PS5คอนโซล / พีซีรีวิวรีวิว / พรีวิวเกม

[รีวิว] Ghost of Yōtei – นักรบปีศาจแห่งโยเทกับการล้างแค้นเหล่าอสูรทั้ง 6

เกมแอ็กชั่นภาคต่อที่ยังคงคุณภาพชั้นเยี่ยมไว้ได้เป็นอย่างดี

Ghost of Yōtei ดำเนินเรื่อง 300 ปีหลังจากเกม Ghost of Tsushima ที่ได้รับคำชมอย่างล้นหลาม เกมนี้เป็นประสบการณ์แบบสแตนด์อโลนที่ดำเนินเรื่องในชนบทของญี่ปุ่นในช่วงปี 1600 เนื้อเรื่องจะติดตามทหารรับจ้างผู้โดดเดี่ยวชื่อว่าอัตสึ อัตสึต้องการจะแก้แค้นและเธอก็ได้เดินทางผ่านทิวทัศน์ที่งดงามและยากลำบากของญี่ปุ่นตอนเหนือ ตามล่าผู้ที่สังหารครอบครัวของเธอเมื่อหลายปีก่อน

ในโอกาสนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปตามล่าอสูรแห่งโยเทมาแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 โดยหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

กราฟิกและความลื่นไหลที่ยกระดับประสบการณ์

Ghost of Yōtei Review

สิ่งแรกที่สัมผัสได้ทันทีเมื่อเข้าเล่นเกมก็คือ งานกราฟิกที่ถูกยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะโมเดลตัวละครที่ดูสมจริงกว่าเดิมอย่างมาก รายละเอียดของอนิเมชันการเคลื่อนไหวและการแสดงออกทางสีหน้า ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม แววตา หรืออารมณ์ในฉากคัทซีน ล้วนถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ จนทำให้ผู้เขียนรู้สึกอินไปกับบรรยากาศและเนื้อเรื่องได้มากยิ่งขึ้น

Ghost of Yōtei Review

ในด้านของความลื่นไหลในการเล่น ต้องบอกว่าประทับใจไม่แพ้กัน ตลอดการเล่นผู้เขียนไม่พบปัญหาเฟรมเรตตกหรืออาการกระตุกให้เสียอารมณ์ ไม่ว่าจะเลือกโหมดที่เน้นคุณภาพกราฟิก โหมดที่เน้นเฟรมเรตสูง หรือแม้แต่โหมด Ray Tracing ที่อัดแน่นด้วยแสงเงาอันสมจริง ทุกโหมดต่างมอบประสบการณ์ที่ลื่นไหลและสวยงามจนเรียกได้ว่า “ตะลึงทุกครั้งที่กดเริ่มเกม” เลยทีเดียว

การแปลภาษาไทยที่ทำได้อย่างประณีต

Ghost of Yōtei Review

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกประทับใจอย่างมากคือ การแปลภาษาไทยภายในเกม ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด หากใครเคยชื่นชอบงานแปลใน Ghost of Tsushima มาก่อน ต้องบอกเลยว่า Ghost of Yōtei ก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้ภาคแรกเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษาที่มีความถูกต้อง อ่านแล้วลื่นไหล ไม่มีคำผิดให้สะดุดสายตา อีกทั้งยังเลือกถ้อยคำได้สละสลวยจนทำให้เนื้อเรื่องและบทสนทนาดูน่าติดตามมากขึ้น

สิ่งนี้ทำให้เกมไม่ใช่แค่สนุกในแง่ของการเล่น แต่ยังเติมเต็มบรรยากาศการผจญภัย ให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิยายคุณภาพเล่มหนึ่งไปพร้อมกับการต่อสู้และการสำรวจ หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องและรายละเอียดเชิงภาษา รับรองว่าการแปลไทยของเกมนี้จะทำให้คุณหลงใหลไม่แพ้เกมเพลย์เกมอื่นเลยทีเดียว

ลูกเล่นการเล่นที่เข้มข้นและน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม

Ghost of Yōtei Review

ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ เกมนี้คือ Ghost of Tsushima เวอร์ชั่นที่ถูกอัปเกรดขึ้นอย่างพิถีพิถัน ตัวเกมยังคงคอนเซ็ปต์เดิมในการออกสำรวจโลกกว้าง กำจัดศัตรู และพัฒนาตัวละครผ่านการดำเนินเรื่อง แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามากลับทำให้ทุกองค์ประกอบดูสดใหม่และมีมิติยิ่งกว่าเดิม

Ghost of Yōtei Review

เริ่มต้นจากระบบการต่อสู้ที่ได้รับการปรับปรุงจนรู้สึกได้ถึงความ “ลื่นไหล” อย่างแท้จริง มีลูกเล่นใหม่ ๆ อย่างการหยิบอาวุธขว้างใส่ศัตรูเพื่อคอมโบต่อเนื่อง ทำให้การต่อสู้มีจังหวะที่หลากหลายและน่าตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ การตามล่าศัตรูคู่แค้นยังเต็มไปด้วยรายละเอียด ไม่ได้เป็นเพียงการวิ่งไปกำจัดให้เสร็จสิ้น แต่ผู้เล่นจะได้พบกับ NPC และเควสย่อยที่ค่อย ๆ เผยเรื่องราวของศัตรูให้เราได้รู้มากยิ่งขึ้น ซึ่งยิ่งเรารู้มากเท่าไหร่ การต่อสู้ก็ยิ่งได้เปรียบและเข้มข้นมากขึ้น

ในด้านรูปแบบการโจมตีของศัตรูที่ในภาคนี้มีการเพิ่ม “การโจมตีสีทอง” เข้ามานอกเหนือจากการโจมตีสีฟ้าและสีแดงแบบเดิม โดยผู้เล่นจำเป็นต้องรีบทำลายการ์ดของศัตรูให้ทัน หากพลาดจะถูกปลดอาวุธ ทำให้การต่อสู้ท้าทายและกดดันขึ้นไปอีกระดับ ถือเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ ที่สร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อรูปแบบการเล่น

Ghost of Yōtei Review

ส่วนอาวุธหลักก็มีให้เลือกใช้หลากหลายแบบทั้ง คาตานะ, คาตานะคู่, โอดาจิ, ยาริ, คุซาริกามะ, ปืนคาบศิลา, ธนู และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งอาวุธแต่ละแบบมีจุดเด่นและข้อได้เปรียบแตกต่างกันไปตามประเภทของศัตรู คล้ายกับท่วงท่า (Stance) การต่อสู้ในภาคแรก แต่ครั้งนี้การที่ตัวละครของเรามีตัวเลือกอาวุธมากขึ้นทำให้ ฉากการต่อสู้เต็มไปด้วยสีสัน ความหลากหลาย และความตื่นเต้น ที่ยกระดับประสบการณ์โดยรวมขึ้นไปอีกขั้น

Ghost of Yōtei Review

ในขณะเดียวกันตัวเกมก็มาพร้อมกับระบบ “ล่าค่าหัว” ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสีสันของเกม และเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้เราได้เห็นโลกในเกมนี้ลึกขึ้นด้วย โดยเราจะสามารถรับค่าหัวได้บอร์ดประกาศ ณ ที่พักหลักของเรา จากนั้นจะมีระบุขึ้นมาในแผนที่ว่าเป้าหมายเราอยู่ที่ไหน ให้เราเดินทางไปหาและจัดการได้เลย และอีกหนึ่งระบบที่แปลกใหม่หน่อยก็คือระบบ “แผนที่” ที่จะสุ่มขึ้นมาขายตามเวลา โดยแผนที่เหล่านั้นจะเป็นเหมือนจุดสำคัญให้เราได้ไปค้นหานั่นเอง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายละเอียดใหม่ ๆ ที่ผู้เขียนได้สัมผัส ซึ่งยังมีอีกมากมายที่ขอเก็บไว้ให้ผู้เล่นได้ไปค้นพบด้วยตัวเอง แต่รับรองได้ว่า การเพิ่มลูกเล่นเหล่านี้ทำให้เกมมีคุณค่าและน่าจดจำมากขึ้นอย่างชัดเจน

การสำรวจโลกที่กว้างใหญ่ที่อิสระพร้อมสูบเวลาของผู้เล่นแบบไม่รู้ตัว

Ghost of Yōtei Review

หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดคือ การได้ขี่ม้ามุ่งหน้าสู่โลกกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ทุกย่างก้าวของการสำรวจเต็มไปด้วยบรรยากาศที่น่าหลงใหล และเมื่อดำเนินเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นก็จะได้ปลดล็อคพื้นที่ใหม่ ๆ ที่รอให้ค้นพบอยู่เสมอ ทำให้การผจญภัยไม่มีวันหยุดนิ่ง

เพื่อไม่ให้การสำรวจรู้สึกน่าเบื่อ เกมยังมีลูกเล่นที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เช่น ทุ่งดอกไม้สีขาว ที่เมื่อม้าวิ่งผ่านจะช่วยเพิ่มความเร็ว หรือแม้แต่ระบบตั้งแคมป์ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว และยังใช้เป็นจุด Fast Travel ได้อีกด้วย รายละเอียดเล็ก ๆ เหล่านี้ทำให้การเดินทางในโลกกว้างเต็มไปด้วยความลื่นไหลและไม่รู้สึกเสียเวลาแม้แต่น้อย

Ghost of Yōtei Review

นอกจากนี้การสำรวจในโลกยังมีการตามหาศาลเจ้า การฟันไม่ไผ่ การแช่บ่อน้ำพุร้อนเช่นเคย (และเราจะได้เห็น “ก้นแห่งโยเท” เหมือนกับที่เราได้เห็น “ก้นแห่งสึชิมะ” ด้วย) โดยหนึ่งในรายละเอียดของการสำรวจที่ผู้เขียนประทับใจมากคือ ระบบสำรวจศาลเจ้าจิ้งจอก ที่ไม่ได้จำกัดแค่การวิ่งตามเพื่อไปสักการะเหมือนภาคก่อน แต่ครั้งนี้มีภารกิจย่อยเล็ก ๆ แทรกเข้ามา เช่น การช่วยเหลือผู้คนหรือช่วยเหลือหมาจิ้งจอกตัวอื่น ทำให้ผู้เล่นได้เห็นความเป็นธรรมชาติของหมาจิ้งจอกและเพิ่มสีสันให้กับการสำรวจได้อย่างลงตัว

Ghost of Yōtei Review

สำหรับการสำรวจนี้ยังส่งผลต่อเนื้อเรื่องด้วย เพราะภายในเกมนี้ไม่ได้มีการล็อคลำดับชัดเจนว่าจะต้องไปหาบอสตัวไหนก่อน ทำให้เกมนี้ลำดับการเล่นของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน นอกจากนี้ ลำดับของบอสที่เราไปหานั้นจะส่งผลต่ออาวุธ และภูมิภาคใหม่ที่จะปลดล็อคให้เราได้เล่นกันด้วย ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งอิสระที่ผู้พัฒนามอบให้กับผู้เล่นในเกมนี้

เนื้อเรื่องละเมียดละไม มีลูกเล่นชวนให้อิน

Ghost of Yōtei Review

ถ้าเทียบสเกลเรื่องราวแล้ว Ghost of Yōtei อาจดูเล็กกว่า Ghost of Tsushima ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะภาคแรกเป็นสงครามระหว่างประเทศอย่างมองโกลและญี่ปุ่น ส่วนภาคนี้โฟกัสไปที่การล้างแค้นของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเป็นหลัก แต่ประเด็นที่ผู้เขียนกังวลตอนแรกกลับหายไปเมื่อได้เล่นเกมนี้จริง ๆ

แม้แก่นเรื่องจะเล็กลง แต่ทีมพัฒนาเติมเต็มจุดนั้นด้วยรายละเอียดจุดเล็กจุดน้อยที่เรียงตัวกันจนกลายเป็นภาพใหญ่ที่น่าติดตาม ข้อมูลเบื้องหลัง ตัวละครรอง เหตุการณ์ในท้องถิ่น ทุกอย่างถูกถักทอเข้าด้วยกันอย่างประณีต ทำให้การเดินเรื่องไม่รู้สึกอ่อนหรือตื้น แต่กลับอิ่มและมีมิติขึ้นมาก และสิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึก “ว้าว” มากคือวิธีการเล่าเรื่องที่ไม่ยอมบอกตรง ๆ แต่ค่อย ๆ หยอดทีละเล็กทีละน้อย ผ่านบทสนทนา สภาพแวดล้อม หรือเหตุการณ์ระหว่างการเล่น บ่อยครั้งที่ฉากต่อไปก็ทำให้เราเซอร์ไพรส์ไปเลย ซึ่งจังหวะแบบนี้ช่วยสร้างความตื่นเต้นและอยากติดตามจนเลิกเล่นได้ยากจริง ๆ (ไม่ขอสปอยล์นะครับ)

Ghost of Yōtei Review

อีกลูกเล่นหนึ่งที่น่าสะเทือนใจคือในบางพื้นที่นั้นจะมีระบบย้อนเวลาที่ให้เราได้กลับไปสำรวจอดีตในช่วงวัยเด็กของตัวละคร การได้เห็นเหตุการณ์ที่หล่อหลอมตัวละครเหล่านั้น ทำให้เราเข้าใจและอินกับแรงผลักดันของพวกเขามากขึ้น บอกเลยว่ามีฉากที่ทำให้ขนลุกจนเกือบน้ำตาไหลได้เลยทีเดียว

สรุปคือ ถ้าคุณชอบเกมที่ให้ความสำคัญกับการเล่าเรื่องละเอียด ๆ และชอบถูกเซอร์ไพรส์ด้วยการคลี่ปมทีละเล็กทีละน้อย Ghost of Yōtei จะทำให้คุณประทับใจแน่นอน แม้จะไม่ใช่มหากาพย์ยิ่งใหญ่เท่าภาคแรก แต่รายละเอียดและการนำเสนอทำให้มันมีพลังทางอารมณ์ไม่แพ้ภาคแรกเลยทีเดียว

ระบบหมาป่าผู้ช่วยสุดแจ่ม เพิ่มสีสันการผจญภัย

Ghost of Yōtei Review

อีกหนึ่งระบบที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกตื่นเต้นและประทับใจมากคือ ระบบหมาป่าผู้ช่วย ที่ไม่ใช่แค่สัตว์ป่าธรรมดา แต่กลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางคอยช่วยผู้เล่นต่อสู้กับศัตรูได้อย่างดุดันและเท่สุด ๆ จุดที่ทำให้ระบบนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นคือผู้เล่นสามารถอัปเกรดความสามารถของหมาป่าได้เอง ผ่านการออกสำรวจพื้นที่ ค้นหารังหมาป่า และทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อปลดล็อคสกิลใหม่ ๆ ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการต่อสู้ให้ลื่นไหลและเร้าใจกว่าเดิม

Ghost of Yōtei Review

สิ่งนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดของผู้พัฒนา เพราะมันทำให้การผจญภัยในเกมไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่กลับอบอุ่นและน่าตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อเรามีคู่หูสี่ขาที่พร้อมกระโจนเข้ามาช่วยในยามคับขัน หลายครั้งผู้เขียนสนุกกับการล่ามากขึ้นเมื่อหมาป่าช่วยจัดการศัตรูได้อย่างรวดเร็ว หรือเข้ามากอบกู้สถานการณ์ในเสี้ยววินาทีก่อนที่ตัวละครจะล้มลง

บอกเลยว่าหมาป่าในเกมนี้ไม่ได้เป็นแค่ “ผู้ช่วย” ธรรมดา แต่มันคือพันธมิตรที่ทำให้ทุกการต่อสู้มีมิติและสนุกมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในฟีเจอร์ที่ทำให้เกมนี้แตกต่างและน่าจดจำมากยิ่งขึ้น

สรุปรีวิว

Ghost of Yōtei Review

Ghost of Yōtei เป็นเกมที่ยกระดับประสบการณ์จากภาคก่อนอย่างชัดเจน ทั้งกราฟิกที่สมจริงขึ้นจนแสดงอารมณ์ตัวละครและคัทซีนได้อย่างเป็นธรรมชาติ ความลื่นไหลในการเล่นไม่ว่าจะโหมดใดก็ประทับใจ ระบบการแปลภาษาไทยละเอียด ประณีต อ่านได้ลื่นไหล ช่วยเติมเต็มบรรยากาศการผจญภัย การต่อสู้ที่ได้รับการปรับปรุงให้ลื่นไหล พร้อมลูกเล่นใหม่ ๆ ทั้งอาวุธและระบบโจมตีศัตรูที่ท้าทาย โลกกว้างใหญ่เต็มไปด้วยกิจกรรมสำรวจและรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สร้างความหลากหลายและความสนุกอย่างต่อเนื่อง เนื้อเรื่องแม้โฟกัสเล็กกว่าเดิมแต่ละเอียดละเมียด ชวนอินและเซอร์ไพรส์ด้วยการคลี่ปมทีละน้อย พร้อมระบบหมาป่าผู้ช่วยที่เพิ่มมิติและความเร้าใจในการต่อสู้ ถือเป็นเกมที่ผสมผสานกราฟิก การเล่น เรื่องราว และฟีเจอร์ใหม่ได้อย่างลงตัวและน่าจดจำทุกประสบการณ์

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 10 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็เป็นได้ครับ

จุดเด่น

– มีซับไทยให้ได้ใช้งาน แถมแปลได้ดีมาก

– กราฟิกสวยงาม อนิเมชั่นหน้าตาทำได้ดีขึ้นมาก

– เกมเพลย์ต่อสู้ลื่นไหลขึ้น และมีลูกเล่นมากยิ่งขึ้น

– เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม นำเสนอได้อย่างชาญฉลาด

– ระบบหมาป่าผู้ช่วยที่มีประโยชน์

– ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ใส่มาได้อย่างแยบยล

– Photo Mode ยังแจ่มเหมือนเดิม

ข้อสังเกต

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Sony Interactive Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]

ภาพสกรีนช็อตเพิ่มเติม

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<

Youryu

นักผจญเกมที่ไม่จำกัดประเภทและแพล็ตฟอร์ม
Back to top button