tae ผู้กำกับเกม Stellar Blade ที่กำลังจะวางขายบนแพลตฟอร์ม Playstation 5 ได้ออกมาเน้นย้ำถึงความสำคัญของเกมคอนโซลแบบเล่นคนเดียวที่มีตอนจบชัดเจน
“ตลาดเกมของเกาหลีใต้เน้นไปที่เกมมือถือเป็นหลัก ทำให้ค่ายเกมส่วนใหญ่พัฒนาเกมโทรศัพท์มากกว่า” Game Director Hyung-Tae Kim กล่าว “เรารู้สึกว่าเกมคอนโซลแบบเล่นคนเดียวที่มีตอนจบชัดเจนยังคงสำคัญและมีคุณค่าอยู่ เราจึงหวังว่า Stellar Blade จะเป็นเกมที่จุดประกายให้ผู้พัฒนาเกาหลีรายอื่นๆ ได้เห็นถึงศักยภาพและเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เกมแนวนี้ต่อไป”
คุณ Kim Hyung Tae ยังแสดงความกังวลว่าการประสบความสำเร็จด้านยอดขายจะทำได้ยากขึ้นไปอีก เพราะต้นทุนในการพัฒนาเกมมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเขาเชื่อว่าความหลากหลายเป็นคุณสมบัติเด่นของวงการเกม และตลาดยังคงต้องการเกมแบบเล่นคนเดียวอย่าง Stellar Blade ควบคู่ไปกับแนวอื่นๆ ต่อไป
“นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้พวกเรา Shift Up จะยังคงพัฒนาเกมคอนโซลต่อไป เรามีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะสร้างสรรค์เกมที่ทำให้ผู้เล่นสนุกกับการเล่น และรู้สึกประทับใจหลังจากเล่นจบ” เขากล่าว
