ยอดวิว Never Gonna Give You Up ทะลุพันล้านวิวแล้ว
อีกหนึ่งเพลงอมตะที่เหล่าชาวเน็ตโดนแกงมาอย่างยาวนาน
เพื่อนๆ เคยดู Music Video ที่มีศิลปินผมส้มๆ กำลังเต้นแร้งเต้นกาพร้อมทำนองเพลงสุดติดหูไหมครับ ถ้าใช่ล่ะก็เพื่อนๆ น่าจะเป็นชาวเน็ตที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันโชกโชน ที่เคยถูกหลอกด้วยเพลงๆ นี้จนหลอนหูนับครั้งไม่ถ้วน เพราะถ้ายังจำกันได้ในช่วงเวลาหนึ่งเพลง Never Gonna Give You Up มักถูกนำมาใช้คู่กับเหยื่อล่อในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งชื่อคลิปสายเรียกยอดคลิ๊กอย่าง Footage ของเกมที่ไม่เคยถูกเผยที่ไหนมาก่อน, คลิปลับคลิปหลุดของดารา ไปจนถึงเรื่องล่อเป้าอื่นๆ อีกมากมาย และด้วยความกวนบาทาของเหล่าชาวเน็ตที่ได้นำเพลง Never Gonna Give You Up มาใช้อยู่บ่อยครั้งทำให้ในเวลานี้เพลง Never Gonna Give You Up ของ Rick Astley ก็มียอดวิวทะลุพันล้านเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากที่เราแสดงความยินดีกับผลงานของ Rick Astley เรามาทำความรู้จักกับ Rickroll กันสักหน่อย Rickroll คือมีมสไตล์ bait-and-switch ที่มักจะใช้ในการ bait หรือล่อผู้ที่สนใจให้กดเข้ามาดูในวิดีโอหรือลิงค์ต่างๆ ที่คนแกล้งได้ทิ้งทวนไว้ แต่แทนที่วิดีโอหรือลิงค์ๆ นั้นจะมีประโยชน์หรือมอบสิ่งที่ต้องการให้กับผู้เข้าชม พวกเขากลับถูกหลอกและต้องมานั่งฟังเพลง Never Gonna Give You Up ของ Rick Astley แบบงงๆ และด้วยความง่ายในการใช้งานของมันนี้เองทำให้การ Rickroll แพร่ระบาดบนโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว พิสูจน์ได้จากจำนวนยอดรับชมบน Youtube ที่พุ่งสูงอย่างไม่หยุดยั้งแม้ว่าวิดีโอจะถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2009 แล้วก็ตาม
สำหรับจุดเริ่มต้นของมีมแบบ bait-and-switch และการ Rickroll เริ่มมาจากเว็บไซต์แดนสนธยา 4chan ที่เริ่มมีการนำมีมรูปแบบนี้มาใช้ใน imageboard ของเว็บไซต์โดยในตอนแรกมีมดังกล่าวมีชื่อว่า Duckroll ที่ผู้แกล้งจะมีการทิ้งลิงค์พร้อมชื่อกำกับสุดล่อเป้า และหลังจากที่มีผู้โชคร้ายโดนหลอกพวกเขาจะพบกับภาพเป็ดติดล้อตามชื่อ Duckroll ส่วนทางด้านของ Rickroll อ้างอิงจาก m00t ผู้ก่อตั้ง 4chan Rickroll มีจุดเริ่มต้นในเดือนพฤษภาคมปี 2007 ที่ได้มีคนๆ หนึ่งโพสต์ลิงค์พร้อมชื่อกำกับว่านี่คือภาพชุดแรกของ Grand Theft Auto IV เกมภาคใหม่ของซีรี่ส์ GTA ที่เหล่าแฟนเกม Hype กันอย่างหนักในเวลานั้น แต่ลิงค์ดังกล่าวกลับพาผู้ที่กดเข้ามาไปยัง Music Video Never Gonna Give You Up ของ Rick Astley ส่งผลให้ในเวลาต่อมาการ Rickroll ได้กลายเป็นวิธีแกล้งยอดนิยมในหมู่ชาว Anon และได้แพร่กระจายบนโลกอินเตอร์เน็ตตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
