[รีวิว] Marvel VS. Capcom Fighting Collection: Arcade Classics

หมายเหตุ: รีวิวนี้มีการอ้างอิงจากเวอร์ชัน Nintendo Switch ประสบการณ์ที่ได้รับอาจแตกต่างกัน

I wanna take you for a ride คงไม่มีเด็กหนวดคนไหนที่ไม่เคยได้ยินเสียงนี้ เพราะมันเป็นเพลงประกอบช่วงเลือกตัวละครจากเกมต่อสู้ครอสโอเวอร์ชื่อดัง Marvel VS. Capcom ภาคสองนั่นเอง และเกมนี้ก็นับเป็นส่วนหนึ่งของป๊อบคัลเจอร์ช่วงนึงด้วยการโคจรมาพบกันของสองแบรนด์ดังคือสื่อบันเทิง Marvel รวมดาวซูเปอร์ฮีโร่ กับ Cacpom ค่ายเกมเจ้าพ่อแอ็กชันจากญี่ปุ่น การันตีด้วยยอดจำหน่ายและการเข้าเล่นตู้อาร์เคดแบบยาวนานต่อเนื่อง

ภายหลังเองเกมก็ได้รับการพัฒนาให้กับอุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ อย่าง PS3 และ Xbox 360 เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนระบบ iOS อยู่ช่วงหนึ่ง ทว่าไม่นานก็ยกเลิกจำหน่ายไปด้วยเหตุผลลิขสิทธิ์ ทิ้งให้ทุกคนต้องนอยด์กันไปแถบๆ แต่วันนี้ Capcom ก็ได้กลับมาแล้วในชุด Marvel VS. Capcom Fighting Collection: Arcade Classics ที่ไม่ได้มีแค่ภาคนี้ภาคเดียว แต่พาเพื่อนเก่ากลับมาครบเลย และจะเป็นอย่างไรบ้างนั้น ThisIsGame Thailand ก็ไม่พลาดขอนำความประทับใจมาแบ่งปันที่นี่ในรีวิวล่าสุดกัน

ครบถ้วนสมบูรณ์ทุกภาค

เช่นเดียวกับชุด Fighting Collection ก่อนหน้าที่เคยวางจำหน่ายมา สำหรับเกมชุดนี้เองก็ยังคงมีรูปแบบนำเสนอที่เข้าใจง่ายมากๆ ครับนั่นคือไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากมาย เพียงแค่กดสตาร์ทจากหน้าไตเติ้ลก็สามารถเข้ามายังรายชื่อเกมได้ทันที โดยจะเรียงตามลำดับวางจำหน่ายเลยตั้งแต่โปรเจ็กต์แรกคือ X-Men Children of the Atom เรื่อยมาจนถึง Marvel VS. Capcom 2 ที่น่าจะเป็นเกมที่หลายคนให้การรอคอยมากที่สุดนั่นเองครับ

เกมต่อสู้ทุกเกมในชุดจะมีลักษณะการเล่นคล้ายกันหมดนั่นคือเป็นรูปแบบ 2D Fighting ที่ใช้ระบบ 1v1, 2v2 หรือ 3v3 ขึ้นอยู่กับภาค พร้อมลักษณะกิมมิคที่ไม่เหมือนกันเช่นการเก็บเพชรของ X-Men เมื่อเสริมความสามารถ ไปจนถึงระบบ Assist และ Air Combo เวอร์ๆ ของ Marvel VS. Capcom นั่นเอง ซึ่งรายละเอียดของเกมเชิงลึกเพื่อทำความรู้จักเบื้องหลังเนื้อเรื่องสามารถติดตามได้ในบทความเปิดกรุเกมเก่าของ ThisIsGame Thailand ข้างล่างได้เช่นกัน และต้องบอกว่าในด้านฟังก์ชันการเป็นคอลเลกชันเกมรวมฮิต ทางค่ายทำออกมาได้ดีมากๆ เลย

เกมที่ไม่พูดถึงไม่ได้น่าจะเป็น Marvel VS. Capcom 2 ที่นับเป็นเกมฮิตที่สุด และคนรอคอยมากที่สุด โดยจุดเด่นก็คือไลน์อัปตัวละครสูงถึง 56 นักสู้จากทั้งแฟรนไชส์ Street Fighter, Darkstalkers, Rockman ที่จะมาปะทะกับซุปตาร์ทั้งดาวร้ายและฮีโร่ดัง พร้อมออกท่าแบบอลังการฉากกะพริบไปมาด้วย Hyper Combo และระบบ Assist ที่ปรับปรุงมาได้ดีมากๆ คือเราสามารถเลือกรูปแบบการแท็กทีมช่วยเหลือได้ว่าจะเป็นออกมาตบเกรียนหรือออกมาเพิ่มบัฟเรา แต่ละตัวจะมีลักษณะไม่เหมือนกัน เช่นเดียวกับเมคานิกเฉพาะตัวใหม่ๆ

อาร์เคดแล้วไง แปลกตรงไหนบ้าง

ต้องบอกให้ชัดๆ ก่อนว่าเกมในชุดนี้มาพร้อมกับเวอร์ชันอาร์เคด ดังนั้นจะมีหลายจุดที่ต่างกันกับเครื่องเล่น PS1 – PS2 ที่เคยเป็นแพลตฟอร์มต้นฉบับของคอนโซล อย่างแรกคือสไปรต์อนิเมชันที่บอกได้เลยว่าดีกว่าแน่นอนเพราะจะแสดงผลได้ราบรื่นมากขึ้น แต่สิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนกลับไปก็คือ โหมดการเล่นจะจำกัดอยู่ที่โหมด Arcade (VS. CPU) ที่เล่นไปตามฉาก, โหมด Local VS. สำหรับการต่อสู้กับเพื่อน, โหมดออนไลน์ และโหมดฝึกซ้อมที่เพิ่มเข้ามาเป็นกรณีพิเศษ

ดังนั้นเมื่อเกมจำกัดเพียงแค่โหมดข้างต้น นั่นหมายความว่ากรณีที่มีฟังก์ชันอื่นๆ เคยเพิ่มมาบนคอนโซลก็จะถูกตัดออกไป แต่ฉันใดก็ดีครับหลายคนอาจกังวลไม่น้อยว่าตัวละครลับที่เคยซ่อนอยู่จะเป็นอย่างไร คำตอบก็คือสามารถปลดล็อกอัตโนมัติได้เลย เพราะก่อนเข้าเกมหากเราเลือกคำสั่งตั้งค่าจะมีเมนูเรียกว่า Secret Characters ที่ถ้าเราเลือกว่า Easy ปุ๊บก็สามารถเข้าไปเลือกตามจุดลับเดิม หรือว่าปรากฏขึ้นมาได้แบบไม่ต้องกดสูตรเพิ่มเติมครบทุกตัวครับ

นอกจากนั้นยังสามารถปรับแต่งเวอร์ชันเกมได้ด้วยว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา หรือ ญี่ปุ่น โดยในบางเกมอาจมีคอนเทนต์ที่ไม่เหมือนกัน เช่นตัวละคร Norimaro ที่อยู่ในเกม Marvel Super Heroes vs. Street Fighter ภาคญี่ปุ่นเท่านั้น และส่วนนี้ยังส่งผลเกี่ยวกับบาลานซ์ด้วยเพราะตัวละครทั้งโซนญี่ปุ่นกับโซนอเมริกาก็อาจมีบางท่าที่ปรับแต่งแตกต่างกัน จุดนี้สามารถศึกษากันได้เองในเกม

Marvel VS. Capcom Fighting Collection: Arcade Classics พ่วงด้วยฟีเจอร์เด็ดๆ และยังมีโบนัสแถมมาให้ด้วย

สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือโบนัสของแถมและฟีเจอร์ใหม่ๆ นั่นเอง โดยเป็นที่ทราบกันแล้วว่าเกมต่อสู้ข้างต้นทุกเกมล้วนมีระบบออนไลน์เพิ่มเข้ามา บางเกมก็เพิ่มเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วางจำหน่ายหลายสิบปีก่อน ซึ่งทุกเกมเป็น Rollback Netcode เพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่นทั้งหมด และโหมดสำหรับการฝึกซ้อมที่ถูกใส่เข้ามาก็จะมีคำสั่งที่ละเอียดมากขึ้นเช่นการดู Hitbox ดังนั้นถือว่าเกมนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการคัมแบคของเกม VS. Capcom ในสมรภูมิอีสปอร์ตได้ในอนาคตเพราะเมนูครบครันมากๆ และใครที่เล่นไม่เป็นไม่ต้องกังวลเลยเนื่องจากมีปุ่มเซ็ตท่า กดทีเดียวออกคอมโบแรงๆ ก็ได้

โบนัสที่เพิ่มเข้ามาอีกก็จะเป็นคลังภาพและคลังเพลงสำหรับชมสื่อหายาก แต่ที่เพิ่มมาเป็นพิเศษคือ The Punisher ที่ไม่ใช่เกมต่อสู้ ทว่าเป็นเกมแนวตะลุยด่านที่นับเป็นเกมแรกของ CAPCOM ที่ทำให้ Marvel นั่นเองครับ และท้ายที่สุดขอแง้มๆ ไว้นิดนึงว่า ในขณะที่เป็นเกมอาร์เคด ก็ยิ่งต้องเสริมประสบการณ์ที่สมจริงขึ้น นั่นคือเราตั้งค่าให้เกมจำลองการใส่เครดิต (แบบหยอดเหรียญ) ได้เหมือนกันครับ

กราฟิกและเพลงประกอบ

รูปแบบกราฟิกแน่นอนว่าก็จะเป็นสไปรต์สองมิติต่อสู้กันในฉากสีสันที่สดใส ซึ่งสไปรต์ยุคนั้นของ CAPCOM ดูมีความเป็นการ์ตูนสีสวยงามชัดเจนมากๆ ครับ แต่กระนั้นต้องยอมรับนิดนึงครับว่าเมื่อมาแสดงผลในหน้าจอขนาดใหญ่ความละเอียดสูงก็อาจเจอปัญหาพิกเซลแตกยับ โดยจะมีเมนูปรับฟิลเตอร์ให้เป็นสแกนไลน์แบบทีวีสมัยก่อน และบังคับสัดส่วนจอเป็น 4:3 ก็ได้เหมือนกัน โดยกรณีที่หลายคนรำคาญตาขอบแสดงผล ก็เลือกเป็นสีดำ – อาร์ตเวิร์กโชว์ข้างๆ ก็ได้

เพลงประกอบของ VS. Capcom ทุกเพลงมีความหลากหลายในตัว แต่ที่เป็นความเข้าใจตรงกันก็คือฟังปุ๊บก็รู้เลยว่าชิปเสียงยุค 32-bit มันมีเสน่ห์มาก มีเพียงภาคสุดท้ายในชุดคือ Marvel VS. Capcom 2 ที่เป็นการนำเสนอเพลงแจ๊สแบบฟิวชันกับอิเล็กทริก (นิวแจ๊ส) ทั้งหมด แต่เออมันเข้ากันมากนะ!

บทสรุป

พูดได้แบบไม่ต้องคิดเยอะว่า Marvel VS. Capcom Fighting Collection: Arcade Classics เป็นชุดที่สมบูรณ์แบบที่สุด และเกมเมอร์สายไฟต์ติ้งที่ชื่นชอบแฟรนไชส์ VS. Capcom ยิ่งไม่ควรพลาด ด้วยโอกาสที่เราจะได้หวนกลับมาเล่นเกมเก่ากันอีกครั้ง และแค่ MvC 2 เพียงภาคเดียวก็ถือว่าคุ้มมากพอด้วยปริมาณคอนเทนต์จึ้งๆ แถมการปรับสู่ประสบการณ์ออนไลน์เช่นมัลติเพลเยอร์ และกระดาน Hi-score ก็ถือว่าช่วยให้เราได้ปั่นคะแนนกันยาวๆ ฝั่งออฟไลน์ก็ยิ่งแล้วใหญ่พร้อมให้รับแขกเวลาเพื่อนบ้านมาเยี่ยมเยียนนึกถึงความหลังตลอด เสียอย่างเดียวจุดที่ผมอยากให้มีคือ Cross-play ครับ

สำหรับใครที่สนใจ Marvel VS. Capcom Fighting Collection: Arcade Classics ก็สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ทั้งบน PlayStation 5, Nintendo Switch และ PC ผ่านรูปแบบดิจิทัล โดยจะมีเกมรูปแบบแผ่นให้สะสมในช่วงปลายปีนี้เช่นกันครับ อย่างไรก็ตามฝั่ง Xbox ขอให้อดใจรออีกนิด เพราะทางผู้พัฒนายืนยันว่าจะตามมาในช่วงปีหน้า สำหรับโอกาสถัดไป ThisIsGame Thailand จะมีอะไรมาแบ่งปันอย่าลืมติดตามที่นี่เช่นเคย