[แกะกล่อง] Final Fantasy VII Rebirth Collector’s Edition
เซ็ตสะสมที่มาพร้อมฟิกเกอร์สูงเกือบ 2 ฟุต!
Final Fantasy VII Rebirth เป็นเกมที่จะพาเราไปสานต่อเรื่องราวสุดเข้มข้นจาก Final Fantasy VII Remake ไตรภาค และแน่นอนว่าเกมชื่อดังนี้ก็ไม่พลาดที่จะมี Collector’s Edition มาให้เราได้สะสมกัน และในวันนี้ทีมงานก็ไม่พลาดที่จะพาทุกคนมาพบกับรีวิวของสะสมจากชุดนี้มาให้ทุกคนได้ชมกัน รับรองว่าถูกใจแน่นอนครับ
กล่อง Final Fantasy VII Rebirth Deluxe Edition
เริ่มต้นจากกล่องของเกมเวอร์ชั่น Deluxe Edition ออกแบบมาได้น่าสนใจไม่น้อย แต่นอกเหนือจากลวดลายแล้วน้ำหนักของกล่องนั้นทำเอาเซอร์ไพรส์ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะตอนที่ผู้เขียนหยิบกล่องนี้ออกมาในตอนแรกก็ไม่ทันได้ระวังเกือบหล่นเหมือนกัน เพราะน้ำหนักของกล่องนี้ถือว่าหนักกว่าที่เห็นด้วยตาเปล่าอยู่พอสมควร และเมื่อแกะกล่องออกมาเราจะพบกับของทั้งหมด 4 ชิ้นด้วยกัน ได้แก่กล่องเหล็ก แผ่นเกม สมุดภาพ (หนาและหนักมาก!) และแผ่นซีดีเพลงประกอบเกม
กล่องเหล็ก (SteelBook Case)
ในส่วนของกล่องเหล็กที่อยู่ในชุด Deluxe Edition ก็ต้องบอกว่าสวยงามโดนใจแน่นอน โดยภาพของกล่องเหล็กนั้นจะเป็นภาพของ Zack ที่กำลังแบก Cloud กลับเข้าสู่เมือง Midgar โดยภาพนี้ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของ Final Fantasy VII Remake นั่นเอง ในขณะที่ปกหลังจะเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมือง Midgar พร้อมลายดาบ Buster Sword ที่สวยงามอยู่กลางปกหลัง และเมื่อเราเปิดกล่องเหล็กออกมาแบบเต็ม ๆ เราจะเห็นได้ว่าปกหน้าและปกหลังของกล่องเหล็กนี้จะเป็นกำแพงเมือง Midgar ที่ทอดยาวออกไปสวยงามสุด ๆ นั่นเอง
แผ่นเกม PS5
ผู้เขียนแอบเซอร์ไพรส์ไม่น้อยเหมือนกันกับแผ่นเกม PS5 ที่ตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรพิเศษ แต่เมื่อเปิดออกมาก็พบว่าปกของแผ่นเกมนั้นมี 2 ด้านสามารถสลับใส่ได้ด้วย! โดยปกของแผ่นเกมนี้จะมีลายที่ Sephiroth ยืนอยูกับ Cloud และ Zack ซึ่งเป็นภาพโปรโมทที่เราเห็นกันมาโดยตลอด ในขณะเดียวกัน ปกอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นปกพื้นสีดำที่มาพร้อมโลโก้ Final Fantasy VII Rebirth ที่เด่นเป็นสง่าสุด ๆ
นอกจากปกที่สามารถสลับด้านใส่ได้ เกมนี้ยังมาพร้อมแผ่นเกม 2 แผ่น และโค้ดที่ใช้แลกของรางวัลพิเศษอย่าง Moogle Trio Summoning Materia (DLC), Magic Pot Summoning Materia (DLC), เครื่องประดับ Reclaimant Choker (DLC) และ ชุดเกราะ Orchid Bracelet (DLC) โดยโค้ดนี้จะหมดอายุในปี 2030 เลยทีเดียว เรียกได้ว่านานมาก ๆ แต่เพื่อไม่ให้พลาดผู้เล่นที่สั่งชุดนี้ไปก็อย่าลืมแลกรับโค้ดให้เรียบร้อยนะครับ
สมุดภาพ (Art Book)
อีกหนึ่งของสะสมที่ผู้เขียนประทับใจมาเสมอ และ Square Enix ก็ยังคงทำสมุดภาพออกมาได้ดีเช่นเคย โดยปกของสมุดภาพนี้จะเป็นแบบแข็ง (มาก!) ที่มาพร้อมกับโลโก้เกมสีทองสวยงาม และเมื่อเปิดออกมาก็จะเห็นงานอาร์ตสวย ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพของตัวละครหลักต่าง ๆ เช่น Cloud, Tifa, Aerith รวมไปถึง Sephiroth ภาพของตัวละครที่ปรากฎตัวภายในเกม รวมไปถึงภาพของภูมิภาคต่าง ๆ ที่เราจะได้ออกผจญภัย และยานพาหนะ อาวุธ และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยหนังสือเล่มนี้ดูมีคุณค่าสูงขึ้นไปอีกเพราะกระดาษด้านในเป็นกระดาษมันทำให้สีและรายละเอียดของภาพต่าง ๆ ดูสวยงามมาก และน่าสะสมมากยิ่งขึ้น
แผ่นซีดีเพลงประกอบเกม (Mini Soundtrack)
ใครสายวินเทจที่ยังมีเครื่องเล่นแผ่น CD ก็ไม่ควรพลาดเจ้าแผ่นเพลงนี้เป็นอันขาด โดยแผ่นเพลงนี้จะประกอบไปด้วยเพลงจากเกม Final Fantasy VII Rebirth ทั้งหมด 12 เพลงด้วยกัน ซึ่งแต่ละเพลงก็จะเป็นเพลงที่เราจะได้ฟังตลอดการผจญภัยภายในเกมนี้ ซึ่งในส่วนของแผ่นที่ทำออกมานั้นเรียกได้ว่าสวยงามมาก ๆ เพราะเมื่อเราเปิดกล่อง CD ออกเราก็จะได้เห็น Cloud ที่กำลังยืนพร้อมกับจับดาบ Buster Sword ที่อยู่ด้านหลังของเขา พร้อมกับสีเงินของแผ่นที่สะท้อนแสงสวยงามสะท้อนเข้าตาแบบสุด ๆ
ฟิกเกอร์ Sephiroth สุดอลังการ
มาถึงไฮไลท์ของชุด Collector’s Edition กันแล้วนั่นก็คือฟิกเกอร์ One-Winged Angel อย่าง Sephiroth นั่นเอง ซึ่งสำหรับฟิกเกอร์ของ Sephiroth นี้จะมาด้วยความสูงประมาณ 48 เซนติเมตรซึ่งเรียกได้ว่าสูงจนน่าตกใจเลยทีเดียว แถมรายละเอียดของ ฟิกเกอร์นี้ก็ถูกทำออกมาได้อย่างสวยงามจนน่าประทับใจอีกด้วย
สำหรับภาพรวมของฟิกเกอร์นี้เราจะได้เห็น Sephiroth กำลังยืนอยู่บนเสาที่กำลังมีไฟลุกท่วมด้านล่าง โดยที่มือซ้ายนั้นจะถือดาบ Masamune ซึ่งเป็นดาบยาวที่มีเอกลักษณ์ที่หลายคนต้องคุ้นตา โดยความยาวของดาบก็เรียกได้ว่ายาวมาก ๆ เพราะตัวดาบพร้อมด้ามดาบนั้นรวมกันแล้วมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตรเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันด้านหลังของฟิกเกอร์นี้จะมีปีกขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากด้านหลังของฟิกเกอร์นี้ ซึ่งเราสามารถถอดปีกอันเบิ้มนี้แล้วทำให้ Sephiroth ยืนแบบไม่มีปีกก็ได้ แต่แน่นอนว่าการมีปีกมันสมบูรณ์แบบกว่าและสวยงามกว่าเสมอ ฉะนั้นใส่ปีกให้สมกับฐานะ One-Winged Angel จะดีกว่าครับ
สำหรับรายละเอียดที่ปรากฏอยู่บนฟิกเกอร์นี้ก็ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นลายของเนื้อผ้า ลายของเครื่องประดับต่าง ๆ ลายของชุดเกราะ รวมไปถึงเส้นผม และขนปีกที่ทำออกมาได้ละเอียดแบบสุด ๆ อีกทั้งการลงสียิ่งทำให้ฟิกเกอร์นี้ดูสวยงามขึ้นอีกหลายเท่าตัว โดยเฉพาะช่วงล่างของฟิกเกอร์ที่จะมีการแซมด้วยโทนส้มซึ่งถูกทำออกมาให้เหมือนกับ Sephiroth โดนแสงสะท้อนจากไฟที่กำลังลุกไหม้ด้านล่างทำให้ฟิกเกอร์นี้ดูโดดเด่นขึ้นเป็นอย่างมาก
สำหรับวัสดุที่ใช้ผลิตฟิกเกอร์นี้ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่นในระดับหนึ่งทำให้ผู้เล่นสามารถหยิบจับได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าชิ้นส่วนจะหักคามือแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามความยืดหยุ่นนี้ไม่ได้แปลว่าผู้เล่นจะจับชิ้นส่วนมางอได้อย่างอิสระตามใจ เพราะสุดท้ายแล้วมันก็เป็นฟิกเกอร์แบบตั้งโชว์เพื่อความสวยงามเท่านั้น ซึ่งหากไปดัดมันแรง ๆ ก็รับรองได้ว่าไม่หักก็ขึ้นฝ้าขาวเสียดายของแน่นอน นอกจากนี้ในส่วนของข้อต่ออย่างจุดเชื่อมต่อปีกเล็กกับปีกใหญ่ รวมไปถึงข้อต่อของเท้าที่เชื่อมกับเสาที่ Sephiroth ยืนอยู่นั้นจะเป็นแท่งโลหะที่มีความแข็งแรงในระดับหนึ่ง ฉะนั้นมั่นใจได้ว่าไม่น่ามีโอกาสยืน ๆ อยู่แล้วหักร่วงลงมาอย่างแน่นอน
ถุงผ้าใบใหญ่และที่แขวนแก้วน้ำ
สำหรับกระเป๋านั้นเป็นกระเป๋าผ้าที่มีความแข็งแรงคงทนพอสมควร โดยด้านหน้าจะเป็นโลโก้เกม Final Fantasy VII Rebirth ในขณะที่ด้านหลังนั้นจะเป็นลายตัวละคร Caith Sith กับ Moogle ซึ่งบอกได้เลยว่าสวยงามมาก ๆ แถมกระเป๋าใบนี้ยังมีขนาดใหญ่มาก ๆ (ประมาณ 45 ซม. ได้) ฉะนั้นมั่นใจได้เลยว่าใส่ของได้จุใจแน่นอน
นอกจากนี้ที่แขวนแก้วนี้ก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยที่แขวนแก้วนี้จะเป็นผ้าสีแดงเข้ม ในขณะที่ลาย Chocobo และโลโก้เกมจะมาในสีเหลือง และขอบของผ้าจะเป็นสีขาว ซึ่งเป็นการใช้คู่สีที่สวยงามโดนใจสุด ๆ แถมยังแข็งแรงรับน้ำหนักได้เยอะพอควรด้วย
ผู้เขียนยืนยันได้เลยว่าสาวก Final Fantasy VII ไม่ควรพลาดชุด Collector’s Edition เป็นอย่างยิ่ง เพราะของแต่ละชิ้นนั้นก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้โดนใจแฟน ๆ แน่นอน โดยเฉพาะฟิกเกอร์ Sephiroth ที่มาแบบจัดเต็มสุด ๆ ซึ่งหากใครชื่นชอบเกม Final Fantasy VII Rebirth ล่ะก็ต้องโดน!
Final Fantasy VII Rebirth เกมภาคต่อของ Final Fantasy VII Remake จะวางจำหน่าย 29 ก.พ. 2024 บน PlayStation 5 ผู้เล่นจะได้ติดตามการผจญภัยของ Cloud และผองเพื่อนเพื่อตามล่า Sephiroth บนแผนที่ที่มีสเกลใหญ่ขึ้น พร้อมสำรวจประวัติเบื้องหลังของตัวละครต่าง ๆ เกมมีทั้งหมด 2 แผ่น เตรียมตัวให้พร้อม เพราะว่าการผจญภัยในครั้งนี้จะยิ่งใหญ่กว่าเดิมแน่นอน!
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco และ Square Enix ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุน Collector’s Edition งามๆ มาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…
สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]