[มีสปอยล์] 10 Easter Eggs ที่ปรากฎใน HBO’s The Last of Us

The Last of Us ของ HBO ได้ฉายอย่างเป็นทางการแล้ว และในเวลานี้ซีรีส์เรื่องนี้ก็ได้รับคำชื่นชมจำนวนมาก และแน่นอนว่าเมื่อเป็นซีรีส์ที่พัฒนามาจากเกม เราก็มักจะได้เห็น Easter Eggs ที่แอบซ่อนอยู่เสมอ และในวันนี้ผู้เขียนได้รวม 10 Easter Eggs ที่ปรากฎในซีรีส์มาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ

อนึ่งบทความนีจะมีสปอยล์เนื้อหาจากซีรีส์ตอนที่ 1 และเกม The Last of Us Part I หากใครไม่อยากโดนสปอยล์ขอให้เลี่ยงบทความนี้ไปก่อนนะครับ

1. เสื้อวง Halican Drops

Halican Drops เป็นชื่อของวงดนตรีบนเสื้อยืดที่ Sarah ลูกสาวของ Joel สวมใส่ในตอนเริ่มซีรีส์ รวมไปถึงในเกม แม้ว่าวงดนตรีนี้จะไม่ได้มีส่วนสำคัญในเกมเท่าไหร่ แต่ด้านหลังของเสื้อกลับเป็นการบอกใบ้สถานที่ที่ Ellie และ Joel จะไปเยือนตลอดการเดินทางของพวกเขา

2. การใช้มุมมองกล้องคล้ายกับเกม

เมื่อ Joel , Tommy และ Sarah พยายามหลบหนีจากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ในช่วงที่เกิดความโกลาหลจากการระบาดครั้งแรก ผู้กำกับซีรีส์ได้ใช้มุมกล้องอย่างชาญฉลาดเพื่อทำให้ซีรีส์ The Last of Us รู้สึกเหมือนเรากำลังเล่นเกมอยู่ โดยในช็อตดังกล่าวทำให้เรารู้สึกเหมือนกับว่าเราเล่นเป็น Sarah อยู่ ณ จุดนั้น

3. ฉากตอนตื่นของ Sarah

Sarah ได้ตื่นขึ้นมาในห้องนอนของเธอกลางดึกซึ่งจุดนี้ก็เหมือนกันทั้งในเกมและรายการทีวี เธอเดินโซเซอย่างงัวเงียในความมืดเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น โดยในเกมคุณจะได้ควบคุม Sarah มองผ่านบ้านของเธอในความมืด จากนั้นผู้ติดเชื้อบุกเข้ามาทางประตูกระจก แต่ Joel ยิงเขา ก่อนที่พวกเขาจะวิ่งออกไปข้างนอก และ Tommy ก็ปรากฏตัวทันเวลาพอดี ในขณะที่ซีรีส์ Sarah ตื่นขึ้นมาเพียงลำพัง จากนั้นเธอกลับไปที่บ้านของเพื่อนบ้านและพาสุนัขที่หวาดกลัวกลับบ้าน แต่เธอก็ได้เห็นหญิงชราที่ติดเชื้อกำลังกินเนื้อเพื่อนร่วมบ้านของเธอ ฉากนี้สร้างความน่าสะพรึงกลัวของผู้ติดเชื้อด้วยวิธีที่ต่างออกไปแต่ก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน อย่างไรก็ตามยังมีการอ้างอิงเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่น่าประทับใจเกี่ยวกับฉากตื่นนอนของเกม ซึ่งมีการ์ดวันเกิดที่ Sarah มอบให้ Joel (คุณสามารถหยิบและตรวจสอบไอเทมนี้ได้) ในขณะที่ในซีรีส์การ์ดนั้นอยู่บนโต๊ะของ Sarah นั่นเอง

4. ประแจของ Joel

ทอมมี่และโจเอลไปที่บ้านของเพื่อนบ้านขณะที่ซาร่าห์กำลังถูกหญิงชราที่ติดเชื้อทำร้าย แต่โชคดีที่ Joel มีอาวุธที่น่าเกรงขามซึ่งก็คือ ประแจอันยักษ์ ซึ่งประแจนั้นดูน่าจะมีประโยชน์มากในขณะที่พวกเขากำลังหลบหนีจากเมือง แต่ Joel กลับทำมันตกซะอย่างนั้น สำหรับหลายคนกำลังแปลกใจว่าทำไมเขาไม่เก็บไว้ดี ๆ หากมองในมุมมองของเกม นี่คือการแสดงความเคารพที่มีต่อเกม เพราะในเกมทั้ง 2 ภาคอาวุธโจมตีประชิดนั้นจะมีการโจมตีที่จำกัดจำนวนครั้ง และมันก็จะเสียหายจนใช้งานไม่ได้นั่นเอง

5. Marlene ตัวจริง!

เสียงของ Marlene ในซีรีส์อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกคุ้นหูอยู่พอสมควร นั่นเป็นเพราะนักแสดงคนที่รับบทเป็น Marlene ในซีรีส์ คือ Merle Dandridge ผู้พากย์เสียง Marlene ใน The Last of Us Part 1 และ The Last of Us Part 2 นั่นเอง

6. ตัวอักษรที่ถูกพ่นบนกำแพง

กราฟฟิตีบนกำแพงที่มีข้อความว่า “เมื่อคุณหลงทางในความมืด จงมองหาแสงสว่าง” ในภาพนิ่งจาก The Last of Us ซีซั่น 1 ปรากฏขึ้นหลายครั้งในซีรีส์ ซึ่งประโยคนี้เราจะได้เห็นภายในเกมด้วยเช่นกัน เพราะประโยคนี้เป็นคำขวัญของกลุ่ม Fireflies ซึ่งเป็นกลุ่มปฏิวัติ ที่เป็นการรวมตัวของผู้คนที่กำลังต่อสู้กับทหารที่กดขี่ผู้คนในเขตกักกัน

7. ภาพยนตร์ Curtis and the Viper 2

Curtis and the Viper 2 เป็นภาพยนตร์ที่ Sarah หยิบมาจากบ้านของเพื่อนบ้านใน The Last of Us ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่มีอยู่จริง แต่ภาพยนตร์นี้ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่สำคัญอย่างมากโดยเฉพาะในภาคที่ 2 ที่มันถูกนำเสนอในฐานะภาพยนตร์ยุค 80 สุดวิเศษ

8. The Long and Winding Road

เมื่อ Ellie และ Joel กำลังรอให้ Tess สำรวจเส้นทางการหลบหนีออกจากเขตกักกันบอสตัน Ellie หยิบหนังสือเพลงฮิตอันดับ 1 ขึ้นมาพลิกดู ในนั้นมีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกทำเครื่องหมายไว้ ซึ่งมันก็คือรหัสวิทยุสำหรับปฏิบัติการลักลอบขนมนุษย์ของ Joel และ Tess ซึ่งหน้าที่เปิดขึ้นมานั้นจะเชื่อมโยงกับเพลง The Long and Winding Road ของ The Beatles ซึ่งก็จะเชื่อมโยงกับการเดินทางของตัวเอกของเราที่คดเคี้ยวและยาวไกลซึ่งจะพา Ellie และ Joel ไปทั่วสหรัฐอเมริกา

9. ลูกสาวของ BIGWIG

ในฉากเดียวกับที่ Joel และ Ellie กำลังคุยกันเรื่องรหัสวิทยุ Joel เริ่มตั้งคำถามกับ Ellie เกี่ยวกับชีวิตของเธอ โดยประเด็นที่น่าสนใจก็คือทำไม Marlene และ Fireflies ถึงประสบปัญหามากมายในการลักลอบนำเธอออกจากบอสตัน ในเวลาไม่นาน Joel ถามว่า Ellie เป็น “ลูกสาวของ BIGWIG” หรือเปล่า ซึ่ง Ellie ตอบว่า “ประมาณนั้น” โดยบทสนทนานี้ถูกถ่ายทอดมาจากเกมโดยตรงนั่นเอง

10. การหลบหนีจากเขตกักกัน

การหลบหนีของ Ellie , Joel และ Tess จากเขตกักกันในบอสตันมีภาพบางส่วนที่อ้างอิงถึงเกมอย่างชัดเจน โลกที่รกทึบมืดมิดและเต็มไปด้วยรถยนต์และรถประจำทางที่ตัวละครจะต้องคลานลอดผ่านไป แต่มีฉากหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษที่เราจะได้พบเจอใน The Last of Us Part 1: Chapter 3, “The Outskirts” ก็คือเราจะได้เห็นตัวละครคลานผ่านอุโมงค์และซากปรักหักพังมากมาย ทั้งสามคนต้องหลบแสงสปอตไลท์และไฟฉายจากทหารที่เฝ้ากำแพงเขตกักกัน ซึ่งเป็นจุดในเกมที่จำเป็นอย่างยิ่งที่จะผู้เล่นจะต้องระวังให้มากที่สุด โดยในซีรีส์นี้ก็ได้ถ่ายทอดออกมาได้อย่างชัดเจน

The Last of Us ฉบับคนแสดงของ HBO จะได้ Craig Mazin และ Carolyn Strauss ผู้ที่เคยฝากผลงานซีรีส์ Chernobyl มานั่งแท่นผู้อำนวยการผลิตคู่กับ Neil Druckman ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์จาก The Last of Us ส่วนเรื่องราวของ The Last of Us ฉบับคนแสดงจะอิงตามเกมต้นฉบับที่ออกวางจำหน่ายในปี 2013 นั่นคือการผจญภัยของ Joel (รับบทโดย Pedro Pascal) และ Ellie (รับบทโดย Bella Ramsey) ที่ต้องเดินทางข้ามอเมริกาและฝ่าดงผู้ติดเชื้อระบาดที่เกิดขึ้นจากเห็ดชนิดหนึ่ง ซึ่งกลุ่ม Firefly มีความเชื่อว่า Ellie จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาเชื้อโรคนี้ได้ ทำให้ Joel ต้องพาเด็กสาวเดินทางเพื่อภารกิจสำคัญของมนุษยชาติ