[รีวิว] Dungeon of the Endless ไต่ดันเจี้ยนอวกาศสุดขอบจักรวาล

ถ้าตอนนี้คุณต้องการเกมสักอย่างที่เป็นแนวผจญภัย สามารถเล่นร่วมกันได้กับเพื่อนถึง 4 คน และมีธีมเป็นตะลุยอวกาศแถมภาพกราฟิกแบบ Pixel Art ผมขอแนะนำ Dungeon of the Endless จากค่าย SEGA พัฒนาโดยทีม AMPLITUDE Studios ที่วางจำหน่ายอยู่ใน STEAM ในราคาแค่ 269 บาทเท่านั้น แต่ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับจากเกมนี้นั้นค่อนข้างคุ้มค่ากับราคาเลยทีเดียว เราไปชมกันครับว่าเกมนี้มีอะไรน่าสนใจกันบ้าง

ภาพรวมของเกม

เกมนี้เป็นเกม Rogue-Like ที่มีแนวเกมเป็นแนวกลยุทธ์ป้องกันฐาน บังคับตัวละครจากมุมมอง Bird-eyes view และสามารถบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดมาอัปเกรดตัวละครหรือสร้างฐานต่าง ๆ เพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูได้ วิธีการเล่นจะมีลักษณะคล้ายกับเกม RTS แต่ตัวเกมจะไม่ดำเนินไปแบบ Realtime คุณสามารถหยุดคิดและก้าวเดินไปข้างหน้าได้ทีละเทิร์นอย่างแม่นยำ ควบคุมตัวละครสูงสุดได้ 4 ตัวในกรณีเล่นคนเดียว แต่ถ้าเล่นแบบ Co-op ตัวละครที่มีนั้นจะสามารถแบ่งให้เพื่อนควบคุมคนละตัว ทำให้เล่นได้สูงสุด 4 คน ช่วยกันสำรวจพื้นที่ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย และป้องกันการรุกรานของเหล่าเอเลี่ยน เมื่อพบทางออกก็นำคริสตัลที่เป็นหัวใจของฐานหลักไปสู่ชั้นถัดไป แล้วไต่ดันเจี้ยนไปในชั้นที่ลึกขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าแพ้ก็เริ่มใหม่ ถ้าตายก็รอสุ่มตัวละครระหว่างทาง ตามสไตล์ของเกม Rogue-Like ครับ

เกมเพลย์ในส่วนของการบังคับตัวละคร

ในการบังคับตัวละครนั้น ถ้าเราเล่นคนเดียวจะสามารถควบคุมตัวละครได้สูงสุด 4 ตัว ตามปุ่มช็อตคัต 1-4 และการบังคับก็ง่ายมาก เพราะคุณสามารถเลือกคลิกได้แค่ว่าอยากให้ตัวละครไปยืนอยู่ในห้องไหน เปิดประตูไปทางไหน ตัวละครตัวนั้นก็จะวิ่งไปหาตำแหน่งห้องที่คุณคลิกไว้ ถ้าเกิดเจอศัตรูระหว่างทางตัวละครก็จะทำการต่อสู้ตามโรลของตัวเอง คุณสามารถเลือกเดินหนีไปตามห้องต่าง ๆ ระหว่างต่อสู้ได้ และสามารถให้ตัวละครที่ควบคุมอยู่ตัวอื่นมาช่วยสมทบได้ คุณสามารถกดใช้สกิลประจำตัวเพื่อสนับสนุนการเล่น สามารถอัปเลเวล เพิ่ม HP โดยกดปุ่ม H เหมือนการปั้มยา แต่ต้องใช้ทรัพยากรประเภทอาหารมาจ่ายค่า Active เพียงแต่ว่าการเคลื่อนไหวจะไม่อิสระขนาดนั้น คุณไม่สามารถคลิกเดินภายในห้องได้ว่าอยากให้ยืนตำแหน่งไหนในห้องนี้ สามารถคลิกได้ข้ามห้องเท่านั้นและควบคุมสถานการณ์ตามที่เห็นครับ

เกมเพลย์ในส่วนของการสร้างฐาน

ในระยะเวลาเดียวกันกับที่คุณควบคุมตัวละครอยู่ คุณสามารถบริหารการสร้างฐานได้ตลอดเวลาตราบเท่าที่มีทรัพยากรเหลือให้เล่น โดยการสร้างฐานนั้นจะมีเมนูฐานต่าง ๆ อยู่บริเวณซ้ายล่างของหน้าจอ โดยส่วนมากจะใช้ทรัพยากรประเภท Industry หรือฟันเฟืองในการสร้าง ซึ่งสิ่งก่อสร้างจะประกอบไปด้วย 4 ชนิด ดังนี้

1. Major Modules – สัญลักษณ์รูปเพชร สร้างได้เฉพาะห้องที่มี Slot ใหญ่เท่านั้น ส่วนนี้จะเป็นการเร่งเพิ่มทรัพยากรในแต่ละเทิร์น ให้เราได้ทรัพยากรไวขึ้น

2. Support minor Modules – สัญลักษณ์รูปหัวใจ สร้างได้ใน Slot เล็กตามห้องต่าง ๆ ส่วนนี้จะเป็นส่วนช่วยสนับสนุนการต่อสู้ให้กับตัวละครหลัก

3. Offensive minor Modules – สัญลักษณ์รูปดาบ สร้างใน Slot เล็ก จะเป็นป้อมที่ช่วยสร้างดาเมจให้กับศัตรูที่บุกเข้ามา

4. Hindering minor Modules – สัญลักษณ์รูปโล่ สร้างใน Slot เล็ก เป็นสิ่งกีดขวางที่ช่วยให้ศัตรูเคลื่อนไหวได้ยากขึ้น

ทรัพยากรแต่ละชนิด

Industry (วัตถุดิบ) – ทรัพยากรนี้จะใช้สำหรับสร้างป้อมต่าง ๆ เกี่ยวกับสิ่งก่อสร้างเท่านั้น เช่น การสร้าง Major Modules หรือ minor Modules

Science (วิทยาการ) – ใช้สำหรับการวิจัยป้อมต่าง ๆ ให้มีระดับที่สูงขึ้น หรือใช้ซื้อของสวมใส่กับ NPC มาเพิ่มศักยภาพตัวละคร

Food (อาหาร) – ใช้อัปเลเวลตัวละครให้มีสเตตัสรวมสูงขึ้น ใช้ฮีลโดยกดปุ่ม H และใช้ Recuit ตัวละครใหม่ที่หาได้ตามด่าน

Dust (พลังงาน) – เป็นค่าความจุของ Crystal หลักหรือฐานแม่ของเรา ยิ่งเยอะก็จะยิ่งสร้างฐานได้มากขึ้นเท่านั้น ถ้าความจุไม่พอจะสร้างฐานไม่ได้

การเล่น 1 เทิร์น เท่ากับการเปิด 1 ประตู

เกมนี้แม้จะมีความคล้าย RTS แต่มันก็ยังคงมีความเป็น Turn-based อยู่ โดยเทิร์นหนึ่งในเกมนี้จะเรียกว่า “Door” หรือประตู การเปิดประตูไปห้องใหม่ ๆ 1 ครั้ง จะมีค่าเท่ากับเทิร์นผ่านไป 1 เทิร์น ซึ่งจะส่งผลต่อระยะเวลาการวิจัย และการได้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นตามที่กำหนดไว้ ในแต่ละเทิร์นที่ผ่านไปอาจส่งผลให้มีศัตรูบุกเข้ามาทุกครั้งที่เปิดประตู ดังนั้นช่วงที่ไม่ได้เปิดประตูเพื่อน ๆ สามารถคิดวางแผนหรือสร้างป้อมอะไรก็ได้อย่างช้า ๆ เพราะมันคือเกมวางแผน แต่ถ้าเปิดประตูเมื่อไหร่ เทิร์นจะดำเนินไปข้างหน้าทันที ถ้าเตรียมตัวไม่ดีก็อาจจะโดนศัตรูรุมโจมตีจนตายได้เหมือนกัน

ภารกิจหลักคือการออกไปจากที่นี่

แม้ว่าวิธีการเล่นของเกมนี้จะเป็นการสำรวจห้องไปเรื่อย ๆ พร้อมกับสร้างฐานเพื่อรับทรัพยากรหรือเตรียมป้อมปืนไว้ยิงศัตรู แต่ภารกิจหลักของเราคือการสำรวจหาประตูวาร์ปซึ่งเป็นทางออกจากดันเจี้ยนแห่งนี้ไปสู่ชั้นต่อไป โดยเมื่อเราพบกับประตูทางออกแล้ว เราจะต้องวิ่งกลับไปหาห้องแรกสุดที่มี Crystal หลักตั้งอยู่ และเราจะต้องขน Crystal นี้ไปยังประตูทางออกเพื่อไปสู่ชั้นถัดไปเรื่อย ๆ แต่ทันทีที่ตัวละครของเราแบก Crystal เอาไว้ ตัวละครตัวนั้นจะลดความเร็วในการเดินลงอย่างมาก และศัตรูจะกรูกันเข้ามาจากทุกทิศทาง หากวางแผนไม่ดี ตั้งป้อมดักไว้ไม่มากพอ หรือเพื่อนในทีมช่วยดูแลคนถือ Crystal ไปไม่ถึงทางออกก็จะเกมโอเวอร์ง่าย ๆ และถ้าเกิดคนถือ Crystal ถึงทางออกแล้วกดเปิดวาร์ปโดยที่เพื่อนคนอื่นยังไม่อยู่ในห้องเดียวกัน ก็จะถือว่าทิ้งเพื่อนคนอื่นให้ตายไปด้วย ดังนั้นต้องกะจังหวะดี ๆ ทั้งคนถือ Crystal และคนเปิดทางครับ

มีตัวละครและด่านให้เลือกเล่นหลากหลาย

ก่อนที่จะเริ่มเกม เราสามารถเลือกตัวละครตัวไหนมาเข้าทีมก็ได้ ถ้าคุณเล่นคนเดียวจะเริ่มต้นด้วยการเลือกได้แค่ 2 ตัว แล้วไปหาตัวอื่น ๆ ภายในด่านแทน ปัจจุบันมีตัวละครทั้งหมด 17 ตัว โดยจะเล่นได้ในตอนแรก 5 ตัว และไปหาเอาในด่านอีก 12 ตัว แต่ละตัวก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป บางตัวเดินช้าแต่ถึก บางตัวเดินเร็วแต่ตีระยะประชิด บางตัวฮีลได้ เป็นต้น ส่วนด่านก็จะมีให้เลือกเล่นทั้งหมด 5 ด่าน แบบโหมดธรรมดา สามารถปลดด่านได้หลังจากทำตามเงื่อนไขสำเร็จ และสามารถซื้อด่านเพิ่มได้จาก DLC ด้วยถ้าเกิดว่าคุณชอบเกมนี้จริง ๆ ซึ่งสามารถปรับความยากได้ 2 ขั้น คือ Easy และ Too Easy ครับ 

จุดเด่น

– เป็นเกม Co-op ที่เล่นกับเพื่อนได้สนุก และต้องการความเป็นทีมจริง ๆ
– งาน Pixel Art ธีมอวกาศ ที่ทำออกมาได้อย่างลงตัวทั้งภาพและเสียง
– ตัวเกมเหมือนจะซับซ้อน แต่ใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน
– เล่นคนเดียวก็ยังสนุก เพราะบังคับได้หลายตัวละคร

จุดสังเกต

– ตัวละครไม่สามารถเคลื่อนไหวในห้องได้อย่างอิสระ ควบคุมได้เพียงคร่าว ๆ เท่านั้น
– การกดใช้ Item ใน Inventory ค่อนข้างงงเล็กน้อย ทำให้ผู้เล่นกดพลาดได้ง่าย

และนี่ก็คือเกม Dungeon of the Endless ครับผม ถ้าใครมีเพื่อนถึง 4 คนก็สามารถช่วนมาเล่นด้วยกันได้ครับ ราคาไม่แพงมาก แถมเล่นแล้วรู้สึกคุ้ม ถ้าใครชอบ Pixel Art หรือแนวผจญภัยในอวกาศก็บอกเลยว่าโดนใจแน่นอน เอาใช้เวลาในการทำความเข้าใจระบบเกมเล็กน้อย อย่าเพิ่งมีอคติกับมัน เล่นช้า ๆ ใช้เวลากับมันสักหน่อยแล้วบอกเลยว่าเกมนี้มันเข้าใจง่ายมากครับ ยิ่งเล่นพร้อมกัน 4 คน ช่วยกันหา ช่วยกันเรียนรู้ ไม่เกิน 30 นาที เล่นเป็นกันครบทุกคนแน่นอน แล้วความสนุกจะรออยู่ครับ 🙂