7 พฤติกรรมการเล่นเกมที่บ่งบอกว่าคุณอาจแก่แล้ว
เคยเป็นมั้ย ? อายุเยอะขึ้น เลือกเกมเล่นยากขึ้น !
ส่วนมากคนที่เป็นเกมเมอร์เล่นเกมมาโดยตลอดมักจะเป็นคนที่เริ่มเล่นเกมจากช่วงวัยรุ่นไม่ก็ตั้งแต่สมัยยังเด็ก แต่แน่นอนว่าการเล่นเกมมานานขนาดนั้นย่อมเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแนวเกมที่มีแนวใหม่ ๆ โผล่ออกมา แพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาให้ล้ำสมัยมากขึ้น และมีเกมออกใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน นั่นทำให้เราเกิดการเปรียบเทียบสิ่งที่เราเคยพบเจอในอดีตกับเกมที่มีอยู่ในปัจจุบัน บางครั้งพอย้อนกลับมามองตัวเองก็รู้สึกว่าตัวเองก็แก่แล้วเหมือนกันนะ และนี่คือ “7 นิสัยเกี่ยวกับการเล่นเกมที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะแก่แล้ว” จะมีอะไรกันบ้าง ไปชมกันครับ
1. เรื่องมากเกี่ยวกับการเลือกเกมเล่น
พอเราเล่นเกมมาเยอะมากก็ย่อมที่จะมีเกมในดวงใจเป็นเรื่องธรรมดา และเกมในดวงใจนั้นอาจจะไม่ได้มีแค่เกมเดียว ทุกแนวเกมที่เราเคยเล่นอาจจะมีการบันทึกไว้ในใจเราอยู่แล้วว่าถ้าเล่นเกมแนวไหน เกมอะไรคือที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นแนว MOBA เราอาจจะชอบกับ DotA หรือถ้าเป็นแนว FPS เราอาจจะชอบกับ Counter Strike เป็นต้น และการมีเกมแนวเดียวกันโผล่มาใหม่ มันเป็นไปได้ยากมากที่เราจะไม่เอามาเปรียบเทียบกับมาตรฐานในใจเราที่เคยเจอมาก่อนแล้ว ซึ่งไม่ใช่ทุกเกมที่จะชนะมาตรฐานนี้ได้ ก็เลยทำให้เราเลือกเกมเล่นยากขึ้นนั่นเอง เพราะเกมใหม่ ๆ ออกมาแล้วมันไม่ได้แบบที่อยากจะเล่นก็เลยกลายเป็นว่าเลือกเกมเล่นไม่ได้ แล้วสุดท้ายก็เล่นเกมเก่าหรือไม่เล่นไปเลย
2. ตัวละครสวย ๆ หล่อ ๆ ดึงดูดคุณไม่ได้
มองย้อนกลับไปผมเชื่อว่ามีหลายคนเลือกซื้อเกมจากภาพหน้าปก ถ้าปกสวย ตัวละครโดนใจ ก็สามารถซื้อได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องดูเกมเพลย์เลย ต้องยอมรับว่าคาแร็กเตอร์ดีไซน์นั้นกลายมาเป็นสิ่งจำเป็นในการพัฒนาเกมในปัจจุบันไปซะแล้ว แต่สำหรับคนเล่นเกมยุคเก่ามาที่เทคโนโลยีเกมยังไม่มีภาพสวย ๆ ให้เราเล่น บางคนโตมากับยุคโพลิกอน หรือบางคนอาจจะโตมากับยุค Pixel 8 Bit เลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าใครที่เกิดยุคนี้จะมองข้ามเรื่องภาพไปและสนใจในความสนุกแง่อื่น ไม่ว่าจะเป็นเกมเพลย์ เนื้อเรื่อง ซาวด์ประกอบ มากกว่าหน้าตาของตัวละคร หรือต่อให้คุณเป็นผู้เล่นยุคใหม่แต่ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่สนใจความสวยความหล่อของตัวละครแล้วก็แสดงว่าคุณอาจจะแก่แล้วก็ได้
3. เริ่มซีเรียสเรื่องเก้าอี้และโต๊ะเพื่อสุขภาพที่ดี
ในคำกล่าวที่ว่า “เมื่อคุณอายุมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะทำอะไร คุณจะปวดหลัง” อันนี้เป็นเรื่องจริงเลยนะครับ และเกมเมอร์มันไม่ได้มีแค่ปวดหลังเท่านั้น มันมีทั้งปวดเอว ปวดไหล่ ปวดคอ ปวดตา และอื่น ๆ อีกมากมายที่เราเคยมองข้ามไปตอนที่เรายังไม่แก่ เราเคยเล่นเกมหามรุ่งหามค่ำโดยที่นั่งเก้าอี้อะไรก็ได้ นั่งท่าไหนก็ได้ แต่หลัง ๆ คุณจะเริ่มห่วงเรื่องโต๊ะและเก้าอี้ที่คุณนั่งว่ามันถูกสุขลักษณะหรือเปล่า มันจะปวดหลังไหม โต๊ะคอมสูงหรือต่ำกำลังดีไหม แสงในหน้าจอพอดีกับสายตาไหม สีจัดไปหรือเปล่า เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการเล่นเกมของคุณให้ได้มากที่สุด ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนคุณอาจจะไม่ต้องการอะไรเลย ขอแค่ได้เล่นเกมที่ชอบก็พอใจแล้ว ถ้าคุณมาถึงจุดนี้ก็คุณอาจจะแก่แล้วก็ได้ครับ
4. เล่นตามเบสิค จบตามเนื้อเรื่อง แล้วก็พอ
พักหลังเกมที่ออกใหม่ก็มักจะไม่ได้มีให้เล่นแค่เนื้อเรื่องหลักเท่านั้น แต่มันยังมี Side Quest และปริศนาลี้ลับมากมายที่รอคุณได้พิสูจน์มัน ยิ่งเกมมีคอนเทนต์เยอะเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกว่าการซื้อเกมนี้มาเล่นนั้นคุ้มค่า และมันก็ถูกใจบรรดาเหล่าฮาร์ดคอร์เกมเมอร์อย่างถึงที่สุด แต่ถ้าคุณเริ่มรู้สึกปล่อยวางเรื่องเหล่านี้แล้ว แค่เล่นตามเนื้อเรื่องจบแล้วก็พอ ความยากของเกมปรับแค่ Normal ไม่ก็ Easy ไปเลย ไม่ต้องท้าทายความยากขั้นสูงสุด ไม่ต้องมีของเทพก็ได้ ไม่ต้องรู้ทุกอย่างในเกมก็ได้ เกมทำมายังไงก็เล่นแค่นั้น ไม่ต้องคิดค้นวิธีเล่นให้ยาก พอจบเกมแล้วก็คือจบและเราก็พอใจอยู่แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ถ้าคุณถึงจุดนี้คือไม่ใช่แค่แก่แต่ถึงขั้นปลงแล้วล่ะ (555)
5. เล่นเกมนาน ๆ ไม่ไหวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
หลายคนอาจจะเคยเล่นเกมวันละหลายชั่วโมง หรือนั่งหน้าจอได้ทั้งวันโดยที่ยังรู้สึกสบาย ๆ ไม่ว่าจะเล่นที่บ้านหรือเล่นที่ร้านก็ทำได้ทั้งนั้น เกมเมอร์ทุกคนคงจะเคยผ่านจุดนี้มาหมดแล้ว แต่เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งเราจะเริ่มรู้สึกว่าการอยู่ตรงนั้นเพียงอย่างเดียวมันเริ่มไม่ตอบโจทย์ชีวิตเท่าไหร่แล้ว เราจะรู้สึกว่าอยากทำอย่างอื่นบ้าง เช่น ออกไปข้างนอก พบเจอผู้คน พูดคุยกับคนอื่นมากขึ้น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ลืมที่จะลุกขึ้นมาเหยียดแข้งเหยียดขากันบ้าง ไม่ใช่การนั่งอยู่ที่เดิมนาน ๆ โดยไม่ลุกออกมากินข้าวเลยด้วยซ้ำ นั่นอาจเป็นเพราะว่าเราเบื่อกับสิ่งเดิม ๆ ที่เคยทำ หรือไม่ก็รู้สึกว่าร่างกายทำแบบนั้นไม่ไหวแล้ว มันเมื่อย
6. เกมเก่าก็เบื่อ เกมใหม่ก็ขี้เกียจเรียนรู้
ข้อนี้หลาย ๆ คนอาจจะกำลังเป็นอยู่ก็ได้ ในยุคที่เกมออกใหม่ไม่เว้นแต่ละวัน บางเกมก็เป็นแนวเกมเดิม แต่บางเกมก็เป็นแนวใหม่ การมีเกมเก่า ๆ มาเป็น Reference ในหัวก่อนที่จะเริ่มเล่นเกมใหม่ก็จะช่วยให้เราเรียนรู้เกมใหม่ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าเกมนั้นเป็นเกมใหม่แกะกล่องที่ไม่เคยมีใครให้คำนิยามไว้ หรือเราไม่เคยเจอเกมแนวนี้มาก่อนก็จะเป็นเรื่องยากที่จะเรียนรู้ ถึงจะเล่นได้แต่ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งมันอาจจะทำให้คนที่มีเวลาในการเล่นน้อยเลือกที่จะเลิกเล่นเพราะขี้เกียจเรียนรู้ใหม่ แต่จะให้เล่นเกมเก่าก็เบื่อแล้ว การจะหาเกมที่มันอยู่ตรงกลางของตัวเราว่าเป็นแนวที่เราชอบแต่ก็ต้องมีสิ่งใหม่ ๆ ผสมเข้ามาด้วยในสัดส่วนที่ลงตัว มันเป็นอะไรที่หายากขึ้นทุกวันเลยครับ
7. รู้สึกว่าเกมเจนใหม่ไม่เหมาะกับตัวคุณ
คุณเชื่อไหมว่าเกมอะไรที่คุณเล่นเยอะ ๆ ตอนที่ตัวเองเป็นวัยรุ่น หรือเริ่มเล่นเกมจริงจัง 2-3 ปีแรก เกม ๆ นั้นจะเป็นแนวเกมมาตรฐานที่อยู่ในใจคุณไม่เคยเปลี่ยนไป เช่น บางคนโตมากับมาริโอ้ บางคนโตมากับ DotA บางคนอาจจะเป็นวินนิ่ง และเมื่อเวลาผ่านไปคุณก็จะโหยหาเกมที่เป็นแนวทำนองเดียวกันกับเกมที่คุณเคยรู้สึกประทับใจในอดีต นี่เป็นแค่เรื่องของ Software เท่านั้น แม้แต่แพลทฟอร์มของ Hardware ก็เช่นเดียวกัน หลายคนเติบโตมากับ Playstation บางคนโตมากับ PC แต่พอต้องมาเจอเกมมือถืออาจจะรู้สึกว่ามันเล่นได้ไม่ถนัดมือ และสิ่งเหล่านี้ล้วนพัฒนาต่อไปเรื่อย ๆ ถ้าวันนึงเราต้องใช้ VR เล่นเกมกันเท่านั้นก็อาจทำให้เล่นยากขึ้นไปอีก ถ้าคุณเริ่มรู้สึกว่าเกมเจนใหม่ที่ออกมาไม่เหมาะกับตัวคุณ อาจเป็นความชัดเจนแล้วว่าคุณมีอายุมากขึ้นนั่นเอง
และนี่คือ “7 พฤติกรรมการเล่นเกมที่บ่งบอกว่าคุณอาจแก่แล้ว” หลังจากที่ได้อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ หลายคนอาจจะกำลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีหงอกขึ้นกันเลยทีเดียว เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเราเมื่อโตขึ้นและอายุมากขึ้นก็จะเลือกเกมเล่นยากขึ้นตามไปด้วยครับ เนื่องจากวัยทำงานไม่ค่อยมีเวลาเล่นเกมสักเท่าไหร่ แค่หาเวลามานั่งเล่นเกมได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องยากแล้ว ก็เลยไม่มีเวลาที่จะเรียนรู้ใหม่ทุกครั้งที่เล่นหรือฟาร์มนู่นนี่นั่นในเกมได้จนครบ จุดโฟกัสการเล่นเกมของเราเลยเปลี่ยนไปครับ จากที่คิดว่าฉันเป็นตัวจริง ฉันต้องเคลียร์ 100% ตอนนี้ขอแค่มีเวลาเล่นก็พอใจแล้ว และเมื่อมีเวลาเล่นก็ขอเล่นเกมที่ใช่ดีกว่าเสียเวลาเล่นเกมที่ไม่ถูกใจครับ แล้วคุณล่ะ ตอนนี้แก่หรือยังเอ่ย 🙂