[พรีวิว] Call of Duty: Vanguard โหมด Champion Hill ช่วง Alpha Stage

Call of Duty: Vanguard เป็นเกมแนว FPS จากซีรีส์ยอดนิยมที่ตีแผ่เรื่องราวในสงครามโลกครั้งที่สองผ่านสายตาของนักรบจากหลายสัญชาติ โดยเกมดังกล่าวจะวางจำหน่ายให้กับ PlayStation 5 , PlayStation 4 , Xbox Series X|S , Xbox One และ PC ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้

และในโอกาสนี้เราได้มีโอกาสเข้าร่วมในการทดสอบเกม Call of Duty: Vanguard ช่วง Alpha Stage โดยได้เข้าร่วมในสมรภูมิ Champion Hill ซึ่งเป็นโหมด Multiplayer ที่ผู้เล่นจะได้จับทีมกับผู้เล่นคนอื่น เข้าต่อสู้กับทีมศัตรูแบบ 2v2 หรือ 3v3 ขอบอกเลยว่า “สนุก ตื่นเต้น สะใจ” แน่นอน และเราก็ไม่พลาดที่จะนำพรีวิวมาให้ได้อ่านกันครับ

อนึ่ง… การพรีวิวนี้เกิดขึ้นบน PS5 และเป็นการพรีวิวในวันที่ 25 สิงหาคม 2564 หากผู้อ่านกลับมาอ่านในภายภาคหน้า ข้อสังเกตบางข้ออาจมีการปรับปรุงแล้ว

กราฟิกงามแม้ว่าอยู่ใน Alpha Stage

สิ่งแรกที่ผู้เขียนต้องพูดถึงหลังจากที่ได้สัมผัสเกมนี้ในแว๊บแรกก่อนก็คือ “แอบรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย” เพราะกราฟิกภายในเกมที่ถูกทำออกมาได้สวยในระดับดีแม้ว่าในตอนนี้ตัวเกมจะยังอยู่ใน Alpha Stage ก็ตาม โดยผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าเล่นในโหมดออนไลน์ที่ไม่มีช่วงเวลากลางคืน หรือเอฟเฟกต์แสงเงามากนัก แต่ภาพรวมกราฟิกของ Call of Duty: Vanguard ที่ผู้เขียนได้สัมผัสก็คือยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

ซึ่งก็น่าสนใจมากว่าเมื่อตัวเกมเปิดให้บริการจริง ๆ จะสวยงามมากกว่านี้ขนาดไหน เพราะทาง Josh Bridge จาก Sledgehammer Games เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า “สิ่งที่ผู้พัฒนาโฟกัสก็คือ การพัฒนาในเรื่องการให้แสงและเอฟเฟกต์ด้านภาพต่าง ๆ เช่น ช่วงเวลาที่ไม่ได้มีแสงจ้าอย่างในวันที่มีเมฆมาก เมฆหมอกในตอนเช้าก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น” ฉะนั้นผู้เขียนแอบคาดหวังว่า “ของจริงจะแจ่มว้าวกว่านี้อีกหลายเท่า” ครับ

โหมด Champion Hill สุดมันส์ที่เป็นมากกว่า Battle Royal

Champion Hill เป็นโหมดภายในเกม Call of Duty: Vanguard ที่ถูกต่อยอดมาจากโหมด Gunfight ของ Modern Warfare ซึ่งใช้เวลาเล่นไม่นาน แต่ความสนุก และความตื่นเต้นนั้นแตะขีดสุดมาก ๆ โดยโหมดนี้จะรองรับการเล่นแบบ Duos (2v2) และ Trios (3v3)

จากที่ผู้เขียนได้เข้าไปเล่นโหมดนี้ในการทดสอบที่ผ่านมา ก็ขออนุญาตเล่าคร่าว ๆ ว่าผู้เล่นจะถูกจับเข้าทีมกับผู้เล่นคนอื่น ๆ จากนั้นผู้เล่นจะเข้าสู่พื้นที่เตรียมตัวที่ผู้เล่นจะได้ซื้อไอเทม ซึ่งจะมีให้เลือก 4 แบบชนิดด้วยกันได้แก่ Perk , ปืน , อุปกรณ์เสริม รวมไปถึงระเบิด จากนั้นผู้เล่นจะถูกสุ่มให้แข่งกับทีมอื่น ในระหว่างการแข่งขันผู้เล่นจะมีภารกิจหลัก ๆ 2 อย่างก็คือ กำจัดศัตรู และสะสมเงิน โดยผู้เล่นสามารถใช้เงินที่หาได้จากการแข่งขันใช้อัปเกรดปืนที่มี หรือจะเก็บไว้เพื่อนำไปซื้อไอเทมก็ได้ โดยในการแข่งขันแต่ละรอบจะใช้เวลาไม่นาน เมื่อหมดเวลาก็จะเปลี่ยนคู่ไปเรื่อย ๆ (และจะมีการสลับกลับมาที่พื้นที่เตรียมตัวเพื่อซื้อไอเทม) โดยทีมสุดท้ายที่เหลือชีวิตรอดคือผู้ชนะ

ความรู้สึกของผู้เขียนรู้สึกประทับใจในโหมดนี้ไม่น้อย เพราะให้ความรู้สึกว่าผู้เล่นจะต้องมีการวางแผน และประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมให้ดี ยิ่งการต่อสู้ที่ใช้จำนวนคนไม่มาก แผนที่ไม่ใหญ่ เดินหากันแปปเดียวก็เจอ ทำให้ความเข้มข้นในการต่อสู้นั้นสูงมากขึ้น และให้ความรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาของการแข่งขัน

การต่อสู้ที่เป็นมากกว่าการเดินหน้ายิง แต่หัวใจจริง ๆ คือการเล่นเป็นทีม

ด้วยรูปแบบของเกมที่ถูกออกแบบมาให้จับทีม โดยแต่ละทีมจะมีสมาชิกทีมละ 2 หรือ 3 คนเท่านั้น ฉะนั้นการเดินหน้าฆ่ามันอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเสมอไป เพราะหลังจากที่ผู้เขียนได้สัมผัสเอง บอกได้เลยว่า “การวางแผนคือหัวใจหลัก”

ในทีมของผู้เล่นจะต้องวางแผนการเดินเกมรบให้ดี โดยผู้เล่นอาจจะต้องแบ่งหน้าที่กันว่าใครจะเป็นหน่วยปืนกล ใครจะเป็นหน่วยสไนเปอร์ (หรืออื่น ๆ) รวมไปถึงการออกลาดตระเวนในพื้นที่ ที่ไม่ใหญ่มากนัก ทำให้การโดนรุม หรือการโดนตลบหลังนั้นเกิดขึ้นได้ง่ายมาก ฉะนั้นหากผู้เล่นเน้นเดินหน้าลุยอย่างเดียวก็อาจจะเพลี่ยงพล้ำต่อศัตรูได้ง่ายดาย แต่ถ้าหากผู้เล่นมีการพูดคุยกันว่าจะเดินไปในเส้นทางไหน จะลอบเดินไปทางใด หรือจะวางกำลังตลบหลังศัตรูอย่างไร จะทำให้การต่อสู้ทำได้สะดวก และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกเหนือจากการเดินเกมรบแล้ว เงิน ภายในเกมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ตัวละครของผู้เล่นแต่ละคนมีความสามารถแตกต่างกันไป ซึ่งผู้เล่นสามารถเลือกซื้อ Perk ที่มีเพื่อเสริมสมรรถภาพของตัวละครให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น หรือจะนำเงินไปซื้ออาวุธที่มีลักษณะแตกต่างกันไปตั้งแต่ปืนกลหนัก , ปืนกลเบา , ปืนลูกซอง ไปจนถึงปืนสไนเปอร์ เป็นต้น การเล่นเป็นทีมที่มีการเลือกใช้ปืนที่หลากหลาย เหมือนเป็นการแบ่งบทบาทภายในทีม จะทำให้การต่อสู้ของผู้เล่นนั้นทำได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สรุปพรีวิว

จากเกม Call of Duty: Vanguard ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสสัมผัสมาก็ต้องบอกว่า “สนุก สะใจ” อย่างมาก โดยเฉพาะเกมเพลย์ในโหมด Champion Hill ที่ค่อนข้างเข้มข้น และแปลกใหม่อยู่ไม่น้อย ซึ่งเราก็ต้องมาดูกันต่อไปว่าเมื่อเกมนี้เปิดให้เล่นตัวเต็มกันแล้วจะมันส์ขนาดไหนกัน

จุดเด่น

• โหมด Champion Hill ที่สนุกสนาน
• การเลือกซื้อไอเทมต่าง ๆ ด้วยเงินที่หาได้จากการต่อสู้
• การต่อสู้แบบ 2v2 และ 3v3 ที่เร้าใจ

จุดสังเกต

• กราฟิกยังเหมือนมีการแอบเก็บของจริงไว้ (ต้องรอตอนเปิดตัวเกมจริง ๆ อีกครั้ง)
• จอย DualSense ยังไม่ได้ใช้ประสิทธิภาพอย่างที่ควร

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ ACTIVISION ที่มอบโอกาสให้เราเข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ด้วยครับ