[รีวิว] Dragon’s Dogma II – สวมบทเป็น Arisen ออกเดินทางพิชิตปีศาจ

Dragon’s Dogma II จะเป็นเกมที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับเหล่า Arisen นักรบผู้ที่ถูกขโมยดวงใจไปจากปีศาจมังกรร้ายที่หวังทำลายโลกด้วยไฟสุดอันตรายที่พร้อมเผาผลาญทุกอย่างตรงหน้า ทำให้พวกเขาต้องเดินทางในโลกอันกว้างใหญ่เพื่อจัดการพวกมัน พร้อมตามหาพรรคพวกมาร่วมปาร์ตี้ ถ่ายทอดกราฟิกคุณภาพสูงขุมพลัง RE Engine

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และถ้าหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยหลังจากที่รีวิวเผยแพร่ไปแล้วก็เป็นได้ครับ

กราฟิกที่สวยงามอลังการ แต่มีเฟรมเรตตกบ่อยจนน่าปวดหัว

ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่ไม่ผิดหวังเลยในการเล่นเกมนี้ก็คือ กราฟิกที่ถูกทำออกมาสวยงามอลังการมาก ๆ ซึ่งผู้เขียนกล้าการันตีว่าหากใครชื่นชอบการเล่นเกมแฟนตาซีที่มีกราฟิกสวยงามโดนใจจะต้องรู้สึกโดนใจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเหล่ามอนสเตอร์ภายในเกมนี้ที่ถูกดีไซน์ออกมาได้โดดเด่น และด้วยความละเอียดของกราฟิกยิ่งทำให้พวกมันเหล่านี้ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลักษณะผิวหนังของ Goblin ที่ดูมีมิติ หรือแม้กระทั่งมังกรตัวยักษ์ที่มีการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล พร้อมกับอนิเมชั่นที่ดุดันดูเหมือนมังกรจริง ๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ RE Engine นั่นเอง

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกไม่เข้าใจอยู่พอสมควรก็คือเฟรมเรตภายในเกมนี้มีอาการตกจนกระตุกให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง แม้กระทั่งในช่วงเริ่มเล่นที่ตัวละครของผู้เล่นจะอยู่ในถ้ำซึ่งดูเหมือนไม่มีวัตถุอยู่ในฉากมากนัก ก็ยังมีอาการกระตุกจนน่าแปลกใจ แน่นอนว่าเมื่อเดินออกมาในโลกกว้างอาการกระตุกนี้ก็ยังมีให้เราได้เห็นอยู่ค่อนข้างบ่อย จนหลายครั้งผู้เขียนรู้สึกมึนหัวอยู่พอสมควรเลยทีเดียว กอปรกับมุมกล้องภายในเกมนี้ที่ผู้เขียนรู้สึกแปลก ๆ และติดขัดอยู่ไม่น้อยยิ่งทำให้ผู้เขียนต้องนวดตาตัวเองอยู่หลายครั้งเหมือนกัน

และที่ผู้เขียนรู้สึกผิดหวังอยู่พอสมควรตั้งแต่ทราบข่าวจนถึงตอนนี้ก็คือ การที่ผู้พัฒนาเกมตัดสินใจไม่ใส่โหมดตัวเลือกกราฟิกเข้ามาภายในเกมนี้ ซึ่งผู้เขียนรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้เล่นในโหมดกราฟิกคุณภาพสูงที่ต้องแลกกับเฟรมเรตที่ตกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้เขียนก็ได้แต่หวังว่าในอนาคตทาง Capcom จะมีการปล่อยแพทช์เพื่อทำให้ประสิทธิภาพการเล่นเกมดีกว่านี้ (หรืออย่างน้อยปล่อยแพทช์เพื่อให้ผู้เล่นได้เลือกโหมดในการเล่นเกมด้วยตนเองน่าจะดีกว่านี้ครับ)

เกมเพลย์แอ็กชั่นดุดัน ที่ต้องใช้เวลาเรียนรู้ แต่เมื่อเข้าถึง สะใจแน่นอน!

แม้ว่าเกมจะมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพอยู่พอสมควรแต่ต้องยอมรับว่าเกมเพลย์การต่อสู้ภายในเกมนี้ก็มีดีมากพอที่จะทำให้เกมนี้น่าสนใจมากขึ้น ด้วยการต่อสู้ที่ดุดันสมจริงและต้องใช้การวางแผนในการต่อสู้มากกว่าการเดินหน้าฆ่ามัน ทำให้เกมนี้กลายเป็น อีกหนึ่งเกมที่ผู้เล่นอาจจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าเมื่อไหร่ผู้เล่นคล่องมือแล้วบอกได้เลยว่าสะใจแน่นอน นอกจากนี้การต่อสู้กับมอนสเตอร์ภายในเกมนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้อาวุธฆ่ามันอย่างเดียว เราอาจจะผลักมอนสเตอร์ตกหน้าผา, เขวี้ยงหินใส่พวกที่บินได้ หรือแม้กระทั่งเผาพวกมันให้ไหม้เป็นจุณก็ได้เช่นกัน

ถ้าจะให้ผู้เขียนอธิบายอีกหน่อย ผู้เขียนมองว่าเกมนี้มีกลิ่นอายคล้าย ๆ กับเกมประเภทล่ามอนสเตอร์อยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเวลาที่เจอกับบอส ผู้เล่นจะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การต่อสู้กับพวกมัน และหาทางโจมตีในจุดอ่อนของพวกมันให้ได้ นอกจากนี้ สกิลของเกมนี้ก็ถือว่าเป็นคีย์แมนสำคัญเช่นกัน เพราะเกมนี้ทุกคลาสจะมีสกิลให้เลือกใช้มากมาย แต่ติดตั้งได้เพียง 4 สกิล ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นด้านที่น่าเสียดาย แต่ผู้เขียนมองว่าเป็นจุดที่กำลังพอดี เพราะเมื่อมาผสมผสานกับ Pawn อีก 3 ตัวภายในทีม ทำให้ผู้เล่นจะต้องจัดสรรสกิลให้เกิดคอมโบภายในปาร์ตี้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้การเล่นเกมนี้ไม่ใช่แค่การสาดสกิลใส่ศัตรู แต่มันคือการวางแผนย่อม ๆ เลยก็ว่าได้

ระบบ Pawns อันทรงคุณค่าที่ผู้เขียนยกให้เป็นดาวเด่นของเกม

นอกเหนือจากการต่อสู้แล้วระบบ Pawn ภายในเกมนี้ยังทำออกมาได้ดีจนผู้เขียนรู้สึกว่า นี่คืออีกหนึ่งเกมที่ระบบตัวละครผู้ช่วยมีประโยชน์จริง ๆ ไม่ได้ถูกใส่เข้ามาแค่ให้รู้ว่ามีเฉย ๆ โดยตัวละครเพื่อนร่วมทีมของเรานั้นจะคอยช่วยเหลือเราอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการคอยบอกทางว่าเราควรจะเดินไปทางไหนรวมถึงบางครั้งก็วิ่งนำทางเราไปเลยเพื่อไม่ให้เราหลง ในขณะที่ตัวละครนักเวทย์ที่จะคอยฟื้นฟู HP ของผู้เล่นแบบที่ผู้เล่นไม่ต้องรู้สึกกังวลใจมากเกินไปนัก รวมไปถึงบางครั้งพวกเขาจะคอยเก็บของจากหีบสมบัติที่เรามองข้ามไปให้ด้วย!

ที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือ Pawn เหล่านี้มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยปิดจุดอ่อนของผู้เล่นที่อาจจะเกิดจากการเล่นของผู้เล่น หรือคลาสของผู้เล่นเอง อีกทั้งพวกมันสามารถเรียนรู้ข้อมูลพิเศษต่าง ๆ จากการผจญภัย ตัวอย่างเช่น Pawn ที่เคยสู้กับ Goblin ที่มีโล่จำนวนมากมาก่อน จะรู้ว่าต้องทำให้พวกมันล้มก่อนที่จะโจมตีมันได้ หรือ Pawn ที่ฆ่า Ogre จำนวนมาก จะรู้ว่า Ogre หลงใหลผู้หญิง และมักจะโจมตีตัวละครหญิงก่อน เป็นต้น ซึ่งเป็นอะไรที่ผู้เขียนรู้สึกว้าวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ระบบ Microtransaction ที่ทำเอาหัวเสีย

มาถึงประเด็นเดือดเลยก็ว่าได้ครับกับระบบ Microtransaction ภายในเกมนี้ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มไม่แพ้เกมเพลย์อื่น ๆ (ที่ไม่ใช่เกมคอนโซล) เลยทีเดียว ซึ่งระบบนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คะแนนของเกมนี้ (สำหรับผู้เขียน) ตกลงไปเยอะมาก ๆ เพราะหากดูจากรายการ Add-on แล้วเกมนี้มีไอเทมให้เลือกซื้อมากถึง 21 รายการ! ซึ่งเกมหลักก็ขายในราคาทะลุ 2,000 บาทอยู่แล้ว พอมาเจอแบบนี้เข้าไปก็ทำเอาเกาหัวเหมือนกัน แถมไอเทมที่เอามาขายนั้นก็เป็นของที่ไม่ควรนำมาขายเลยแม้แต่น้อย เช่น Rift Crystals ที่ใช้จ้าง Pawn หรือซื้อไอเทมพิเศษ, Explorer’s Camping Kit – Camping Gear ที่ตั้งแคมป์แบบน้ำหนักเบาสุด ๆ (ของที่หาได้ในเกมมีน้ำหนักเยอะพอควร) หรือที่น่าหงุดหงิดที่สุดก็คือ Portcrystal – Warp Location Marker อุปกรณ์ที่ใช้ในการ Fast Travel!

ถ้าถามว่า “แล้วเราไม่ซื้อไอเทมพวกนี้เราเล่นเกมได้หรือไม่” คำตอบก็คือ “ได้” แต่ผู้เขียนรู้สึกว่ามันไม่ควรนำมาขายแบบนี้ เพราะหลาย ๆ อย่างมันทำให้เราคิดได้ว่า “อ๋อ… ที่ทำมาแบบนี้เพราะอยากขายของใช่ไหม?” เพราะหากดูรายการไอเทมที่นำมาขายแล้วก็จะเห็นได้ว่าไอเทมเหล่านี้จริง ๆ แล้วส่าเข้ามาในเกมตั้งแต่ต้นเลยก็ได้ ทำให้เราได้เห็นวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนว่า “Capcom ต้องขายทำเงินจากการขายไอเทมเหล่านี้แบบเน้น ๆ” นั่นเอง

สรุปรีวิว Dragon’s Dogma II

เป็นอีกเกมที่ผู้เขียนรู้สึกเสียดายมากจริง ๆ ครับกับเกม Dragon’s Dogma II ที่เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่ดีมาก ๆ แต่กลับต้องมาสะดุดด้วยองค์ประกอบบางอย่างเช่นเฟรมเรตภายในเกมที่ตกอยู่ตลอดเวลา มุมกล้องที่ชวนมึนหัว และที่ผู้เขียนแอบรู้สึกเคืองจริง ๆ ก็คือระบบ Microtransaction ที่ถูกใส่เข้ามาภายในเกม ซึ่งเป็นอะไรที่ผู้เขียนเกาหัวอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ในทางกลับกันหากมองข้าม 3 ประเด็นหลักนั้นไป ผู้เขียนก็ยอมรับว่าเกมนี้ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเกมที่ต้องเล่นไม่ว่าจะเป็นกราฟิกที่สวยงามสมกับที่เป็นเกมลง PS5 เกมเพลย์ต่อสู้ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี มีความหลากหลายแปลกใหม่ และดาราเด่นของเกมก็คือระบบ Pawns ที่ไม่เหมือนใครนั่นเอง

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 7 เต็ม 10 ครับ (ถ้าตัดปัญหาที่บอกไว้ข้างต้นนับแต่เกมเพลย์ล้วน ๆ ผู้เขียนให้ที่ 9 เต็ม 10 ครับ) ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็ได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิกที่สวยงามมาก ๆ สมกับเป็นเกมลง PS5

– เกมเพลย์ต่อสู้ที่เข้มข้น มีความหลากหลายและแปลกใหม่

– ระบบ Pawn คือ The Best!

ข้อสังเกต

– เกมยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพอยู่เยอะมาก หวังว่าจะมีแพทช์มาแก้ในเร็ววัน

– ระบบ Microtransaction ที่ไม่น่าใส่เข้ามาแบบนี้เลย

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Capcom ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวกันในครั้งนี้ครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

สำหรับใครที่สนใจก็สามารถสั่งซื้อเกมได้ที่ :  [คลิก] 

ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม