[รีวิว] Final Fantasy Tactics – The Ivalice Chronicles – นักรบนิรนามในมหาสงครามสองราชสีห์

Final Fantasy Tactics – The Ivalice Chronicles เป็นเกม Turn-Based Tactical RPG ที่เล่าเรื่องราวเข้มข้นของอำนาจ การหักหลัง และเกียรติยศในโลกยุคกลางแห่ง Ivalice ผ่านสายตาของ Ramza Beoulve ขุนนางหนุ่มผู้มีอดีตที่ถูกปิดบังไว้จากหน้าประวัติศาสตร์ที่บอกได้เลยว่าการกลับมาในครั้งนี้ คุ้มค่ากับการรอคอยแน่นอน

ในโอกาสนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าไปผจญภัยกับ Ramza มาแล้ว และก็ไม่พลาดที่จะนำรีวิวมาให้ทุกคนได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การรีวิวนี้เกิดขึ้นบน Switch โดยหากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้าหลังจากที่รีวิวนี้ได้เผยแพร่ไปแล้ว ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้

กราฟิกที่คลาสสิคแต่ทันสมัยกว่าเดิม

กราฟิกของเกมนี้ต้องบอกเลยว่ายังคงเสน่ห์ความคลาสสิคไว้อย่างงดงามในสไตล์พิกเซลอาร์ต แต่ก็ได้รับการอัปเกรดให้มีรายละเอียดที่คมชัดและมีชีวิตชีวามากกว่าเดิม ทุกฉาก ทุกเอฟเฟกต์ดูโดดเด่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ราวกับเป็นการผสมผสานระหว่างกลิ่นอายของเกมยุคเก่ากับเทคโนโลยีปัจจุบันได้อย่างลงตัว จากที่ผู้เขียนลองเล่นบนเครื่อง Switch รุ่นแรก พบว่าเกมสามารถรันได้ลื่นไหลราว 80% ตลอดเวลา มีเพียงบางจังหวะที่เอฟเฟกต์ขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นแล้วเฟรมเรตอาจตกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นรบกวนประสบการณ์การเล่นแต่อย่างใด

เสียงพากย์ที่ปลุกตำนานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

สำหรับใครที่เคยสัมผัส Final Fantasy Tactics เวอร์ชั่น PS1 มาก่อน การได้กลับมาเล่นในเวอร์ชั่น Final Fantasy Tactics – The Ivalice Chronicles บน PSP ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจสุด ๆ เพราะสิ่งแรกที่สัมผัสได้ทันทีคือ “เสียงพากย์เต็มรูปแบบ” ที่ช่วยยกระดับอารมณ์และความมีชีวิตชีวาของเรื่องราวให้เหนือกว่าเดิมหลายเท่า

เกมนี้ให้ผู้เล่นเลือกได้อย่างอิสระว่าจะใช้เสียงพากย์ ภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่น พร้อมซับไตเติ้ลหลายภาษาให้เลือกใช้งานตามความถนัด ซึ่งถือเป็นการเติมเต็มสิ่งที่เกมภาคต้นฉบับขาดไปในยุค PS1 ที่ไม่มีเสียงพากย์เลยแม้แต่น้อย พอได้ยินเสียงของตัวละครพูดออกมาจริง ๆ ความรู้สึกของเรื่องราวก็เข้มข้นขึ้นทันที โดยเฉพาะฉากสำคัญที่เต็มไปด้วยอารมณ์—จากที่เคยต้องจินตนาการเอาเอง กลายเป็นซีนที่ “สัมผัสได้” อย่างแท้จริง

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าชื่นชมคือการพากย์เสียงเหล่านี้ไม่ได้ทำแค่แบบขอไปที แต่พวกเขาทุ่มเทในการพากย์เสียงออกมาได้อย่างดี ทำให้แต่ละตัวละครมีเอกลักษณ์และมีน้ำเสียงที่สื่ออารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ยิ่งสำหรับแฟนเกมที่ติดตามเนื้อเรื่องอย่างจริงจัง การได้ฟังเสียงพากย์เหล่านี้ช่วยให้เรา “เข้าใจ” ตัวละครมากขึ้น เห็นถึงความรู้สึกภายในใจของพวกเขาได้อย่างลึกซึ้ง และทำให้เนื้อเรื่องของภาคนี้ “ทรงพลัง” ยิ่งกว่าที่เคยเป็น

และผู้เขียนพูดได้เต็มปากเลยว่า เสียงพากย์ในภาค PSP คือองค์ประกอบที่ปลุกตำนาน Final Fantasy Tactics ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง  และมันจะทำให้คุณหลงรักเรื่องราวภายในเกมนี้มากกว่าเดิมแน่นอน

กลยุทธ์สุดเข้มข้นที่ยังคงตราตรึง

หนึ่งในเสน่ห์ที่ทำให้ Final Fantasy Tactics ยังคงตราตรึงใจแฟนเกมจนถึงวันนี้ ก็คือ “ระบบการวางแผนการรบ” ที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความลึกซึ้งทางกลยุทธ์ ทุกการตัดสินใจในสนามรบมีผลจริง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง การเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ระดับความสูงของแผนที่ เพราะภูมิประเทศในเกมนี้ไม่ใช่แค่ฉากประกอบแต่มันคือ “ตัวแปรสำคัญ” ที่กำหนดผลลัพธ์ของการต่อสู้ได้อย่างแท้จริง

การโจมตีจากจุดสูงให้ความได้เปรียบอย่างชัดเจนโดยเฉพาะระยะโจมตี ในขณะที่พื้นที่ต่ำอาจกลายเป็นหลุมพรางที่ทำให้ผู้เล่นต้องคิดให้รอบคอบก่อนขยับทุกก้าว อีกทั้ง “ทิศทางการหันหน้า” ยังมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ โดยการโจมตีจากด้านหน้าอาจถูกป้องกันหรือหลบได้ง่าย แต่ถ้าเราลอบโจมตีจากด้านหลัง ความเสียหายที่สร้างได้ก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น และทำให้ศัตรูหลบหลีกเราได้ยากขึ้นตามไปด้วย ทำให้ทุกเทิร์นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และต้องใช้สติอย่างมากในการคาดเดาทิศทางของศัตรู

แน่นอนว่า ความท้าทายยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะระบบ “โจมตีโดนเพื่อนร่วมทีม” ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม หากวางตำแหน่งผิดพลาดเพียงเล็กน้อย มีโอกาสสูงที่เราจะฟาดเพื่อนตัวเองเข้าเต็ม ๆ ซึ่งแม้จะสร้างความหัวเสียได้บ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกมนี้แตกต่างจากเกมแนววางแผนทั่วไป เพราะมันบังคับให้ผู้เล่นต้อง “คิดให้ลึก” ก่อนลงมือทุกครั้ง

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไมระบบต่อสู้ของ Final Fantasy Tactics – The Ivalice Chronicles ที่แม้จะเป็นเกมกึ่งรีมาสเตอร์ถึงยังคงทรงพลังและน่าหลงใหลแม้เวลาจะผ่านไปหลายปี มันไม่ใช่เพียงการสู้รบธรรมดา แต่คือ “ศิลปะแห่งการวางกลยุทธ์” ที่ท้าทายความคิดของผู้เล่นในทุกเทิร์นอย่างแท้จริง

ฟีเจอร์ใหม่ทำให้เข้าถึงง่ายขึ้น เล่นลื่นไหลกว่าที่เคย

หนึ่งในจุดที่ต้องปรบมือให้กับ Final Fantasy Tactics – The Ivalice Chronicles ฉบับรีมาสเตอร์ครั้งนี้ คือการเพิ่ม “ฟีเจอร์อำนวยความสะดวก” ที่ช่วยให้ผู้เล่นยุคใหม่เข้าถึงเกมได้ง่ายขึ้น โดยไม่ลดทอนเสน่ห์ของต้นฉบับเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นระบบ เร่งความเร็วฉากต่อสู้และคัทซีน, บันทึกชุดอุปกรณ์และความสามารถของตัวละคร รวมถึง มุมมองแบบ Top-down ที่ช่วยให้การวางแผนในสนามรบชัดเจนและเป็นระบบมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ระบบเหล่านี้จะช่วยให้การเล่นเกมสะดวกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังมีรายละเอียดเล็ก ๆ ที่อยากให้ทีมพัฒนาเก็บไปปรับปรุงเพิ่มเติม เช่น ฟีเจอร์เร่งความเร็วที่ต้อง “กดค้าง” เพื่อให้ทำงาน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเมื่อยมือเล็กน้อย โดยเฉพาะระหว่างคัทซีนที่ยาวหลายนาที หากในอนาคตมีการอัปเดตให้สามารถ “สลับเปิด-ปิด” ได้ด้วยปุ่มเดียวก็คงจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นไปอีก (และถ้ามีปุ่ม “ข้ามคัทซีน” ให้ด้วยก็จะดีไม่น้อย)

นอกจากนี้ เกมยังเพิ่มระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่น กลับสู่แผนที่โลกได้ทุกเมื่อ รวมถึงสามารถเลือก “สู้หรือหนี” จากศัตรูแบบสุ่มได้ตามต้องการ ทำให้การฟาร์มเลเวลหรือเก็บเควสทำได้รวดเร็วและยืดหยุ่นกว่าเดิมมาก สำหรับแฟนรุ่นเก่าที่ชอบปั้นทีมแบบสุดโต่ง เกมก็ยังเปิดโอกาสให้ “ตีเพื่อนในทีมเพื่อเก็บเลเวล” ได้อยู่เช่นเดิม

นอกจากนี้ ระบบเปลี่ยนคลาสของตัวละคร ก็ได้รับการออกแบบใหม่ให้ใช้งานง่ายขึ้นมาก ผู้เล่นสามารถดูแผนผังคลาสได้แบบชัดเจน เห็นได้ทันทีว่าคลาสไหนพัฒนาเป็นอะไรต่อ และต้องอัปเลเวลคลาสใดก่อนถึงจะปลดล็อคคลาสใหม่ได้ ซึ่งช่วยลดความสับสนจากภาคเก่าไปได้มาก และทำให้การวางแผนพัฒนาทีมเป็นเรื่องที่ทั้งง่ายและสนุก

ตัวเกมยังมาพร้อมกับระบบเลือกความยากทั้งหมด 3 ระดับด้วยกัน ซึ่งเท่าที่ผู้เขียนลองเล่นในระดับ Knight (ระดับปานกลาง) นั้นแอบรู้สึกว่าง่ายกว่าสมัยก่อน หรือจริง ๆ แล้วยากเท่าเดิม แต่เราโตขึ้นทำให้วางแผนได้ละเอียดขึ้น รวมไปถึงเตรียมพร้อมในการต่อสู้ได้มากขึ้นก็ไม่อาจทราบได้ (ฮา…) แต่โดยรวมแล้วการที่ตัวเกมมีการให้เลือกความยากในการเล่นก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับแฟนเกมที่มีความหลากหลายเช่นกัน

อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาและชวนให้พูดถึง คือระบบ “การต่อสู้อัตโนมัติ” ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดภาระของผู้เล่นในการต่อสู้ซ้ำ ๆ แต่กลับกลายเป็นฟีเจอร์ที่ใช้งานยากกว่าที่คาดไว้ แม้เกมจะเปิดโอกาสให้เราตั้งค่าพฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัวได้ละเอียดมาก เช่น เลือกให้เน้นโจมตีหรือเน้นป้องกัน แต่ความละเอียดนั้นกลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะเมื่อเลือกโจมตี ระบบจะถามต่อว่า “ให้โจมตีใคร” และถ้าเลือกป้องกัน ก็จะถามว่า “ให้ป้องกันใคร” จนกลายเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนเกินจำเป็น แม้ระบบนี้จะมีประโยชน์เมื่อเข้าใจการใช้งานอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้จุดที่ค่อนข้างเป็นข้อสังเกตสำหรับผู้เขียนก็คือการตัดสินใจของ AI ยังรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย แถมยังต้อง “กดเปิดออโต้ทีละตัวละครใหม่ทุกรอบที่เข้าต่อสู้” และเมื่อจะยกเลิกก็ต้อง “กดยกเลิกทีละตัวละคร” ทำให้หลายครั้งต้องเสียเทิร์นไปอย่างน่าเสียดาย ฟีเจอร์นี้จึงเป็นเหมือนของดีที่ละเอียดเกินไป แต่ก็น่าจับตามองหากทีมพัฒนาปรับปรุงต่อในอนาคต

โดยรวมแล้ว ฟีเจอร์ที่ถูกเพิ่มเข้ามาในภาครีมาสเตอร์นี้ช่วยให้เกมเล่นได้ “ไหลลื่นขึ้น” อย่างแท้จริง เหมาะทั้งกับแฟนรุ่นเก่าที่อยากกลับมารำลึกความทรงจำ และผู้เล่นหน้าใหม่ที่อยากสัมผัสความคลาสสิคของกลยุทธ์ระดับตำนานในยุคที่เกมยุคเก่ากับเทคโนโลยีใหม่ผสานกันได้อย่างลงตัวที่สุด

สรุปรีวิว

Final Fantasy Tactics – The Ivalice Chronicles คือการคืนชีพของตำนานเกมกลยุทธ์ที่ทรงคุณค่าที่สุดเกมหนึ่ง ด้วยกราฟิกพิกเซลอาร์ตที่คงเสน่ห์ความคลาสสิคไว้ครบถ้วนแต่ยกระดับความละเอียดและเอฟเฟกต์ให้คมชัดมีชีวิตชีวากว่าเดิม เสียงพากย์เต็มรูปแบบทั้งภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นช่วยเติมอารมณ์ให้เรื่องราวมีพลังและเข้าถึงตัวละครได้ลึกซึ้ง ระบบการวางแผนการรบยังคงเข้มข้นและท้าทายทุกการตัดสินใจ ขณะเดียวกันก็เพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมายให้การเล่นลื่นไหลและเข้าถึงง่ายขึ้น ทำให้เกมนี้คือเกมเวอร์ชั่นที่รีมาสเตอร์ได้อย่างทรงคุณค่า ทั้งคงเสน่ห์ดั้งเดิมและปรับให้เข้ากับผู้เล่นยุคใหม่ได้อย่างลงตัวที่ผู้เล่นไม่ควรพลาด

ส่วนตัวผู้เขียนขออนุญาตให้คะแนนเกมนี้ที่ 8.5 เต็ม 10 ครับ ผู้เขียนขอย้ำว่า รีวิวนี้ รวมถึงคะแนนนี้เป็นมุมมองของผู้เขียนเท่านั้น แฟนเกมคนอื่น ๆ อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกันก็เป็นได้ครับ

จุดเด่น

– กราฟิกพิกเซลอาร์ตสวยงาม ผสมความคลาสสิคกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว

– เสียงพากย์เต็มรูปแบบช่วยเพิ่มพลังและอารมณ์ของเรื่องราว

– ระบบการต่อสู้เชิงกลยุทธ์ลึกซึ้ง ใช้ภูมิประเทศและทิศทางได้อย่างมีชั้นเชิง

– เพิ่มฟีเจอร์อำนวยความสะดวก เช่น เร่งความเร็ว บันทึกอุปกรณ์ และเลือกความยาก

– ระบบเปลี่ยนคลาสออกแบบใหม่เข้าใจง่าย วางแผนทีมสนุกขึ้น

ข้อสังเกต

– ไม่มีคอนเทนต์ End Game หลังจบ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเสียดายมาก ๆ สำหรับเกมสมัยนี้

– มีการตัดเนื้อหาในส่วนของ PSP ออกไปเยอะพอสมควร

– ระบบออโต้ยังขาด ๆ เกิน ๆ อยู่

– เฟรมเรตอาจตกเล็กน้อยในบางจังหวะที่เอฟเฟกต์เยอะ

– AI (ฝั่งเรา) ตัดสินใจไม่ฉลาดนัก

– ฟีเจอร์เร่งความเร็วต้องกดค้าง ใช้งานไม่สะดวกอย่างมาก

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ Bandai Namco Entertainment ที่เอื้อเฟื้อและสนับสนุนเกมมาให้เราได้รีวิวในครั้งนี้ด้วยครับ ส่วนครั้งหน้าจะเป็นเกมอะไรนั้น โปรดติดตามกันได้เลย…

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมและสั่งซื้อเกมได้ที่ : [คลิก]

ผู้อ่านคนใดต้องการติดตามรีวิว / พรีวิวเกมอื่น ๆ ของ This Is Game Thailand ก็สามารถมาได้ที่นี่ครับ >>>คลิก<<<