หนุ่มญี่ปุ่นถูกจับหลังขู่เผาศาลเจ้า 800 ปี เหตุไม่พอใจรูปโปรไฟล์ AI สาวอนิเมะ
ส่งอีเมลข่มขู่เจ้าหน้าที่ หลังศาลเจ้าสนับสนุนงานศิลปะ AI
เกิดเหตุการณ์ชวนตกใจในญี่ปุ่น เมื่อมีรายงานว่า The Sankei Shimbun ชายวัย 38 ปีถูกจับกุมหลังส่งอีเมลข่มขู่จะเผาศาลเจ้าชื่อดังในเกียวโต เพียงเพราะไม่พอใจที่ศาลเจ้าใช้ภาพสาวอนิเมะที่สร้างจาก AI เป็นรูปโปรไฟล์บนโซเชียลมีเดีย กลายเป็นประเด็นร้อนที่สะท้อนความขัดแย้งระหว่างเทคโนโลยี AI และแนวคิดอนุรักษ์ศิลปะดั้งเดิม
ศาลเจ้า Kurumazaki ใช้ภาพสาวอนิเมะจาก AI จุดชนวนความโกรธ จนกลายเป็นคดีขู่ฆ่า
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับ ศาลเจ้า Kurumazaki ในเมืองเกียวโต ศาลเจ้าที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี และขึ้นชื่อเรื่องการอุทิศให้กับวงการศิลปะและความบันเทิง โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ศาลเจ้าได้อัปโหลดภาพสาวอนิเมะในชุดมิโกะ (หญิงรับใช้ศาลเจ้า) ซึ่งสร้างขึ้นจาก AI ลงในโปรไฟล์ของบัญชี X
แม้ภาพดังกล่าวจะดูน่ารักตามสไตล์อนิเมะญี่ปุ่น แต่กลับสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียจำนวนมาก โดยหลายคนมองว่าศาลเจ้าที่ควรเป็นแหล่งอนุรักษ์ศิลปะแท้ กลับหันไปสนับสนุนเทคโนโลยี AI ที่กำลังเป็นประเด็นถกเถียงในแวดวงศิลปิน ทำให้ศาลเจ้าต้องลบบัญชี X ทิ้งทันทีในวันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม กระแสความไม่พอใจยังไม่จบลงแค่นั้น เพราะต่อมาศาลเจ้าได้รับ อีเมลข่มขู่หลายสิบฉบับ หนึ่งในนั้นมาจากชายวัย 38 ปีที่ตกงาน โดยเขาส่งข้อความว่า “ศาลเจ้าบ้า ๆ ของพวกแกจะถูกเผาไหม้ในกองเพลิง!” พร้อมแนบภาพเปลวไฟ และในอีกข้อความยังขู่ว่าจะ “กระทืบเจ้าหน้าที่ศาลเจ้าจนตาย”
ตำรวจจึงเข้าจับกุมชายคนนี้ในเดือนกรกฎาคม และเขาได้ยอมรับว่าเป็นผู้ส่งข้อความจริง โดยให้เหตุผลว่า “โมโห” ที่ศาลเจ้าให้การสนับสนุนงานศิลปะจาก AI ทั้งที่ตนไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับศาลเจ้าเลย
ไม่เพียงแค่เจ้าหน้าที่ศาลเจ้าเท่านั้นที่ตกเป็นเป้า ศิลปินผู้สร้างภาพสาว AI ที่เป็นชนวนเหตุ ก็ยังถูกข่มขู่เช่นกัน โดยมีคนส่งข้อความเรียกเงิน 3 ล้านเยน และข่มขู่ว่าจะฆ่าหากไม่ยอมมอบเงิน ศิลปินรายนี้ได้แจ้งตำรวจทันที
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นร้อนในวงการศิลปะที่กำลังเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่ให้คุณค่ากับศิลปะดั้งเดิมและวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง การที่ศาลเจ้าเก่าแก่เลือกใช้ภาพจาก AI อาจถูกมองว่า “บิดเบือน” ความศักดิ์สิทธิ์และวิถีดั้งเดิมของศิลปะ ทำให้ผู้คนบางกลุ่มแสดงออกด้วยความไม่พอใจ แม้จะไม่ควรใช้ความรุนแรงเป็นทางออกก็ตาม
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดอาจไม่ใช่ว่า “ใคร” สร้างผลงาน แต่อยู่ที่ “เราจะอยู่ร่วมกับมันอย่างไร” โดยไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งบานปลายกลายเป็นภัยต่อสังคมอย่างที่เกิดขึ้นในกรณีนี้
ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามข่าวทั้งหมดของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<
