ผลวิจัยเผยเกมเมอร์ทุ่มเงินซื้อ ‘เกม Remake’ มากกว่า ‘Remaster’ ถึง 2 เท่า
แถมเกมแนว Reboot ก็กำลังมาแรงไม่แพ้กัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา วงการเกมได้เห็นการกลับมาของเกมคลาสสิคในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Remake, Remaster หรือแม้แต่ Reboot ล่าสุด Video Games Chronicle ได้ระบุว่ามีรายงานจากสำนักวิจัย Ampere Analysis ที่เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจว่า “เกมเมอร์ทั่วโลกใช้เงินซื้อเกม Remake มากกว่าเกม Remaster ถึง 2 เท่า” ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของการนำเกมเก่ามา “สร้างใหม่ทั้งหมด” มากกว่าการ “ปรับภาพให้คมชัดขึ้นเฉย ๆ”
ผลวิจัย Ampere Analysis ชี้ยอดใช้จ่ายเกม Remake พุ่งทะยาน

รายงานของ Ampere Analysis ระบุว่าในช่วงปี 2024–2025 มีผู้เล่นรวมกว่า 72.4 ล้านคน บนแพลตฟอร์ม Xbox, PlayStation และ Steam ที่เล่นเกมประเภท Remake และ Remaster โดยพวกเขาใช้เงินรวมกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 45,532,200,000 บาท) ในการซื้อเกมเต็มและ Microtransactions
ข้อมูลเชิงลึกจากการศึกษาเกมทั้งหมด 42 เกม (แบ่งเป็น 15 Remake และ 27 Remaster) พบว่า “เกม Remake มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเกมมากกว่าเกม Remaster ถึง 2.2 เท่า” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้เล่นให้ความสำคัญกับคุณภาพและการพัฒนาใหม่มากกว่าการรีเฟรชกราฟิกเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม Ampere ก็ระบุด้วยว่า แม้เกม Remake จะสามารถ “ปลุกชีวิตให้กับแฟรนไชส์เก่า” และดึงดูดผู้เล่นหน้าใหม่ได้ดี แต่ก็ต้องแลกมาด้วย ต้นทุนการพัฒนา การตลาด และระยะเวลาการผลิตที่สูงกว่าอย่างมาก ขณะที่เกม Remaster นั้นใช้เวลาพัฒนาน้อยกว่าและมีต้นทุนต่ำกว่า แต่โดยทั่วไปมักสร้างแรงมีส่วนร่วมกับผู้เล่นได้น้อยกว่า
งานวิจัยยังกล่าวถึงกรณี “เกมที่ประสบความสำเร็จเป็นข้อยกเว้น” เช่น The Elder Scrolls IV: Oblivion Remastered ที่สามารถทำยอดใช้จ่ายจากผู้เล่นสูงถึง 180 ล้านดอลลาร์ และมียอดผู้เล่นต่อเดือนกว่า 7 ล้านคน บน PlayStation, Xbox และ Steam ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเกม Remaster ก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้ หากได้รับการปรับปรุงอย่างเหมาะสม
Katie Holt นักวิเคราะห์อาวุโสของ Ampere อธิบายเพิ่มเติมว่า “เมื่อค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเกมและทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มสูงขึ้น ค่ายเกมจึงหันกลับมาพิจารณาคลังเกมเก่าของตัวเอง เพื่อพัฒนาเป็น Remake หรือ Remaster ที่คุ้มค่ากว่า” พร้อมเสริมว่า “การตัดสินใจเลือกระหว่างสองแนวทางนี้ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ทั้งแผนของแฟรนไชส์ ความเสี่ยงในการลงทุน อายุของเนื้อหา และแพลตฟอร์มที่รองรับ”
ผลวิจัยนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า “Remake” ได้กลายเป็นแนวทางหลักของอุตสาหกรรมเกมในยุคที่ผู้เล่นต้องการคุณภาพและประสบการณ์ที่ทันสมัยกว่าเดิม ขณะเดียวกัน “เกมแนว Reboot” เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นจากทั้งนักพัฒนาและผู้เล่น เพราะเปิดโอกาสให้แฟรนไชส์เก่ากลับมาเล่าเรื่องในรูปแบบใหม่โดยไม่ยึดติดกับต้นฉบับ
หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป เราอาจได้เห็นการกลับมาของเกมระดับตำนานอีกหลายเรื่องในรูปแบบ Remake หรือ Reboot ที่ยกระดับทั้งภาพ เสียง และเกมเพลย์ให้ทันสมัยกว่าเดิม ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไปว่า เกมใดจะเป็น “ตำนานบทใหม่” ที่ได้รับการปลุกชีพในอนาคตอันใกล้นี้ ผู้อ่านล่ะครับคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับประเด็นนี้? อย่าลืมมาพูดคุยกันในเว็บไซต์ This is Game Thailand กันนะครับ






![[รีวิว] Dragon Quest I & II HD-2D Remake - คืนชีพตำนานฮีโร่ผู้กอบกู้โลก 9 Dragon Quest I & II HD-2D Remake Review](https://thisisgamethailand.com/wp-content/uploads/2025/11/Dragon-Quest-I-II-HD-2D-Remake-Review-0M-286x150.jpg)
