7 สิ่งที่แฟนเกม RPG แนวฝรั่งต้องชอบ Dragonheir: Silent Gods

เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้เห็นโฆษณาของเกม Dragonheir: Silent Gods บนหน้าโซเชียลมีเดียกันแล้วล่ะ เพราะบอกเลยว่าโผล่มาบ่อยจนผมต้องตัดสินใจโหลดมาลองเล่นดูสักครั้ง ซึ่งปรากฎว่าเป็นเกมที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย โดยเฉพาะในแง่ของความเป็นเกม RPG ฝรั่ง ซึ่งจะค่อนข้างแตกต่างจาก JRPG ที่บ้านเราคุ้นเคย โดยเกมนี้จะได้รับแรงบันดาลใจส่วนใหญ่มาจากบอร์ดเกมยุคเก่าอย่าง Dungeons & Dragons ที่เป็นเกมกระดานสายโรลเพลย์และมีการทอยเต๋าเพื่อสร้างสถานการณ์ตามจินตนาการของผู้เล่น ในเกมนี้ก็มีอะไรทำนองนั้นอยู่เหมือนกันครับ เราไปชมกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ที่จะทำให้แฟนเกม RPG ฝรั่งต้องชอบ

1. ภาพกราฟิกที่สมจริงและอลังการ

มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะตรงกันข้ามกันสำหรับเกม RPG สายฝรั่งกับสายญี่ปุ่น ถ้าคุณเป็นคนที่เล่นเกมมานานจะดูออกทันทีว่ากราฟิกแบบนี้เป็นเกมฝรั่งไหน (ยกเว้นว่าอีกฝ่ายอยากจะทำเกมแนวตรงข้าม) โดยส่วนใหญ่นั้น JRPG จะมีความแฟนตาซีสดใสและแฝงความเป็นอนิเมะลงไปสักหน่อย ในขณะที่ฝั่งฝรั่งนั้นจะเน้นความเรียลอลังการและสมจริงเป็นหลัก ธีมส่วนใหญ่ใน Dragonheir: Silent Gods จึงมักเป็นอะไรมี่หม่นและสมจริง ไม่ว่าจะเป็นโมเดลตัวละคร ฉาก มอนสเตอร์ สถานที่และเอฟเฟกต์ภายในเกม ล้วนทำออกมาดูเวอร์ ๆ แต่ก็ลงตัวในแบบของมัน ยิ่งฉากสู้กับบอสไม่ต้องพูดถึง บอสมันจะตัวใหญ่ไปไหน ทุกส่วนของภาพทำให้เรารู้สึกเลยว่าเกมนี้ถูกออกแบบมาอย่างใส่ใจครับ

2. เลือกเล่นได้ 4 เผ่าพันธุ์ มนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ มนุษย์กิ้งก่า

ตามสไตล์ของความเป็น RPG ฝรั่งนั้น เผ่าพันธุ์แต่ละเผ่าก็จะเป็นไปตามมาตรฐานของแฟนตาซีแบบฝรั่ง ก็คือจะมีเผ่ามนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ มนุษย์กิ้งก่า ทั้ง 4 เผ่านี้ผู้เล่นจะสามารถเลือกเล่นได้ และสร้างตัวได้ตั้งแต่เริ่มเกม ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละเผ่าก็จะมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไปตามสไตล์ เช่น มนุษย์จะมีบาลานซ์มากที่สุด ทำอะไรได้กว้างสุด ส่วนเอฟล์จะมีทักษะด้านการเจรจาต่อรอง คนแคระจะถึกและดื่มเหล้าเก่ง ส่วนมนุษย์กิ้งก่าก็จะแข็งแกร่งเพราะมีหนังที่หนา ทั้งนี้เบื้องต้นยังเป็นแค่ 4 เผ่าตอนเปิดเซิร์ฟเท่านั้น ในอนาคตไม่แน่ว่าจะมีเผ่าอื่น ๆ ให้เลือกเล่นอีกก็เป็นได้ เพราะตามสไตล์ RPG ฝรั่งแล้ว ยังเหลือเผ่าที่น่าสนใจอยู่อีกมาก เช่น ออร์ค นากา แฟรี่ และอื่น ๆ อีกมาก

3. มอนสเตอร์ส่วนใหญ่เป็นแบบฉบับของแฟนตาซีตะวันตก

นอกจากตัวละครหลักของเราแล้ว มอนสเตอร์ต่าง ๆ ในเกมก็ยังมีความเป็นแฟนตาซีตะวันตกสูงอีกด้วย ถ้า JRPG สู้กับมอนสเตอร์ตัวแรกเป็นสไลม์ งั้น RPG ฝรั่งก็ต้องเจอกับก็อบลิน เป็นต้น ด้วยความที่ธีมเกมเน้นสมจริง ในจุดแรกเริ่มของเกมเราจะได้สู้กับอะไรที่ดูเป็นธรรมชาติ เช่น สู้กับสัตว์ป่า สู้กับโจร สู้กับอัศวิน แต่พอผ่านไปสักพักศัตรูก็จะเริ่มเป็นอะไรที่เหนือธรรมชาติขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ต้นไม้ปีศาจ หมอกพิษ ซอมบี้ ลามไปจนถึงมอนสเตอร์ระดับบอสเช่นพวกเทพเจ้าหรือปีศาจร้ายในนรกก็เป็นไปได้เช่นกัน บางฉากถึงขนาดสู้กับมอนสเตอร์ต่างมิติเลยก็มี แต่ทุกอย่างจะอยู่บนพื้นฐานของ RPG ตะวันตกแน่นอนครับ

4. เน้นโรลเพลย์ มีทางเลือกให้คิดและมีความเสี่ยงให้แบกรับ

เนื่องจากว่าเกมนี้จะเป็นเกมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Dungeons & Dragons ค่อนข้างเยอะ และมันจะเน้นไปที่การโรลเพลย์ ให้เราตัดสินใจสิ่งต่าง ๆ ภายในเกม จะเป็นคนดีหรือจะเป็นคนร้าย จะช่วยเหลือคนหรือฆ่าคน จะขโมยของ จะใช้กำลังตัดสินปัญหา หรือจะเจรจาหาทางออก ทุกอย่างสามารถเป็นไปได้แล้วแต่คุณจะเลือก บางครั้งคุณเจอคนที่ขวางทางอยู่ คุณสามารถเลือกได้ว่าคุณจะคุยกับเขาดี ๆ จะชวนเขามาเป็นพวก หรือจะฆ่าเขาให้จบ ๆ ไป แน่นอนว่าทุกทางเลือกย่อมมีผลที่จะตามมา โลกมีกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม การได้สิ่งหนึ่งไปย่อมจะสูญเสียอีกสิ่งหนึ่งไปเช่นกัน แค่บางครั้งคุณอาจจะยังไม่รู้ว่าเสียมันไปแล้วต่างหาก

5. เกมเพลย์ต้องคิด ตึงมือแทบทุกด่าน

เกมเพลย์ของเกมนี้จะเป็นแนว RPG วางกลยุทธ์ เราจะต้องจัดทีม วางตัวละครลงในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อให้ตัวละครเหล่านั้นลงไปต่อสู้แบบอัตโนมัติให้ชนะ เราสามารถควบคุมได้แค่การกดใช้สกิลท่าไม้ตายเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจจะเหมือนระบบของเกมมือถือทั่วไป แต่ที่ตึงมือคือแต่ละด่านจะมีกับดักของมัน เช่น ด่านนี้ให้ปกป้องเพื่อน ด่านนี้ศัตรูจะโจมตีเป็นเส้นตรงก่อน ด่านนี้จะมีศัตรู Copy สกิลเราได้ เป็นต้น นอกจากนี้การเสีย HP ในด่านที่แล้วยังส่งผลกระทบในด่านถัด ๆ ไป ถ้าคุณใจเร็วลืมเพิ่มเลือดก่อนเข้าสู้ครั้งใหม่ คุณจะเสียเปรียบตั้งแต่เริ่มและมันเป็นไปได้หลายครั้งในเกมนี้ ยิ่งศัตรูบอสไม่ต้องพูดถึง นอกจากจะถึก เสกลูกน้องได้มีสกิลหมู่ ยังมีเปลี่ยนแพทเทิร์นเมื่อเลือดน้อยลงอีก ถ้าจะสบายก็เป็นไปได้อย่างเดียวคือเลเวลและไอเทมของคุณนำโด่งเกินศัตรูมาก ๆ ครับถึงจะเปิด Auto ได้ชิล ๆ

6. บรรยากาศยุคกลางตามสไตล์ตะวันตก

บรรยากาศส่วนใหญ่ภายในเกมนี้จะเป็นธีมยุคกลางตามสไตล์ตะวันตก ซึ่งเราจะเห็นธีมประมาณนี้ได้ทั่วไปจากซีรีส์หรือหนังฝรั่งยุคเก่า เช่น The Lord of The Rings หรือ Game of Thrones เป็นต้น ในยุคนี้สิ่งก่อสร้างมักจะถูกทำด้วยไม้และหิน ปราสาทใหญ่ ๆ ที่ดูอลังการอาจจะสร้างจากหิน แต่ชาวบ้านทั่วไปก็จะเป็นไม้ธรรมดา อาวุธก็จะไม่เกินดาบ หอก ขวาน ธนู หน้าไม้ ส่วนพวกที่เป็นนักเวทย์ก็จะใช้เวทมนตร์ตามธาตุต่าง ๆ โดยเซ็ตติ้งของเกมนี้จะมีทั้งหมด 6 ธาตุ ได้แก่ ไฟ สายฟ้า น้ำแข็ง พิษ แสงและมืด การออกแบบตัวละครก็จะมีความสอดคล้องกับธาตุประจำตัวด้วย ส่วนฉากต่าง ๆ ก็มีพื้นที่มากมาย ทั้งป่าทึบ ทุ่งหญ้า ภูเขาน้ำแข็ง เมืองริมแม่น้ำ เป็นต้น ทำออกมาได้ค่อนข้างดีใช้ได้เลยครับ

7. มีระบบทอยเต๋าแบบ Dungeons & Dragons

สำหรับข้อนี้นั้นแฟน ๆ บอร์ดเกมของ Dungeons & Dragons น่าจะถูกใจเกมนี้อย่างมาก เนื่องจากการโรลเพลย์นั้นมีความเสี่ยงที่ต้องแบกรับ และต้องอาศัยดวงในการเล่น ซึ่งการกระทำต่าง ๆ ภายในเกมมักจะต้องใช้การทอยเต๋าและค่าสเตตัสมาเข้าช่วย เช่น คุณต้องการจะเป็นคนดี อยากจะเจรจาคนที่ขวางทางคุณอยู่ให้หลีกทางให้ คุณจะต้องทอยเต๋าเพื่อลุ้นว่าจะสำเร็จหรือไม่ โดยเต๋าที่คุณทอยได้จะต้องมากกว่าแต้มที่กำหนดถึงจะสำเร็จ ในขณะเดียวกันถ้าคุณมีค่าสเตตัสสาย CHA ค่าสเตตัสนี้ก็จะช่วยเพิ่มแต้มในหน้าเต๋าที่ทอยออกไปให้สำเร็จง่ายขึ้นอีกด้วย เป็นต้น ในขณะที่ค่าสเตตัสอื่น ๆ ก็จะใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน เช่น INT ใช้แก้ไขปัญหา, STR ใช้ประลองกำลัง, CON ใช้แข่งดื่มเหล้า เป็นต้น ซึ่งคุณจะเลือกทำอะไรหรือไม่ทำอะไร อันนี้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณเลือกเลยครับ

และนี่ก็คือ “7 สิ่งที่แฟนเกม RPG ฝรั่งต้องชอบ Dragonheir: Silent Gods” เป็นยังไงกันบ้างล่ะครับ รู้สึกชอบเกมนี้ขึ้นมาบ้างหรือเปล่า ส่วนตัวผมนั้นชอบความที่เกมนี้เอา Dungeons & Dragons มาเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างนี่แหละครับ มันทำให้เกมดูมีมิติมากขึ้น ผู้เล่นมีทางเลือกมากขึ้น และดูแปลกใหม่มากขึ้นครับ ติดที่การสร้างตัวละครมันเลือกเพศไม่ได้นี่แหละ ไม่งั้นคงได้เล่นเอลฟ์หญิงไปแล้ว xD

เว็บไซต์ทางการ ที่นี่

ดาวน์โหลดเกม