5 ความประทับใจจากการทดลองเล่น Avatar: Frontiers of Pandora
โลกที่สวยงาม เกมเพลย์ที่หลากหลาย และการเหินฟ้าด้วย Ikran
Avatar: Frontiers of Pandora เป็นเกม Open-World RPG ใน Western Frontier ซึ่งเป็นหนึ่งในทวีปของ Pandora โดยเราจะสามารถสำรวจสถานที่ต่าง ๆ และออกล่าสัตว์ประหลาดหรือทำภารกิจได้อย่างอิสระ ที่บอกได้เลยว่าเกมนี้ถูกออกแบบมาสมกับชื่อภาพยนตร์ของ James Cameron มาก ๆ
และในโอกาสดีนี้ผู้เขียนก็ไม่พลาดที่จะนำพรีวิว 5 ความประทับใจจากการทดลองเล่น Avatar: Frontiers of Pandora มาให้ทุกคนได้ติดตามกันครับ
อนึ่งบทความนี้อ้างอิงจากการทดลองเล่นในช่วง Exclusive วันที 23 ต.ค. 2023 เกมเวอร์ชั่นจริงจะมีความแตกต่างไปจากเกมเวอร์ชั่นทดลองเล่นอยู่บ้างครับ
1. โลกที่มีรายละเอียดสูงมากจนน่าตะลึง
เรื่องแรกที่ผู้เขียนอดชมไม่ได้เลยจริง ๆ ก็คือ โลกที่ถูกออกแบบมาได้มีรายละเอียดสูงมาก ๆ ซึ่งผู้เขียนกล้าพูดได้เลยว่าเกม Open-World ของค่าย Ubisoft เป็นหนึ่งในเกมที่มีรายละเอียดสูงจนน่าประทับใจเป็นอย่างมาก โดยเกม Avatar: Frontiers of Pandora เป็นเกมที่มีเรื่องราวเกิดขึ้นใน Western Frontier หนึ่งในทวีปของ Pandora ซึ่งบรรยากาศของโลกนี้จะเป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ แล้วสิ่งมีชีวิตที่แปลกตาจำนวนมาก
โดยในการทดลองเล่นเกมในครั้งนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสออกสำรวจโลก Pandora ในบางส่วน แต่ก็ประทับใจในแง่มุมของการออกแบบเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดภายในโลก ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้เมื่อเวลาที่เราเข้าไปใกล้ก็จะหุบทันที, ปริศนาที่ถูกออกแบบมาโดยใช้เถาวัลย์ Lift Vine เพื่อขึ้นไปยังที่สูง หรือคุณสมบัติพิเศษของดอกไม้แต่ละชนิด (เช่นการทำลายใบไม้ขนาดเล็ก เพื่อทำให้ใบไม้ขนาดใหญ่เปิดออกให้เราเดินผ่านไปได้) เป็นต้น
ในขณะเดียวกันเมื่อคุณเข้าไปในฐานของ RDA คุณก็จะได้พบกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมายไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลูกสร้าง อุปกรณ์ต่าง ๆ รวมไปถึงชุด และหุ่นจักรกลมากมายราวกับเป็นคนละโลกเลยทีเดียว ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยนี้ทำให้การออกสำรวจ Pandora นั้นแตกต่างไปจากเกมอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัดเจน
2. การเหาะเหินอย่างอิสระบนฟ้าด้วย Ikran
การเดินทางภายในเกม Avatar: Frontiers of Pandora นั้นมีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่ที่ผู้เขียนได้สัมผัสในการทดลองเล่นในครั้งนี้หลัก ๆ ก็คือการเดินเท้า และการขี่เจ้า Ikran ซึ่งการเดินเท้านั้นจะขออนุญาตพูดในหัวข้อต่อไป โดยในหัวข้อนี้จะมุ่งเน้นประเด็นไปที่การเหาะเหินอย่างอิสระบนฟ้าด้วย Ikran ที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ประเภทมีปีกขนาดยักษ์ โดยภายในการทดลองเล่นนี้ผู้เขียนจะได้เริ่มต้นตั้งแต่การค่อย ๆ ผูกมิตรกับเจ้า Ikran จนกระทั่งได้มันมาเป็นพวก (รวมไปถึงตั้งชื่อให้มันได้ด้วย) และใช้มันออกเดินทางสำรวจโลก และต่อสู้ได้
การที่เกมมี Ikran ให้เราได้ใช้ในการเดินทางนั้นทำให้การท่องโลก Pandora สะดวกสบาย และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นจากการที่เราได้เห็น Pandora ในมุมสูงยิ่งทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าการออกแบบโลกที่ Ubisoft ทำขึ้นภายในเกมนี้มันยิ่งใหญ่มาก ๆ นอกจากนี้ เราสามารถใช้ Ikran เดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้สะดวกขึ้น เพราะภายในเกมนี้โลกถูกออกแบบมาให้มีมิติมุมสูงมากขึ้นด้วยเกาะลอยฟ้า อีกทั้งเรายังได้ทำภารกิจทำลายอุปกรณ์ที่อยู่บนฟ้าของ RDA ด้วย ทำให้ Ikran กลายเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบภายในเกมที่สำคัญแบบปฏิเสธไม่ได้เลยทีเดียว
3. การควบคุมตัวละคร Na’vi
กลับมาที่การรควบคุมตัวละครของผู้เล่นภายในเกม Avatar: Frontiers of Pandora ซึ่งตัวละครของผู้เล่นจะไม่ใช่มนุษย์ทั่ว ๆ ไป แต่จะเป็นชาว Na’vi นั่นเอง ซึ่งทำให้การคควบคุมตัวละครของเราภายในเกมนี้แตกต่างไปจากเกมอื่น ๆ อยู่พอสมควร ทำให้เกมนี้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนก็คือการกระโดดของตัวละครของเราที่สามารถย่อตัวค้างเพื่อทำให้กระโดดได้สูงขึ้น และไกลขึ้น ซึ่งจะช่วยในการสำรวจโลกด้วยการเดินเท้าได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามผู้เล่นอาจจะต้องปรับตัวในระดับหนึ่ง เพราะว่าหากใครเคยเล่นเกมอื่น ๆ มาก่อน อาจจะมีภาพจำว่า “เราไม่น่าจะกระโดดถึง” ซึ่งความจริงแล้วชาว Na’vi สามารถทำได้ ซึ่งจากจุดนี้เองทำให้หลาย ๆ ครั้งเราเกิดการลังเลและมุ่งมั่นหาเส้นทางอื่นในการเดินทงจนสุดท้ายกลายเป็นหลงทางแทนนั่นเอง
แต่โดยรวมแล้วเมื่อเราสามารถปรับตัวไปกับตัวละคร Na’vi ของเราได้เราก็จะได้สัมผัสกับการสำรวจโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก และทำให้การสวมบทบาทเป็นชาว Na’vi นั้นเพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น
4. รูปแบบการเล่นที่หลากหลาย
อีกหนึ่งจุดที่ผู้เขียนประทับใจพอสมควรเลยก็คือรูปแบบการเล่นภายในเกมนี้ที่แม้ว่าตัวเกมจะมุ่งเน้นให้เราได้ลอบสังหารมากกว่า (เพราะ RDA มีปืนที่ทำดาเมจใส่ชาว Na’vi ได้เยอะมาก ๆ) แต่ก็ไม่ได้แปลว่าสายเดินหน้ายิงจะเล่นเกมนี้ไม่ได้เลยซะทีเดียว
จากการทดลองเล่นเกม Avatar: Frontiers of Pandora ผู้เขียนก็ได้พบว่าการลอบเร้นภายในเกมนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ โดยเราสามารถใช้ธนูในการลอบสังหารจากระยะไกลได้ หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนหัวลูกธนูเพื่อสร้างความอลหม่านให้กับศัตรูก่อนที่เราจะลอบเร้นไปอีกทาง หรือสังหารมันจากระยะไกลก็ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อมีเหตุจำเป็น หรือเข้าตาจนจริง ๆ เราก็สามารถคว้าปืนของ RDA มาใช้สังหารศัตรูได้เช่นกัน เพราะตัวละครของเราคือชาว Na’vi ที่โดนเลี้ยงดูมาโดยพวก RDA ทำให้เรามีความสามารถของทั้ง 2 ฝั่งนั่นเอง
นอกจากนี้ศัตรูหลาย ๆ ตัวจะมี “จุดอ่อน” ซึ่งจะทำให้มันโดนดาเมจหนักกว่าปกติหากเราโจมตีโดนจุดนั้น (บางตัวอาจถึงตายเลย) โดยจุดอ่อนเหล่านั้นจะถูกโชว์ให้เราได้เห็นเป็นสีเหลืองบนตัวศัตรูเพื่อช่วยให้เราได้ทราบว่าจุดอ่อนของศัตรูอยู่ที่ไหน ทำให้การต่อสู้กับศัตรูเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกและความสะใจ แต่ถ้าผู้เขียนแนะนำบอกเลยว่าลอบเร้นจะดีกว่าหน่อย เพราะในตอนทดลองเล่นนี้การปะทะซึ่ง ๆ หน้าเป็นอะไรที่เหนื่อยมากแม้ว่าจะทำได้ก็ตาม
5. ระบบ Na’vi Sense
ระบบดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งระบบสำคัญที่ผู้เล่นจะต้องกดใช้งานแทบตลอดเวลา โดยระบบนี้จะช่วยบอกเราว่าจุดสำคัญที่อยู่ในละแวกนั้นมีอะไรบ้าง โดยหลัก ๆ ที่ผู้เขียนพบในการทดลองเล่นในครั้งนี้ก็คือสีเขียว คือเป้าหมายที่เราจะต้องไปให้ถึง หรือทำภารกิจให้สำเร็จ ในขณะที่สีแดงก็คือศัตรูนั่นเอง ซึ่งระบบนี้จะทำให้เราวางแผนในการเล่นได้ง่ายขึ้น อีกทั้งมาร์คสีเหล่านี้จะคงค้างอยู่ประมาณ 3-4 วินาทีหลังจากที่กดใช้ Na’vi Sense ซึ่งก็ถือว่าสะดวกไม่น้อยครับ
ทั้งหมดนี้ก็คือ 5 ความประทับใจจากการทดลองเล่น Avatar: Frontiers of Pandora ซึ่งก็น่าสนใจมากว่าเมื่อตัวเกมเต็มวางจำหน่ายแล้วจะมีระบบใด ๆ รอคอยให้เราได้สนุกกันมากกว่านี้ ผู้อ่านล่ะครับรอคอยเกมนี้มากแค่ไหน และอยากเห็นอะไรภายในเกมนี้เพิ่มเติมก็สามารถมาคอมเมนต์พูดคุยกันได้นะครับ
