รีวิวเทคโนโลยี

[รีวิว] HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless

เมาส์เกมมิ่งน้ำหนักเบา ประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า

HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless สร้างความประทับใจอย่างมากเมื่อเปิดตัวครั้งแรก ด้วยการตอบสนองที่ดี น้ำหนักเบามาก และราคาที่คุ้มค่าเกินความคาดหมาย อีกทั้งยังรองรับการทำงานทั้งในรูปแบบของ 2.4GHz และแบบ Bluetooth แน่นอนว่าทั้งสองโหมดให้การตอบสนองที่ไม่ต่างกันนัก และยังสามารถใช้งานขณะเชื่อมต่อสายเพื่อชาร์จได้อีกด้วย ว่าแต่จะมีอะไรที่น่าสนใจกันอีกบ้างเราไปหาคำตอบพร้อมกันเลย

Design

HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless ยังคงเอกลักษณ์ของรุ่น Haste ไว้เกือบทั้งหมด ตั้งแต่รูปทรงแบบสมมาตรจนถึงปุ่มโปรแกรมทั้ง 6 ปุ่มที่ไม่ต่างจากเดิม แต่ก็มีการปรับปรุงที่น่าสนใจในหลายจุด

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

ตัวปุ่มของเมาส์ยังคงรูปแบบเหมือนเดิม ประกอบด้วยปุ่มคลิกซ้าย-ขวา 2 ปุ่ม, ปุ่มด้านข้างซ้าย 2 ปุ่ม, Scroll Wheel 1 ปุ่ม และปุ่มปรับ DPI แต่ในรุ่นนี้ปุ่มต่างๆ ให้สัมผัสการคลิกที่แน่นกว่ารุ่นก่อน เนื่องจากถูกอัปเกรดด้วย HyperX Switches แบบเฉพาะที่รองรับการกดได้สูงถึง 100 ล้านครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก Golden Micro Switches ใน Haste ที่รองรับเพียง 60 ล้านครั้ง

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

นอกจากนี้ แม้ว่าขนาดของเมาส์จะยังคงเหมือนเดิมที่ 4.9 x 1.50 x 2.6 นิ้ว แต่จุดเปลี่ยนที่เห็นได้ชัดคือการออกพื้นผิวด้านบนที่เปลี่ยนจากรังผึ้งที่มีจุดกลายเป็นพื้นผิวเรียบที่ช่วยให้การใช้งานไม่มีพลาดและจับได้ถนัดมากยิ่งขึ้น

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

สำหรับผิวสัมผัสภายนอก HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless มาพร้อมกับพลาสติกแบบด้านที่ให้ความรู้สึกพรีเมียมและแน่นหนาขึ้นช่วยให้มือจับเมาส์ได้แน่นขึ้น เพิ่มการควบคุมขณะใช้งาน ทั้งยังช่วยลดรอยนิ้วมือ ทำให้เมาส์ดูสะอาดเคียงคู่กับเกมมิ่งเกียร์ที่ใช้งานร่วมกัน

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

โลโก้ HyperX สองจุดที่ดูโดดเด่นแต่ไม่เกะกะ บริเวณด้านบนและด้านข้างซ้าย ช่วยเพิ่มความสวยงามมากกว่าทำให้เสียรูปลักษณ์

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

ด้านล่างของเมาส์มีการปรับปรุงเล็กน้อยเช่นกัน โดยยังคงมีแผ่นรอง PTFE 4 จุดเหมือนรุ่น Haste แต่ในรุ่นนี้มีการเพิ่มวงแหวน PTFE รอบเซ็นเซอร์ เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานบนพื้นโต๊ะให้เคลื่อนไหวได้ลื่นขึ้น

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review
tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานได้จริง ภายในกล่องมีเทปกันลื่นสำหรับติดเพิ่ม และแผ่นรอง PTFE สำรอง นอกจากนี้ยังมีสายถัก USB A to USB C ซึ่งสามารถใช้ทั้งเป็นสายเชื่อมต่อและสายชาร์จ และ Dongle โดย HyperX เผยว่าแบตเตอรี่ของเมาส์สามารถใช้งานได้นานถึง 90 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review
tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

อย่างไรก็ตาม จุดด้อยที่อาจมีอยู่คือการรองรับ RGB ที่มีเพียงโซนเดียวบริเวณ Scroll Wheel ซึ่งอาจจะดูน้อยไปสำหรับบางคน แต่ในแง่ของการใช้งานจริงไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพแต่อย่างใด

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

Feature

HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่น่าสนใจใจถึง 3 อย่าง

น้ำหนักเบา เมาส์รุ่นนี้มีน้ำหนักเพียง 61 กรัม เท่ากับ Haste แม้จะมีการอัปเกรดเซ็นเซอร์เป็น HyperX 4K และเปลี่ยนฝาด้านบนเป็นแบบทึบแทนแบบรังผึ้งในรุ่นเดิม น้ำหนักนี้ทำให้เมาส์อยู่ในระดับเดียวกับเมาส์เกมมิ่งระดับโปร น้ำหนักที่เบานี้ช่วยให้การขยับของเมาส์ทำได้อย่างรวดเร็วและลื่นไหล

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

การเชื่อมต่อไร้สายที่ครอบคลุม นอกจากการเชื่อมต่อ 2.4GHz แล้ว รุ่นนี้ยังมี Bluetooth ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ Haste ไม่มี ดังนั้นจึงถือว่าเป็นหนึ่งในเมาส์เกมมิ่งที่มีความหลากหลายมากรองรับการเชื่อมต่อกับทุกอุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย

ราคาคุ้มค่าเกินคาด HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless มีราคาอยู่ที่ 2,690 บาท เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยีที่ได้รับการอัปเกรดและการเปรียบเทียบกับคู่แข่งถือว่าราคานี้สมเหตุสมผลมาก

ด้วยฟีเจอร์ที่พัฒนาขึ้นนี้ เมาส์รุ่นนี้น่าจะตอบโจทย์เกมเมอร์ที่กำลังมองหาเมาส์น้ำหนักเบา ราคาคุ้มค่า และประสิทธิภาพสูงอย่างไม่ต้องสงสัย

Experience

HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless มาพร้อมเซ็นเซอร์ที่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวด้วยความละเอียดสูงสุด 26,000 DPI และ Polling Rate 1,000Hz

ในการทดสอบประสิทธิภาพของเซ็นเซอร์ ผมลองเล่นเกมแนว FPS โดยใช้ตัวละครหลากหลายประเภท พร้อมปรับเปลี่ยนค่า DPI ใน 4 ระดับที่ตั้งค่าไว้พื้นฐาน ลองการเคลื่อนไหวหลายรูปแบบ ตั้งแต่การสะบัดเมาส์ ไปจนถึงการเคลื่อนไหวแบบลากเมาส์ และจับตาดูว่ามีอาการสะดุดหรือขาดความต่อเนื่องหรือไม่

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

ผลลัพธ์คือ HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหาในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวแบบใด หรือปรับค่า DPI ไปที่ระดับไหน เซ็นเซอร์ติดตามการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำและลื่นไหล โดยไม่มีอาการ stuttering แต่อย่างใด

การออกแบบที่สมมาตรเป็นจุดเด่นสำคัญในการเล่นเกม เมาส์เคลื่อนไหวบนแผ่นรองได้อย่างลื่นไหลและการเพิ่ม PTFE รอบเซ็นเซอร์ช่วยลดแรงเสียดทานเมื่อเล่นบนโต๊ะโดยไม่ใช้แผ่นรอง

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

ส่วนการกดปุ่มสามารถที่จะกดได้อย่างถนัด จากความรู้สึกว่าปุ่มค่อนข้างที่จะแน่นและอาจจะแอบแข็งไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากมองว่าเป็นข้อดีในการป้องกันการกดผิดก็ถือว่าเป็นสื่งที่พอเข้าใจได้

จุดเด่นของเมาส์นี้คือความสมมาตรที่รองรับสไตล์การจับทั้งมือซ้ายและมือขวาโดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพ

ในส่วนของการทำงานแบตเตอรี่จากการทดสอบใช้งานมา 7 วันพบว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำการชาร์จเพิ่มแต่อย่างใด โดยใช้งานวันละ 7 ชั่วโมงเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์พบว่ายังมีแบตเตอรี่เหลือเพียงพอให้ใช้งานในสัปดาห์ถัดมาได้

Software

HyperX NGENUITY เป็นซอฟต์แวร์หลักสำหรับตั้งค่า HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ฟรีจาก Microsoft Store ซอฟต์แวร์นี้ช่วยให้สามารถกำหนดการทำงานให้กับปุ่มทั้ง 6 ที่ตั้งค่าได้, ปรับค่าความละเอียด DPI, และตั้งค่าหรือเปลี่ยนแปลงสีและเอฟเฟกต์ของโซน RGB บนเมาส์

การปรับค่า DPI สามารถเพิ่มค่า DPI ใหม่ได้ง่าย ๆ เพียงคลิกปุ่ม + ที่ด้านล่างของหน้าต่างแอป หรือจะเปลี่ยนค่าที่ตั้งไว้ 4 ค่าเริ่มต้นก็ทำได้สะดวก เพียงแค่เลื่อนแถบปรับค่าตามต้องการ นอกจากนี้ตัวซอฟต์แวร์ยังแจ้งเตือนเมื่อมีการอัปเดตเฟิร์มแวร์ ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ของ HyperX

อย่างไรก็ตาม HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wirelessไม่มีหน่วยความจำในตัวเพื่อจัดเก็บค่าที่ตั้งไว้ได้ ทำให้การใช้งานจำเป็นที่จะต้องสลับผ่านซอฟต์แวร์เท่านั้น

Conclusion

tig-hyperx-pulsefire-haste-2-pro-wireless-review

HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ความเร็วสูง 26,000 DPI การเชื่อมต่อแบบ Bluetooth และ 2.4GHz รวมถึงปุ่มปรับ DPI โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบาและราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้เมาส์รุ่นนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับเกมเมอร์ที่มองหาความคุ้มค่าด้วยราคา 2,690 บาท

ข้อดี

  • การออกแบบที่รองรับการใช้งานสำหรับผู้ถนัดทั้งมือซ้ายและขวา
  • เซ็นเซอร์ 26,000 DPI ทำให้ตอบสนองได้รวดเร็วและแม่นยำ
  • น้ำหนักเบาเพียง 61 กรัม
  • รองรับการเชื่อมต่อทั้ง Bluetooth และ 2.4GHz ใช้งานได้กับหลากอุปกรณ์
  • แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานกว่า 90 ชั่วโมง

ข้อสังเกต

  • ไม่มีหน่วยความจำสำหรับการตั้งค่าโปรไฟล์ในตัว
  • ปุ่มการกดที่แอบแข็งไปสำหรับผู้ใช้งานบางราย

สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทาง HyperX ประเทศไทย ที่ได้ทำการส่ง HyperX Pulsefire Haste 2 Pro Wireless มาให้เราทำการทดสอบกัน สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้านค้าชั้นนำและช่องทางออนไลน์

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อสินค้าได้ที่ [คลิก]

Artherlus

แค่คนทั่วไปที่หลงใหลในวงการไอที
Back to top button