แฟน ๆ เห็นด้วยมั๊ย? แว่วมาว่า SEGA จะผลักดันให้ Persona เป็นเกมรายปี

Persona ถือได้ว่าเป็นแฟรนไชส์เกมที่มีผู้เล่นจำนวนมากชื่นชอบ ทำให้ในช่วงหลังมาเราจะได้เห็นการผลักดันให้มีเกมใน IP นี้ออกมาให้เราได้เล่นกันอยู่เรื่อย ๆ โดยล่าสุดมีข่าวแว่ว ๆ มาว่า SEGA วางแผนให้ Atlus พัฒนาเกมซีรีส์ Persona ออกมาวางจำหน่ายทุกปี!

Persona เป็นเกมรายปีจะดีหรือไม่?

ข่าวนี้มาจาก Midori เจ้าของข้อมูลหลุดชื่อดัง โดยเขาอ้างว่า SEGA ยกซีรีส์ Persona ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์หลัก ร่วมกับ Like a Dragon และ Sonic “แผนปัจจุบันของ Sega คือการเปลี่ยนซีรีส์ Like a Dragon, Persona และ Sonic ให้กลายเป็นแฟรนไชส์ประจำปี ด้วยการมีคอนเทนต์ที่หลากหลายเช่น รีเมค  รีมาสเตอร์  เนื้อหาเสริม DLC  และสื่ออื่น ๆ” อย่างไรก็ตาม Midori คาดเดาว่าการปรับเปลี่ยนนี้จะไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ

แม้ว่าจะเป็นข่าวลือ แต่ก็เป็นข่าวลือที่ดีมาก ๆ เพราะหาก SEGA มีแผนนี้จริงก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความสำเร็จของ Persona ที่ก้าวกระโดดไกล แต่แผนการนี้ก็น่าเป็นห่วงอยู่เล็กน้อย โดยทาง Push Square ได้ระบุว่าเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วเกมซีรีส์ Persona ออกวางจำหน่ายค่อนข้างน้อย แต่ตอนนี้กลับมีแนวโน้มที่จะรีดเค้นแฟรนไชส์นี้ออกมาบ่อยเกินไป

นอกจากนี้ Push Square ยังอธิบายเพิ่มเติมว่าหากแผนการของ SEGA เป็นจริงไม่ได้หมายความว่าผู้เล่นจะได้เล่นเกม Persona ภาคหลักภาคใหม่ทุก 12 เดือน แต่เราจะเห็นเกมแยกภาคต่าง ๆ ของ Persona ออกมาวางจำหน่ายมากขึ้น

 “ความจริงก็คือ Persona 5 ประสบความสำเร็จอย่างมาก และส่งผลต่อเกมอื่น ๆ ใน IP นี้ด้วย และ SEGA ต้องการดึงดูดผลตอบรับนั้นให้นานที่สุด” Push Square ระบุ “ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ Persona 3 Reload ที่เพิ่งวางจำหน่ายไป ทำลายสถิติยอดขายได้อย่างสวยงาม”

ในขณะเดียวกัน Persona 3 Reload เป็นการรีเมคของ Persona 3 พร้อมด้วยการปรับปรุงกราฟิกใหม่และระบบแบทเทิลที่ทันสมัยมากยิ่งขึ้น พร้อมกันนี้ก็จะมีการให้เสียงพากย์ตัวละครภาษาอังกฤษใหม่ด้วยเช่นกัน โดยจะมีการอ้างอิงเนื้อหาคอนเทนต์จากเกมภาคต้นฉบับบน PlayStation 2 โดยไม่ได้รวมอยู่ในชุด FES หรือ Portable แต่อย่างใด ทว่าก็จะมีการนำเสนอเนื้อหาอีเวนต์ใหม่ ๆ และเพลงประกอบที่ไม่มีในภาคต้นฉบับด้วยเหมือนกัน

เกมภาคต้นฉบับนี้วางจำหน่ายครั้งแรกบน PlayStation 2 ในปี 2006 เป็นเกมแนว JRPG ผสมผสานเทิร์นเบส ผู้เล่นจะได้ติดตามเรื่องราวของกลุ่มเด็กที่ไปพบความลับเกี่ยวกับชั่วโมงพิศวงหลังเลิกเรียนที่เชื่อกันว่าเป็นดินแดนคาบกลางระหว่างความเป็นและความตาย นอกเหนือจากเกมเพลย์ตะลุยด่านแฟนตาซีแล้ว ยังมีองค์ประกอบการใช้ชีวิตประจำวันของนักเรียนทั่วไป ซึ่งการประกาศครั้งนี้ก็ต้องบอกเลยว่าตรงเผงกับที่มีรายงานในช่วงต้นปีที่ว่าเกมจะใช้ชื่อภาค R และมีคอนเทนต์บางส่วนถูกตัดออก (นั่นคือเนื้อหาจาก FES)