ในตอนนี้ทุกคนคงทราบแล้วว่า Henry Cavill นักแสดงที่มารับบท Geralt of Rivia จากซีรีส์ The Witcher ของ Netflix ได้ประกาศถอนตัวออกจากซีรีส์เป็นที่เรียบร้อย โดยซีซั่น 3 จะเป็นซีซั่นสุดท้ายของเขา ซึ่งเขาไม่ได้ออกมาเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริงในการถอนตัว ทำให้ในตอนนี้แฟน ๆ พยายามขุดคุ้ยเรื่องราวทั้งหมดว่า ‘สาเหตุที่ Cavill ถอนตัวจากซีรีส์’ คืออะไรกันแน่
เริ่มต้นจากตอนนี้แฟน ๆ ได้ชี้ไปที่คำพูดสัมภาษณ์ครั้งก่อนโดย Cavill ได้ระบุว่าเขาต้องการที่จะรักษาภาพลักษณ์ของ Geralt ใน Netflix ให้เหมือนกับนิยายให้มากที่สุด ซึ่งทางนักแสดงได้บอกไว้ว่า เขา “มุ่งมั่น” ที่จะแสดงให้ครบทั้ง 7 ซีซั่นตราบเท่าที่ซีรีส์นี้ให้เกียรติแก่งานของ ผู้เขียน Andrzej Sapkowski
และในระหว่างการทัวร์สื่อรอบซีซั่นที่ 2 ของปีที่แล้ว Cavill พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อนำ Geralt ที่มีมิติมากยิ่งขึ้นโดยเขาระบุว่า “ในฤดูกาลนี้ ผมอยากแน่ใจว่าเราจะนำเสนอภาพลักษณ์ของ Geralt ได้แม่นยำยิ่งขึ้น และเห็นเขาพูดมากขึ้น”
จากนั้นก็มีความเห็นของผู้กำกับอย่าง Lauren Hissrich เกี่ยวกับการเตรียมตัวของ Cavill สำหรับซีซั่นที่ 2 โดยเธอระบุว่า “มีบันทึกมากมายที่เขาส่งถึงฉันเกี่ยวกับบทสนทนาของ Geralt ซึ่งอย่างแรกที่เขาพูดถึงก็คือ เขาอยากให้ตัวละครนี้พูดมากกว่านี้” เธอบอกกับ Hollywood Reporter ในขณะที่ Henry ได้ให้สัมภาษณ์กับ Netflix Geeked ว่า “ผมเป็นแฟนตัวยงของหนังสือและภักดีต่อหนังสือเหล่านั้น และมันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้เรื่องราวนั้นไม่เปลี่ยนแปลงไปมากจนเกินไป”
ข้อคิดเห็นของแฟน ๆ บางคนจาก soundbytes ได้ระบุว่า Hissrich มุ่งเน้นไปที่การกำกับให้เรื่องราวไปในทิศทางที่เธอต้องการ ในขณะที่ Cavill เป็นคนเดียวที่สนใจในการพยายามทำให้มีพื้นฐานอยู่ในเวอร์ชั่นดั้งเดิมของตัวละคร
จริง ๆ แล้วยังมีข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นนี้อีกมากมายที่มีการพูดคุยกัน แต่ผู้คนส่วนใหญ่จะเห็นพ้องต้องกันว่า “ความพิสดารที่เกิดขึ้นในซีรีส์ ไม่ว่าจะเป็นการคัดนักแสดงผิวสีมาเล่นบทคนผิวขาว , การสังหารตัวละครสำคัญแบบไม่จำเป็น รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวหลาย ๆ ส่วนทำให้ Cavill มองว่าผู้กำกับไม่เคารพต่อผลงานดั้งเดิมจนทำให้เขาถอนตัวไปนั่นเอง” ซึ่งความจริงเป็นอย่างไรก็ไม่อาจทราบได้ แต่สิ่งที่เราทราบก็คือในตอนนี้ The Witcher ซีซั่น 4 จะได้ Liam Hemsworth มารับบทแทน Henry Cavill ครับ
